วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ถนนอักษะชุมนุมปราบกบฎ ฮือฮา รถติดตรา 903 ทูลกระหม่อมหญิงฯโผล่แจกของ


?ผอ.มูลนิธิมิราเคิลฯร้องถูกแอบอ้างใช้สัญลักษณ์แจกของเสื้อแดง?

              มีรายงานว่าวันนี้มีรถตู้คันหนึ่ง มีข้อความบนสติ๊กเกอร์ข้างรถว่า "903 มูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ MoL ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี สนับสนุนภารกิจโดย..นายพลคนขอนแก่น รถฉุกเฉินได้รับอนุญาตแล้ว GD เจนิฟู้ด" มาจอดที่หน้าซุ้มทางเข้าถนนอักษะ และเปิดท้ายแจกของแก่คนเสื้อแดงที่มาร่วมชุมนุม โดยมีป้ายผ้าเขียนว่า "สนับสนุนผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแด่คนเสื้อแดง มูลค่า9,880,000

           (อัพเดตข่าว ณ วันที่ 12 พฤษภาคม) เว็บไซต์ASTV ผู้จัดการรายวัน รายงานในค่ำวันต่อมา(12พฤษภาคม)ในหัวข้อข่าว “มิราเคิลฯ” โวยถูกแดงแอบอ้างแจกของ โดยมีรายละเอียดดังนี้

           นายมนัส โนนุช กรรมการและผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน มูลนิธิมิราเคิล ออฟ ไลฟ์ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ประเสริฐ พรมจันทร์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.ธรรมศาลา เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ติดตรามูลนิธิฯ ไปแจกของให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. บริเวณถนนอุทยาน ก่อนที่จะมีการโพสต์ส่งต่อในเฟซบุ๊ก พร้อมทั้งนำภาพถ่ายมายื่นเป็นหลักฐานด้วย ซึ่งรูปภาพดังกล่าวแสดงรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ติดตราสัญลักษณ์มูลนิธิฯ รวมทั้งยังติดสติกเกอร์หมายเลข 903 ซึ่งเป็นหมายเลขประจำพระองค์ ไปแจกจ่ายของให้กับกลุ่ม นปช. โดยที่ภาพดังกล่าวจะถูกถ่ายไว้เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนจะมีการโพสต์ลงในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว สร้างความสงสัยและเข้าใจผิดให้ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก

            ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่า ทางมูลนิธิฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีผู้ที่เลียนแบบนำสติกเกอร์มาติด อีกทั้งการกระทำดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ไม่บังควรอย่างยิ่ง และเป็นการสร้างความระคายเคืองให้กับพระองค์ด้วย ทางมูลนิธิฯ จะช่วยเหลือผู้ยากไร้ผู้ด้อยโอกาส และผู้ประสบภัยให้กับประชาชนทั่วประเทศอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางการเมือง ซึ่งความจริงแล้วทางมูลนิธิฯมีรถตู้ยี่ห้อโตโยต้าสีขาวอยู่เพียง 1 คันเท่านั้น ตัวเลขก็เป็นเลข 903 อีกด้วย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้วก่อนจะประสานไปยังฝ่ายสืบสวน เพื่อลงพื้นที่ติดตามเจ้าของรถคันดังกล่าวมาทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งว่ากระทำผิดจริงหรือไม่






\






















1 ความคิดเห็น:

  1. อย. เข้ม สั่งฟันโฆษณาผลิตภัณฑ์เอนไซม์ เจนิฟู้ด อวดอ้างรักษาสารพัดโรค....


    อย. เตือนผู้บริโภคอย่าได้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์เอนไซม์ เจนิฟู้ด ซึ่งอ้างเป็น“เอนไซม์” หลังพบว่า มีการโฆษณาทางสื่อโทรทัศน์ดาวเทียม และเคเบิลทีวี อวดอ้างสรรพคุณรักษาโรคมะเร็ง หัวใจ อัมพฤกษ์ เบาหวาน ความดัน ฯลฯ เพราะอาจสิ้นเปลืองเงินโดยไม่จำเป็น เสียโอกาสในการรักษา และยังรักษาโรคไม่ได้ตามที่กล่าวอ้าง พร้อมย้ำชัด ผลิตภัณฑ์อาหารไม่ใช่ยารักษาโรค อย. สั่งระงับโฆษณา และเตรียมดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างหนัก เพราะเงินค่าปรับ จะทวีคูณตามจำนวนครั้งที่พบ ถือเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระ


    นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ที่ปกป้องมิให้ผู้บริโภคตกเป็นเหยื่อการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่อวดอ้าง สรรพคุณเกินจริง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ปฏิบัติการเชิงรุกตรวจสอบโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทุกผลิตภัณฑ์ทางสื่อต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ พบว่ามีการโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหาร “เอนไซม์ เจนิฟู้ด” ซึ่งขอขึ้นทะเบียนกับ อย. เป็นเครื่องดื่มพืชผักผลไม้ผสม (ตราเจนิฟู้ด) แต่โฆษณาอ้างว่าเป็น“เอนไซม์”ทางสื่อโทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวี ได้แก่ Nation Channel, I Channel, Thai Vision, KM Channel, Home Channel, MVTV 5, Star Channel, iNews Channel, MYTV, Nice Channel, Variety Channel เป็นต้น มีข้อความโฆษณาอวดอ้างรักษาได้สารพัดโรค เช่น ป้องกัน ยับยั้ง ต่อต้าน ทำลายโรคต่าง ๆ เป็นทางเลือกที่ได้ผลสูง , รักษาแผลกดทับเนื่องจากอัมพฤกษ์, ใช้โรยแผลที่มีเนื้อมะเร็ง แผลบวม มีหนอง จะช่วยดูดซับสารพิษทั้งหมด ฯลฯ โดยนำบทสัมภาษณ์ผู้ป่วย อาทิ ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน เบาหวาน ความดัน มะเร็ง ไขมันอุดตัน มะเร็งเต้านม หัวใจตีบ ฯลฯ ที่รับประทานผลิตภัณฑ์เอนไซม์ดังกล่าวแล้วอาการป่วยดีขึ้น หรือหายจากอาการป่วย หรือนำผู้ที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักในสังคมมาโฆษณา เพื่อจูงใจให้ตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์มาใช้ ทั้งนี้ อย. ขอเตือนให้ผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อ โดยเด็ดขาด เพราะผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจัดเป็นอาหารไม่ใช่ยา จึงไม่มีสรรพคุณในการบำบัดรักษาโรคได้ หากผู้บริโภคหลงเชื่อซื้อหามารับประทาน นอกจากจะสิ้นเปลืองเงินทองโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังอาจทำให้พลาดโอกาสที่จะได้รับการรักษาโรคอย่างถูกต้อง รวมถึงอาจได้รับอันตรายจากผลิตภัณฑ์เหล่านั้นอีกด้วย ซึ่ง อย. จะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างเคร่งครัด โดยจะปรับในฐานความผิดที่มีการโฆษณาต่างกรรมต่างวาระ เพื่อให้ผู้กระทำผิดได้หลาบจำ กล่าวคือ เงินค่าปรับ จะทวีคูณตามจำนวนครั้งที่พบการโฆษณา และจะมีคำสั่งระงับการโฆษณา ซึ่งหากฝ่าฝืนคำสั่งระงับโฆษณาจะมีโทษจำคุก ไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงจะมีการเสนอคณะกรรมการอาหารในการออกคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตผลิตอาหาร ในกรณีที่ยังคงไม่ยุติการโฆษณา อีกทั้งจะได้ดำเนินการประสานไปยังโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวีให้ ระงับการเสนอโฆษณาดังกล่าวด้วย

    เลขาธิการฯ อย. กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ อย. กำลังดำเนินการตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ๆ อีกหลายรายการ ที่โฆษณาโอ้อวดสรรพคุณเกินจริงผ่านทางสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อคุ้มครองมิให้เกิดการหลอกลวงผู้บริโภคอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้ประกอบการทุกรายมีจริยธรรม และเห็นแก่ความปลอดภัยของผู้บริโภค อย่าโฆษณาด้วยวิธีต่าง ๆ ในลักษณะที่เกินเลยความเป็นจริง มิเช่นนั้น อย. จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด สำหรับผู้บริโภคหากพบการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่โอ้อวดเกินจริง ขอให้แจ้งร้องเรียนได้ที่ศูนย์เฝ้าระวังและรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ชั้น 1 ตึก อย. หรือสายด่วน อย. 1556 หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th หรือ ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี 11004

    ตอบลบ