กรณ์ จาติกวณิช สมัยที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถ่ายเมื่อปี 2552 (แฟ้มภาพ/flickr.com/thaigov)
กรณ์ จาติกวณิช ชี้ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจสามครั้ง ทุกครั้งมีผลบวก ทั้งเรื่องเบรคภาษีมูลค่าเพิ่ม-ไม่แก้ กม.ธุรกิจต่างด้าว-ปาฐกถา ศก.ดิจิทัล ล้วนเป็นแนวทางไม่ขายฝัน ยึดเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งยังมีนโยบายที่ดินตรงกับแนวทาง "โฉนดชุมชน" ของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. กรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.กระทรวงการคลัง สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โพสต์บทความหัวข้อ "นายกฯ กับการเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจ" ลงในเฟซบุ๊คแฟนเพจของเขา โดยการโพสต์บทความ เกิดขึ้นหลังจากที่เขาร่วมฟังปาฐกถาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวข้อ "เศรษฐกิจดิจิตอล พลิกโฉมประเทศไทย" โดยเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดงานสัมมนาโพสต์ทูเดย์ ฟอรั่ม เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. โดยบทความของกรณ์ มีรายละเอียดังนี้
000
นายกฯ กับการเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจ
อาทิตย์ที่ผ่านมาท่านนายกฯ ได้แสดงบทบาทสำคัญทางด้านเศรษฐกิจถึงสามครั้ง ทุกครั้งมีผลทางบวก และสะท้อนให้เห็นว่าไม่มีนายกฯ คนไหนที่ปล่อยงานทางด้านนี้ได้
ครั้งแรกคือที่ท่านออกมาเบรคข้อเสนอเรื่องการเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม ท่านกล่าวถูกต้องว่าขณะนี้ปัญหาหลักของเศรษฐกิจไทยคือประชาชนขาดกำลังซื้อ ดังนั้นเราต้องลดค่าใช้จ่ายให้ชาวบ้าน ไม่ใช่เพิ่ม
ครั้งที่สองคือท่านออกมาให้ความชัดเจนว่าท่านจะไม่เพิ่มความเข้มงวดในกฎหมายธุรกิจต่างด้าว โดยที่ท่านกล่าวตามสไตล์ท่านว่า ไทยยังต้องการนักลงทุนต่างชาติ ดังนั้นท่านจะไปสร้างปัญหาทำไม
ครั้งที่สามคือการปาฐกถาเรื่อง Digital Economy ซึ่งผมได้มีโอกาสไปนั่งฟังเอง นอกจากท่านพูดได้สนุกมาก (เรียกเสียงหัวร่อได้ตลอด 45 นาที) เรายังสามารถจับวิธีคิดทางด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของท่านอย่างชัดเจน
แนวคิดของท่านอยู่ในโลกความเป็นจริงไม่มีการขายฝัน และท่านปฏิบัติตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในทุกๆ เรื่อง เช่น
1. ความหมายของ 'เศรษฐกิจพอเพียง' ท่านกล่าวว่า:
"ใครมีน้อยก็ใช้น้อย ใครมีมากก็ใช้มาก ถ้าใครมีน้อยเราก็ช่วยให้้เขามีมาก เขาจะได้ใช้มากๆ"
2. เรื่องการลงทุนท่านพูดถึงโครงการรถไฟเส้นทางหนองคาย-มาบตาพุดว่า:
"เป็นรถไฟความเร็วปานกลาง 160 กิโลต่อชั่วโมง ลองนั่งไปก่อน ถ้านั่งเร็วเกินไปยังไม่ทันได้คุยกันเลยถึงแล้ว ไม่สนุก อยากเร็วก็นั่งเครื่องบินเอา"
3. ส่วนเรื่อง Digital Economy ท่านบอกว่าสนับสนุนเต็มที่ เพราะจะช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็กเข้าถึงตลาดได้มากขึ้น ท่านบอกว่า:
"ประชาชนรู้แต่การผลิต แต่ไม่รู้การค้าขาย ก็เลยยังจนอยู่"
4. ท่านจะพูดถึงประชาชนในทุกเรื่อง ไม่พูดถึงวงเงิน ไม่พูดถึงตัวเลข แต่ก็ไม่ 'ประชานิยม' ตัวอย่างที่ดีคือท่านพูดเรื่องปัญหาที่ทำกินว่า :-
"ไม่มีที่ดินมาแจกใครแน่ แต่จะให้ใช้ร่วมกัน เหมือน kibbutz นั่นแหละ ก็ลองทำดู"
ผมเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ว่าไปแล้วก็ไม่ต่างกับ 'โฉนดชุมชน' ของคุณอภิสิทธิ์ และเป็นที่ยอมรับอยู่แล้วเพราะแรงงานเกษตรไทยเป็นแสนๆ คนเคยผ่านชีวิตใน kibbutz ที่อิสราเอล มาแล้วทั้งสิ้น
การสื่อสารสำคัญครับ และที่ผ่านมาการสื่อสารทางเศรษฐกิจยังหลวมไปบ้าง ท่านนายกฯ ลงมาตบให้เข้าที่อย่างนี้ ผมว่าได้ผล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น