คดีมาตรา 112 ของ "ธเนศ" (นามสมมติ) ไม่ใช่คดีใหญ่โตทางการเมืองและไม่เป็นที่รู้จักนัก เขาเป็นคนตัวเล็กๆ ที่ไม่มีฐานะทางเศรษฐกิจ ทางสังคม หรือไม่มีสติสัมปชัญญะที่สมบูรณนัก
"ธเนศ" ถูกทหารและตำรวจบุกไปจับที่บ้านในเวลาเช้ามืด ของวันที่ 2 กรกฎาคม 2557 ถูกกล่าวหาว่า ในปี 2553 เขาเป็นคนส่งอีเมล์ไปยังผู้รับ 1 คน ในอีเมลมีลิงก์ไปยัง sanamluangดอทblogspot ซึ่งมีข้อความผิดมาตรา 112 อยู่ในลิงก์นั้น
"ธเนศ" รับสารภาพว่าเป็นคนส่งอีเมลจริง แต่ที่ทำไปเพราะได้ยินเสียงแว่วอยู่ในหูตลอดว่าให้ส่งอีเมลเพื่อช่วยคนเสื้อแดง จนปัจจุบันนี้เสียงแว่วก็ยังคงดังอยู่ และ "ธเนศ" ยังบอกกับทุกคนที่เขาคุยด้วยว่า ตลอดช่วงเวลา 20-30 ปีในชีวิตของเขา เขาถูกกลั่นแกล้งโดยข้าราชบริพารของราชสำนักมาโดยตลอด เช่น เมื่อขี่จักรยานไปที่ไหนก็จะมีคนเอาก้อนหินมาวางขวางทาง หรือเมื่อย้ายที่พักข้างห้องก็จะเคาะฝาห้องเสียงดัง หรือเมื่อย้ายที่ทำงานก็จะถูกยุแหย่ให้คนที่ทำงานไม่ชอบหน้า หรือเคยถูกคนขโมยของ และรู้สึกเหมือนถูกจับจ้องมอง ถูกคิดร้ายอยู่ตลอดเวลา
ทนายความแถลงต่อศาลถึงอาการป่วยทางจิต และขอให้ศาลยกฟ้อง เนื่องจากจำเลยมีอาการป่วย กระทำการไปโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ดูรายละเอียดคดีของ ธเนศ ได้ที่ http://freedom.ilaw.or.th/case/614#detail
"ธเนศ" เปิดเว็บไซต์ขายของทางอินเทอร์เน็ต อยู่กับพี่สาวที่บ้านในจังหวัดเพชรบูรณ์ วันที่ถูกจับถูกเจ้าหน้าที่ยึดสมุดบัญชีธนาคารซึ่งมีเงินอยู่ 80,000 บาทไปด้วย หลังถูกจับกุมตัว ตั้งข้อกล่าวหา ก็ถูกฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมาตลอดและไม่มีเงินสำหรับยื่นประกันตัว
ก่อนถูกจับกุม "ธเนศ" ไม่เคยเข้ารับการตรวจอาการทางจิต ไม่เคยยอมไปหาหมอ เพราะเขาเชื่อว่าสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นกับเขาจริงๆ เรือนจำพิเศษกรุงเทพตรวจพบอาการจึงส่งตัวให้สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์วินิจฉัยและมีผลตรวจออกมาเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2557 ว่า "ป่วยเป็นโรคจิตหวาดระแวง (F20.0 Paranoid Schizophrenia) และมีอารมณ์เศร้าร่วมด้วย ปัจจุบันสามารถต่อสู้คดีได้"
8 ธันวาคม 2557 หลังส่งตัวฟ้องต่อศาลแล้ว พี่สาวของ "ธเนศ" จึงขอสมุดบัญชีที่ถูกยึดไปคืนจากตำรวจเพื่อเบิกเงิน 80,000 บาทออกมา และทำสัญญายืมเงินคนอื่นอีก 120,000 บาท รวมได้ 200,000 บาท เพื่อยื่นประกันตัวต่อศาลอาญาพร้อมใบรับรองแพทย์
ศาลอาญามีคำสั่ง ไม่ให้ประกันตัวด้วยเหตุผลว่า เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร รายงานผลการตรวจรักษา พบว่าจำเลยป่วยเป็นโรคจิตหวาดระแวง แต่สามารถต่อสู้คดีได้ หากการเจ็บป่วยดังกล่าวทวีความรุนแรงถึงขั้นที่สถานคุมขังจะดูแลความปลอดภัยแก่ชีวิตของจำเลยได้แล้ว ย่อมต้องดำเนินการส่งตัวจำเลยให้แพทย์ทำการรักษาในขั้นตอนตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ต่อไป
