2 ส.ค. 2559 สมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ล่าวในงาน "เศรษฐกิจโลกขยับก้าว เศรษฐกิจไทยขยับไกล กบข.เดินหน้าอย่างไร โดยเปิดเผยว่า ทรวงการคลังมีแนวคิดที่จะนำ “โมเดลเห็บสยาม” ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างประเทศโดยเน้นการสร้าง พันธมิตรทั้งการค้า การลงทุนกับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศที่มีศักยภาพเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งไทยและพันธมิตรให้ขยายตัวด้วยกัน เช่น จีน,อินเดีย,แอฟริกาและอาเซียน เพราะหากเน้นการแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ คงไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจภาพรวมของ ไทย เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกยังอยู่ในภาวะชะลอตัว
“เห็บสยามโมเดลจะช่วยทำให้เราเติบโตไปกับประเทศที่กำลังขยายตัวได้ เราไม่จำเป็นต้องโตคนเดียว แต่สามารถพึ่งพาพันธมิตรได้ เช่น ถ้าจีนโต เราก็จะอ้วนด้วย ถ้าจีนเลิกโต เราก็จะไปอยู่กับอินเดีย หรือแอฟริกาใต้ต่อ นี่คือกลยุทธ์การโตของเรา คือถ้าใครโตเราก็จะเกาะไปกับเขาด้วย” สมชัยกล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสถาบันจัดอันดับระดับโลกคือ ฟิชท์ เรตติ้ง และสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประเมินว่าเศรษฐกิจของไทยมีพื้นฐานที่เข้มแข็ง เห็นได้จากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่สูงกว่า 1.7 แสนล้านดอลลาร์ ไม่มีปัญหาเงินเฟ้อ ตัวเลขการว่างงานต่ำ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยโดยภาพรวมไม่มีปัญหา
ส่วนประเด็นปัญหาในเรื่องอัตราการบริโภคที่ต่ำ และบริษัทเอกชนชะลอการลงทุนนั้น หากมองในรายละเอียดจะพบว่า มูลค่ารวมบัญชีเงินออมของประชาชน (สำหรับบัญชีที่เกิน 1 ล้านบาท) ณ เดือน พ.ค.2559 ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 9.6 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปีก่อน 9 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันหากประเมินถึงกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 1/2559 ที่อยู่ราว 1.9 แสนล้านบาท ในช่วงไตรมาส 1/2559 นั้น ก็ถือว่าสูงขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนราว 8% และสูงกว่าเมื่อเทียบช่วงไตรมาสก่อน 43% สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยไม่ได้แย่อย่างที่คิด
“ปัญหาที่หลายคนมองว่าอัตราการบริโภคในประเทศไทยต่ำก็เป็นเรื่องจริง แต่หากมองลึกลงไปจะเห็นได้ว่าคนไทยยังมีเงินฝากที่สูงขึ้น ส่วนเรื่องที่ว่านักธุรกิจไม่ลงทุนนั้น แท้จริงก็ไม่ได้มีปัญหา เห็นได้จากกำไร บจ.ที่ยังสูงต่อเนื่อง” สมชัย กล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสถาบันจัดอันดับระดับโลกคือ ฟิชท์ เรตติ้ง และสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประเมินว่าเศรษฐกิจของไทยมีพื้นฐานที่เข้มแข็ง เห็นได้จากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่สูงกว่า 1.7 แสนล้านดอลลาร์ ไม่มีปัญหาเงินเฟ้อ ตัวเลขการว่างงานต่ำ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยโดยภาพรวมไม่มีปัญหา
ส่วนประเด็นปัญหาในเรื่องอัตราการบริโภคที่ต่ำ และบริษัทเอกชนชะลอการลงทุนนั้น หากมองในรายละเอียดจะพบว่า มูลค่ารวมบัญชีเงินออมของประชาชน (สำหรับบัญชีที่เกิน 1 ล้านบาท) ณ เดือน พ.ค.2559 ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 9.6 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปีก่อน 9 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันหากประเมินถึงกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 1/2559 ที่อยู่ราว 1.9 แสนล้านบาท ในช่วงไตรมาส 1/2559 นั้น ก็ถือว่าสูงขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนราว 8% และสูงกว่าเมื่อเทียบช่วงไตรมาสก่อน 43% สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยไม่ได้แย่อย่างที่คิด
“ปัญหาที่หลายคนมองว่าอัตราการบริโภคในประเทศไทยต่ำก็เป็นเรื่องจริง แต่หากมองลึกลงไปจะเห็นได้ว่าคนไทยยังมีเงินฝากที่สูงขึ้น ส่วนเรื่องที่ว่านักธุรกิจไม่ลงทุนนั้น แท้จริงก็ไม่ได้มีปัญหา เห็นได้จากกำไร บจ.ที่ยังสูงต่อเนื่อง” สมชัย กล่าว
ขณะเดียวจากการศึกษาการวิจัยเรื่องต่างๆพบว่าสาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจของไทย ยังอยู่ในภาวะซบเซาส่วนหนึ่งมาจากนโยบายการปราบปรามเงินนอกระบบ การคอร์รัปชั่นและธุรกิจผิดกฎหมายอย่างเข้มงวดจนทำให้เงินที่ผิดกฎหมายหรือเงิน สกปรกหายจากระบบปีละหลายแสนล้านบาท เช่น มีการศึกษาพบว่าในอดีตมีเงินนอกระบบปีละ 280,000-450,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นทั้งเงินหวย, เงินท่อน้ำเลี้ยงนักการเมืองและเงินจากธุรกิจผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีเงินเรื่องของการให้สินบนหรือเงินใต้โต๊ะที่ต้องให้นักการ เมืองปีละ 200,000-300,000 ล้านบาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น