อย่าหนีปัญหา โดย หมัดเหล็ก
ปัญหาความขัดแย้งระหว่าง ไทย-กัมพูชา ได้รับความสนใจ จากสื่อมวลชนต่างประเทศที่เดินทางไปทำข่าวประชุม สุดยอดผู้นำ อาเซียน ที่ประเทศอินโดนีเซียอย่างมาก งานนี้คนกลางอย่าง มาร์ตี้ นาตาเลกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียน ลำบากใจไม่ใช่น้อย
ต้องคุยกับ กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศไทยและ ฮอนัมฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา เป็นการส่วนตัว โดยที่ฝ่ายไทยยันต้องทำทีโออาร์ว่าประเทศผู้สังเกตการณ์จะ สามารถเข้าพื้นที่ขัดแย้งได้แค่ไหน มีอำนาจอย่างไร ในขณะที่กัมพูชาพร้อมที่จะให้คณะผู้สังเกตการณ์เข้าตรวจสอบได้ ตลอดเวลา
ความหวังในการเจรจาระหว่างผู้นำทั้งของไทยและ กัมพูชายิ่งยากเข้าไปใหญ่ เพราะขนาด ฮอ นัมฮง รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศกัมพูชา ยังไปโวยในที่ประชุม รมว.ต่างประเทศอาเซียน ว่าไทยไม่ให้ความร่วมมือและไม่มีความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหา ความขัดแย้ง
เล่นเอาวงประชุมปั่นป่วนไปพักใหญ่ ไม่เฉพาะสื่อเท่านั้น บรรดาประเทศสมาชิกอาเซียน ก็ให้ความสนใจในด้านของผลกระทบทั้ง ด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงในภูมิภาคนี้
กลัวจะเกิดศึกใหญ่
ถ้า รัฐบาลจะเล่นเกมซื้่อเวลาหนีปัญหาเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่าง ยิ่งเพราะปัญหาใหญ่ระดับชาติที่จะกระทบถึงอธิปไตยและดินแดน ของประเทศ ไม่ใช่เรื่องการเมืองทั่วไปที่จะมานั่งสร้างภาพกันไปวันๆ
รัฐบาลไม่ควรหนีปัญหา
ที่ สำคัญคือรัฐบาลเกี่ยวข้องกับประเด็นความขัดแย้งมาตั้งแต่ต้น มาตั้งแต่เป็นฝ่ายค้าน ไปจุดชนวนการเมืองเอาไว้อย่างไรบ้างคงไม่ต้องเซดให้เมื่อย ตุ้ม
สโลแกนหาเสียงของประชาธิปัตย์ 3ปีกับการทำงานหนัก ขอโอกาสให้กลับมาทำงานใหม่อีกครั้ง หรือสานงานต่อ ก่องานใหม่ ฟังแล้วขนลุก งานหนัก3ปี สร้างความแตกแยก สร้างปัญหาความขัดแย้งระดับชาติ นำประเทศเข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพง วิกฤติการเมืองยกระดับฝังรากลึก
จะสานงานกันไปถึงไหน
บท เรียนการเมืองราคาแพงในอดีต เป็นบทเรียนที่จะต้องนำมาแก้ไขวิกฤติการเมืองในปัจจุบัน โดยเร็วที่สุด วิธีการลับ ลวง พราง ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาวิกฤติการเมืองของประเทศ แต่เป็นการสร้างวิกฤติการเมืองให้แตกแยกมากยิ่งขึ้น
พิสูจน์ นับตั้งแต่รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จนถึงรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลับ ลวง พราง นำประเทศไปสู่การติดหล่มจมปลัก ประชาธิปไตยถูกจับใส่โซ่ตรวน
ปลดปล่อยเผด็จการคืนอำนาจ.
หมัดเหล็ก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น