ทั้งที่ก่อนหน้านี้คดีมาตรา 112 ที่จำเลยกระทำความผิดไปเพราะมีอาการทางจิต อย่างน้อยสองคดี คือ
ทนายความแถลงต่อศาลถึงอาการป่วยทางจิต และขอให้ศาลยกฟ้อง เนื่องจากจำเลยมีอาการป่วย กระทำการไปโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ดูรายละเอียดคดีของ ธเนศ ได้ที่ http://freedom.ilaw.or.th/case/614#detail
"ธเนศ" เปิดเว็บไซต์ขายของทางอินเทอร์เน็ต อยู่กับพี่สาวที่บ้านในจังหวัดเพชรบูรณ์ วันที่ถูกจับถูกเจ้าหน้าที่ยึดสมุดบัญชีธนาคารซึ่งมีเงินอยู่ 80,000 บาทไปด้วย หลังถูกจับกุมตัว ตั้งข้อกล่าวหา ก็ถูกฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมาตลอดและไม่มีเงินสำหรับยื่นประกันตัว
ก่อนถูกจับกุม "ธเนศ" ไม่เคยเข้ารับการตรวจอาการทางจิต ไม่เคยยอมไปหาหมอ เพราะเขาเชื่อว่าสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นกับเขาจริงๆ เรือนจำพิเศษกรุงเทพตรวจพบอาการจึงส่งตัวให้สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์วินิจฉัยและมีผลตรวจออกมาเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2557 ว่า "ป่วยเป็นโรคจิตหวาดระแวง (F20.0 Paranoid Schizophrenia) และมีอารมณ์เศร้าร่วมด้วย ปัจจุบันสามารถต่อสู้คดีได้"
8 ธันวาคม 2557 หลังส่งตัวฟ้องต่อศาลแล้ว พี่สาวของ "ธเนศ" จึงขอสมุดบัญชีที่ถูกยึดไปคืนจากตำรวจเพื่อเบิกเงิน 80,000 บาทออกมา และทำสัญญายืมเงินคนอื่นอีก 120,000 บาท รวมได้ 200,000 บาท เพื่อยื่นประกันตัวต่อศาลอาญาพร้อมใบรับรองแพทย์
ศาลอาญามีคำสั่ง ไม่ให้ประกันตัวด้วยเหตุผลว่า เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร รายงานผลการตรวจรักษา พบว่าจำเลยป่วยเป็นโรคจิตหวาดระแวง แต่สามารถต่อสู้คดีได้ หากการเจ็บป่วยดังกล่าวทวีความรุนแรงถึงขั้นที่สถานคุมขังจะดูแลความปลอดภัยแก่ชีวิตของจำเลยได้แล้ว ย่อมต้องดำเนินการส่งตัวจำเลยให้แพทย์ทำการรักษาในขั้นตอนตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ต่อไป
ทั้งที่ก่อนหน้านี้คดีมาตรา 112 ที่จำเลยกระทำความผิดไปเพราะมีอาการทางจิต อย่างน้อยสองคดี คือ
- คดีของบัณฑิต http://freedom.ilaw.or.th/th/case/69#detail และ
- ฐิติ นันท์ http://freedom.ilaw.or.th/th/case/430#detail
ปัจจุบัน "ธเนศ" ยังถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ศาลนัดพร้อมวันที่ 23 มีนาคม 2558 และนัดสืบพยาน คือ ผู้กล่าวหา พนักงานสอบสวน และแพทย์ผู้ตรวจรักษา วันที่ 8 พฤษภาคม 2558 ซึ่งเป็นการพิจารณาคดีโดยลับ ผู้ไม่เกี่ยวข้องกับคดีเข้าฟังไม่ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น