วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

นักวิเคราะห์มะกันวิพากษ์ 'ไอซิส' ก่อศัตรูไปทั่วเพราะหลงผิดว่าเป็น "ฝ่ายดี"

ปีเตอร์ เบอร์เกน รองประธานมูลนิธินิวอเมริกาวิเคราะห์ไว้ว่าเพราะไอซิสเป็นกลุ่มลัทธิปลุกปั่นความเชื่อเรื่องจุดจบของโลก ทั้งเชื่อว่ากำลังทำสงครามที่ตนเป็น "ฝ่ายดี" จึงกล้าแสดงออกให้เห็นความโหดร้ายของกลุ่ม
23 ก.พ. 2558 ปีเตอร์ เบอร์เกน นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงของสำนักข่าวซีเอนเอนและรองประธานมูลนิธินิวอเมริกา องค์กร Think Thank ด้านนโยบายระหว่างประเทศ เขียนบทวิเคราะห์ในเว็บไซต์ซีเอนเอนถึงสาเหตุที่กลุ่มก่อการร้าย 'ไอซิส' (ISIS) ชอบแสดงออกให้คนทั่วไปเห็นความโหดร้ายของตนและมักจะสร้างศัตรูไปทั่ว ซึ่งเป็นท่าทีที่แตกต่างจากกลุ่มโหดร้ายในประวัติศาสตร์อย่างนาซีหรือเขมรแดงที่พยายามกลบเกลื่อนอาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่พวกเขาก่อไว้ 
เบอร์เกน ระบุว่าไอซิสมักจะแสดงความโหดร้ายด้วยการเผยแพร่ภาพวีดิโอสังหารผู้คนด้วยการตัดหัวตัวประกันรวมถึงกลุ่มชาวอียิปต์ผู้นับถือคริสต์ การจุดไฟเผาเหยื่อทั้งเป็น และการจับผู้หญิงชาวยาดิซเป็นทาส นอกจากนี้ยังสร้างศัตรูไปทั่วทั้งชาวมุสลิมนิกายชีอะฮ์ ชาวเคิร์ด ชาวยาดิซ ชาวคริสต์ และชาวมุสลิมคนอื่นๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับพวกเขา ไอซิสยังก่อสงครามแม้กระทั่งกับกลุ่มอัลกออิดะฮ์ในซีเรียทั้งที่สองกลุ่มนี้น่าจะเป็นมิตรต่อกัน
บทความของเบอร์เกนอ้างถึงโรเบิร์ต เกตส์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือ ซีไอเอ ซึ่งอธิบายว่า กฎทั่วไปข้อหนึ่งในเชิงยุทธศาสตร์ ก็คือการสร้างความประหลาดใจด้วยการกระทำที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล หรือแม้กระทั่งการทำลายตัวเอง ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่ไอซิสทำ
เบอร์เกนระบุว่าเขาพยายามหาคำตอบโดยศึกษาจากนิตยสารของกลุ่มไอซิสภาษาอังกฤษชื่อนิตยสาร 'ดาบิก' (Dabiq) ซึ่งออกมา 7 ฉบับแล้ว จากการศึกษานิตยสารฉบับนี้เบอร์เกนพบว่ามันเป็นเรื่องผิดพลาดที่จะมองไอวิสในฐานะกลุ่มที่มีเหตุมีผล เพราะสิ่งที่ไอซิสนำเสนอผ่านสื่อของตนคืออุดมการณ์แบบกลุ่มลัทธิคลั่งคำพยากรณ์ที่เชื่อว่าพวกเรากำลังอยู่ในช่วงโลกใกล้จะแตกแล้วการกระทำของพวกไอซิสเองก็เร่งให้เกิดภัยพิบัติต่อมนุษยชาติเร็วขึ้น
