วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

"เรืองไกร"ยื่น ป.ป.ช.สอบ"สุเทพ-สาธิต"แจ้งทรัพย์สินเท็จ

  นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ได้ยื่นเรื่องต่อประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ว่าจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 263 หรือไม่    

โดยกรณีของนายสาธิต ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ในรายการที่ดินและอาคาร ดังนี้ โฉนดเลขที่ 89242 เนื้อที่ 1 ไร่ 53 ตารางวา ตอนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 22 ม.ค.2551 มูลค่า 3.171 ล้านบาท แต่ต่อมาได้แจ้งที่ดินแปลงเดียวกันอีก 3 ครั้ง ด้วยราคา 906,000 บาท จึงมีข้อสังเกตว่าการแจ้งเมื่อวันที่ 22 ม.ค.2551 เป็นการแสดงราคาที่ดินอันเป็นเท็จหรือไม่ เพราะปกติที่ดินไม่ควรมีราคาลดลง ยังมีที่ดิน น.ส.3 ก. หรือ ก.ส.น. 5 เลขที่ 3705 ต่อมาเปลี่ยนเป็นโฉนดเลขที่ 3167 โดยแจ้งเมื่อวันที่ 22 ม.ค.2551 มูลค่า 3 ล้านบาท เนื้อที่ 49 ไร่ 3 งาน 32 ตารางวา ต่อมาแจ้งเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2554 แต่ไม่แสดงมูลค่า แต่มาแจ้งอีกครั้งวันที่ 2 ส.ค.2554 แสดงมูลค่า 1 ล้านบาท แต่มีเนื้อที่ 89 ไร่ 3 งาน 70 ตารางวา และต่อมาแจ้งเมื่อวันที่ 9 พ.ค.2555 โดยแสดงมูลค่า 1 ล้านบาท เนื้อที่ 49 ไร่ 3 งาน 70 ตารางวา เห็นว่ามีการแจ้งไม่สอดคล้องกัน จึงอาจเข้าลักษณะการแจ้งบัญชีทรัพย์สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ

นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังไม่ได้แจ้งที่ดินอีก 2 แปลง คือโฉนดเลขที่ 16324 และโฉนดเลขที่ 16321 ที่ได้มาเมื่อวันที่ 17 ก.ค.2534 จึงอาจเข้าลักษณะปกปิดบัญชีทรัพย์สิน และยังตรวจสอบพบว่ามีการแจ้งราคาบ้านที่ตั้งอยู่บนโฉนดเลขที่ 125539 เมื่อวันที่ 22 ม.ค.2551 ราคา 7 แสนบาท แต่ต่อมาได้แจ้งบ้านหลังเดียวกันอีก 3 ครั้ง ด้วยราคา 300,000 บาท และมีการแจ้งราคาบ้านที่ตั้งอยู่บนโฉนดเลขที่ 3167 เมื่อวันที่ 22 ม.ค.2551 ด้วยราคา 8 แสนบาท แต่ต่อมาได้แจ้งบ้านหลังเดียวกันอีก 3 ครั้ง ด้วยราคา 4 แสนบาท จึงมีข้อสังเกตว่าการแจ้งราคาบ้านบนที่ดินทั้ง 2 ผืน ซึ่งมีราคาส่วนต่างหลังละ 4 แสนบาท เป็นการแสดงราคาอันเป็นเท็จหรือไม่

นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า ส่วนนายสุเทพได้ยื่นบัญชีเมื่อวันที่ 2 ส.ค.2554 ว่ามีทรัพย์สิน-สุทธิ 93,848,808.27 บาท และยื่นบัญชีเมื่อวันที่ 9 พ.ค.2555 ว่ามีหนี้สิน-สุทธิ (ทรัพย์สินรวมน้อยกว่าหนี้สินรวม) 56,969,485.57 บาท เมื่อเปรียบเทียบบัญชีทั้งสองครั้งซึ่งห่างกันประมาณ 9 เดือน แสดงว่านายสุเทพมีหนี้สิน-สุทธิเพิ่มขึ้น 150,818,293.84 บาท ทั้งที่แสดงรายได้ไว้ 42,552,891 บาท แสดงรายจ่ายไว้ 42,078,083 บาท มีรายได้สูงกว่ารายจ่ายเล็กน้อย จึงมีข้อสังเกตว่าทำไมจึงมีหนี้สินเพิ่มขึ้นถึง 150 ล้านบาทเศษ แต่เมื่อไปตรวจสอบในบัญชีด้านหนี้สิน พบว่านายสุเทพมีเงินกู้จากธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เป็นยอดเงินต้นคงค้างอยู่ 224,580,162.74 บาท มีที่ดินที่แจ้งเมื่อวันที่ 9 พ.ค.2555 รวม 149 แปลง มูลค่า 164,379,400 บาท และมีที่ดินที่แจ้งเมื่อวันที่ 2 ส.ค.2554 รวม 59 แปลง มูลค่า 98,088,050 บาท แสดงว่า มีที่ดินเพิ่มขึ้น 90 แปลง มูลค่า 66,291,350 บาท ดังนั้น หากนำหนี้สินที่เป็นเงินกู้จากธนาคารอิสลาม หักด้วยมูลค่าที่ดิน 90 แปลง 66,291,350 บาท จึงมีประเด็นที่ควรตรวจสอบว่าหนี้สินที่ยังหาที่มาที่ไปไม่ได้ มีอยู่ประมาณ 158,288,812.74 บาท

นายเรืองไกรกล่าวว่า ตามหลักการบัญชีทั่วไป หนี้สินที่เพิ่มขึ้นควรคู่กับรายการทรัพย์สินประเภทใดประเภทหนึ่ง ดังนั้น การแจ้งบัญชีทรัพย์สินอาจมีการจงใจยื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริง เมื่อเปรียบเทียบบัญชีที่ดินเป็นรายแปลง พบว่ามีการแจ้งราคาที่ดินบางรายการไม่ตรงกัน เช่น โฉนดที่ดิน เลขที่ 24563 เนื้อที่ 38 ไร่ 1 งาน 76 ตารางวา แสดงราคาเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2554 มูลค่า 8,156,400 บาท อีก 4 เดือนต่อมา แสดงราคามูลค่า 38,436,600 บาท ซึ่งสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 30,280,200 บาท จึงขอให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตรวจสอบไต่สวนตามอำนาจหน้าที่ว่า นายสาธิตและนายสุเทพ จงใจยื่นแสดงบัญชีด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 263 วรรคหนึ่งหรือไม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น