วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

อ่านบทสัมภาษณ์เปิดใจนายกรัฐมนตรี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ครั้งแรก กับนิตยสารญี่ปุ่นชื่อดัง AERA


อ่านบทสัมภาษณ์เปิดใจนายกรัฐมนตรี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ครั้งแรก กับนิตยสารญี่ปุ่นชื่อดัง AERA


         วันที่ 20 กันยายน 2556 (go6TV) เว็บไซต์ชื่อดัง Inside ThaiGOV ได้เผยบทสัมภาษณ์พิเศษครั้งแรกของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในนิตยสารชื่อดังของญี่ปุ่น เปิดเผยถึงการทำงานในฐานะของนายกรัฐมนตรี ที่แม้งานจะเหนื่อย แต่มีความสุขเพราะได้ทำงานให้ประชาชนไทย โดยมีข้อความดังนี้ 



         “งานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึงจะเหนื่อยแต่มีความสุขค่ะ เพราะรักการทำงานตรงนี้ และรักประเทศของเรา” แม้จะถูกมองที่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามอยู่บ่อยๆ แต่ความสามารถด้านการบริหารนโยบายเศรษฐกิจก็ถูกพูดถึงเช่นกัน

        นายกรัฐมนตรีไทย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (21 มิถุนายน 2510) เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ ทางภาคเหนือของประเทศไทย ลูกคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 9 คน บิดาเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ศึกษาในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะรัฐศาสตร์ และปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเคนทักกีสเตต สหรัฐอเมริกา ในสาขารัฐประศาสนศาสตร์

          แม้ว่าจะเป็นสตรีจากประเทศที่ได้ชื่อว่า “สยามเมืองยิ้ม” แต่ด้วยมีตำแหน่งเป็นถึงนายกรัฐมนตรี และยังมีปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา รวมถึงประสบการณ์บริหารงานในตำแหน่งประธานบริษัทมาหลากหลายแห่ง ผมจึงคิดว่าท่านต้องมีท่าทีที่ดูขึงขังดุดันแน่ๆ แต่จากการเข้าพบนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยในครั้งนี้ผมพบว่าท่านเป็นบุคคลที่ดูนุ่มนวล เมื่อถามถึงความสำคัญของการเป็นนายกรัฐมนตรีหญิง ท่านตอบด้วยน้ำเสียงน่าฟังว่า “การบริหารประเทศนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิงก็เหมือนกัน ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อประชาชน” อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรซึ่งพ้นจากตำแหน่งเพราะการรัฐประหารในปี 2549 โดยมีชนวนเหตุจากความสงสัยเรื่องการคอรัปชั่นคือพี่ชายแท้ๆที่อายุมากกว่า 18 ปี ท่านเป็นตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยซึ่งสมาชิกพรรคส่วนใหญ่คือกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและชนะการเลือกตั้งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการเมือง แต่ด้วยความสามารถที่ถ่ายทอดจากครอบครัวที่อยู่ในวงการนี้ ทำให้พรรคเพื่อไทยได้ที่นั่งในสภาไปมากกว่าครึ่ง

          หลังจากท่านเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 800 คน แม้จะเห็นน้ำตาของประชาชน เธอยืนหยัดว่า “จะร้องไห้ไม่ได้” และสั่งการรับมือปัญหาดังกล่าว นอกจากนี้ ยังได้ปฏิรูปด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง มีทั้งนโยบายการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ การลดภาษีรถคันแรก และอื่นๆ แม้โครงการรับจำนำข้าวจะขาดทุนอย่างมาก แต่รายได้สุทธิของประชาชนโดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจก็เติบโตขึ้นด้วย

         “ประสบการณ์การเป็นผู้บริหารบริษัทมีประโยชน์ในเรื่องการจัดการปัญหา และการสร้างรายได้”

         คำวิจารณ์ว่าท่านเป็น “หุ่นเชิด” ของอดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งยังอาศัยอยู่ในต่างประเทศยังคงไม่หมดไป เมื่อเปลี่ยนมาพูดเรื่องอิทธิพลจากคนในครอบครัว ท่านกล่าวว่า “อยากจะเรียนว่าพี่ชายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี แต่ดิฉันเป็นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันค่ะ ดิฉันเรียนรู้วิธีการทางการเมืองและปรัชญาของพี่ชาย แต่ก็ไม่ได้ลอกแบบมาทั้งหมด ดิฉันบริหารงานรัฐบาลเองค่ะ”



วันนี้ผมรู้สึกถึงพลังที่ออกมาอย่างเต็มที่จริงๆครับ
นายทะมุระ เอะอิจิ
กองบรรณาธิการ Asahi Shimbun Weekly (AERA 2013.8.5)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น