กระแสความนิยมในพรรคเพื่อไทยกำลังแรงจัดเมื่อเอแบคโพลล์สำรวจพบประชาชนให้ความนิยมเหนือกว่าคู่แข่งสำคัญอย่างพรรคประชาธิปัตย์ในทุกด้าน ทั้งเรื่องวิสัยทัศน์ นโยบาย อุดมการณ์ประชาธิปไตย
พรรคเพื่อไทยยังแรงดีไม่มีตกในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเมื่อสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจตอกย้ำได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเหนือพรรคประชาธิปัตย์ในทุกด้าน
ทั้งนี้ เป็นการสำรวจจากประชาชน 2,143 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 1-7 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อเปรียบเทียบจุดแข็งของพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค และความนิยมของสาธารณชนต่อพรรคการเมือง
ผลสำรวจเปรียบเทียบพบว่าพรรคเพื่อไทยชนะพรรคประชาธิปัตย์อย่างมีนัยสำคัญทางตัวเลขสถิติ ด้านวิสัยทัศน์ แนวนโยบาย พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 59.0 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 41.0
ด้านความรวดเร็วในการบริหารงาน พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 64.5 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 35.5
ด้านอุดมการณ์ประชาธิปไตย พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 55.5 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 44.5
ด้านการเข้าถึงประชาชน พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 61.8 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 38.2
ด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 64.6 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 35.4
ด้านการพัฒนาสังคม พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 57.2 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 42.8
ด้านการต่างประเทศ พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 61.9 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 38.1
ด้านการเป็นที่ยอมรับของประชาชน พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 60.9 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 39.1
ด้านการเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 58.6 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 41.4
ด้านความเจนจัดทางการเมือง จัดสรรตำแหน่ง ประสานประโยชน์ เจรจาต่อรองได้ลงตัว พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 58.9 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 41.1
มีเพียงด้านเดียวที่พรรคประชาธิปัตย์เหนือกว่าพรรคเพื่อไทยคือ เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 51.6 ขณะที่พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 48.4 แต่ตัวเลขนี้ไม่ได้มีนัยสำคัญ เพราะไม่ได้ห่างกันมากนัก
ประเด็นคำถามว่าหากวันนี้เป็นวันเลือกตั้งจะลงคะแนน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อให้พรรคการเมืองใด พบว่าคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ลดลงจากการสำรวจครั้งก่อนที่ได้ร้อยละ 39.6 มาอยู่ที่ร้อยละ 34.1 ขณะที่พรรคเพื่อไทยอยู่ในระดับเดิมไม่เปลี่ยนแปลงมาก คือจากร้อยละ 36.2 มาอยู่ที่ร้อยละ 36.4 หากเลือกตั้งกันวันนี้จะทำให้พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าที่คะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ลดลงเป็นเพราะประชาชนเกิดความสงสัยในจุดแข็งเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต หลังจากอนุมัติงบประมาณในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดสุดท้าบแบบไม่โปร่งใสจำนวนมาก เมื่อเสียงสนับสนุนของพรรคประชาธิปัตย์ตกลงพรรคเพื่อไทยจึงกลายเป็นพรรคที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลสูงกว่า
******************************* |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น