นิตยสารของไอซิสระบุว่าเมืองทางตอนเหนือของซีเรียที่ชื่อ 'ดาบิก' ในเขตปกครองอเล็ปโป จะเป็นแหล่งของสงครามครั้งสุดท้ายระหว่าง "กองทัพอิสลาม" กับ "โรม" ที่จะทำให้เกิดจุดจบของโลกและชียชนะจะเป็นของ "ผู้เป็นอิสลามที่แท้จริง" ในนิตยสารของไอซิสยังระบุอีกว่าผู้ที่จะชนะในสงครามครั้งใหญ่นี้ได้จะต้องเป็นผู้ที่เข้าร่วมสงครามด้วย ผู้ที่เป็นคนดูอยู่เฉยๆ จะถือว่าพ่ายแพ้ ซึ่งตีความได้ว่าไอซิสอ้างให้คนต้องเข้าร่วมเป็นพวกเขาเท่านั้นคนอื่นที่นอกเหนือจากกลุ่มของตัวเองถือเป็น "พวกนอกรีต" หรือ "ผู้ทำสงครามศาสนา" (Crusader) ทั้งหมด
ก่อนหน้านี้ที่กลุ่มไอซิสได้สังหารปีเตอร์ แคสซิก คนทำงานช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมชาวอเมริกัน โดยสมาชิกกลุ่มไอซิสรายหนึ่งที่สื่อตั้งชื่อว่า "ญิฮาดิ จอห์น" พูดผ่านวีดิโอว่า "พวกเราฝังผู้ทำสงครามศาสนา (Crusader) คนแรกไว้ในดาบิกแล้ว และกำลังตั้งตารอกองทัพที่เหลือของพวกคุณบุกเข้ามา"
เบอร์เกนระบุว่าในแง่นี้กลุ่มไอซิสต้องการให้ประเทศตะวันตกรุกรานซีเรียซึ่งจะกลายเป็นการทำให้คำทำนายเรื่องดาบอกของพวกเขาเป็นจริง
สำหรับโลกยุคปัจจุบันที่มีการแยกรัฐออกจากศาสนามากขึ้นอาจจะทำให้ผู้คนรู้สึกว่าการเชื่อในคำทำนายศาสนาอย่างจริงจังเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ แต่เบอร์เกนก็ระบุว่าไอซิสถือคำทำนายเรื่องดาบิกเป็นเรื่องจริงจังและพวกเขาคิดว่าตัวเองกำลังทำสงครามศาสนาตามคำทำนายอยู่จริง เช่นที่เขียนไว้ในหนังสือเกี่ยวกับไอซิส โดย เจ เอ็ม เบอรฺเกอร์ และเจสสิกา สเติร์น ว่า "กลุ่มเชื่อในคำทำนายของศาสนาหัวรุนแรงมักจะมองว่าพวกเขาเองกำลังเข้าร่วมในสงครามที่ยิ่งใหญ่ระหว่างความดีกับความชั่ว ซึ่งไม่ได้สนใจหลักการจริยธรรมใดๆ"
มีผู้สรุปคล้ายๆ กันคือ แกรม วูด ผู้เขียนบทความในนิตยสารแอตลินติกระบุว่า การตัดสินใจใหญ่ๆ ของกลุ่มไอซิสรวมถึงการนำเสนอตัวเองของพวกเขามักจะเป็นการปฏิบัติตามคำทำนายหรือตัวอย่างของศาสดาในระดับลงรายละเอียด ชาวมุสลิมเองก็สามารถปฏิเสธกลุ่มไอซิสได้ซึ่งส่วนใหญ่ก็ปฏิเสธจะทำตามกลุ่มไอซิส แต่การคิดว่ากลุ่มไอซิสไม่มีลักษณะทางศาสนาและไม่ทำความเข้าใจแนวคิดเชิงศาสนาของกลุ่มนี้ก็ทำให้สหรัฐฯ ประเมินกำลังของไอซิสต่ำไป
เบอร์เกนระบุว่าการที่ไอซิสมีแนวคิดว่าตัวเองกำลังต่อสู้ในสงครามยิ่งใหญ่ซึ่งตนเองนั้นอยู่ใน "ฝ่ายดี" นี้เองที่ทำให้พวกเขาคิดว่าจะฆ่าใครก็ได้ที่ขัดขวางพวกเขาโดยไม่มีความสำนึกใดๆ ซึ่งถือเป็นอาการหลงผิดอย่างรุนแรง

เรียบเรียงจาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น