วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เครดิต คุณ ภูชี้ฟ้า เว็บไทยฟรีนิวส์
http://www.internetfreedom.us/thread-13802.html
อ่านเจอเลยเอามาฝาก ^ ^

+++++++++++++++++++++++++++++

ณ.อาณาจักรสยองก๊ก มีราชธานีชื่อเมืองกุ๊งเต็ป ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมือง
อยุยทายา มีประมุขก๊กอันเป็นผู้นำยุทธจักรอันมีนามกรว่า"ปู่มิปล้น" เป็นที่เลืองลือในเคล็ดวิชาอันลึกลับ
ชื่อวิชาพลังวัตรพื้นพสุธาอันพิศดารยิ่ง

ยามเปล่งความยินดีเพียงตวัดนิ้วชี้จันทราก็บังเกิดความชุ่มเย็นไปทั่วหล้า

ยามกริ้วเกรี้ยวกราดเพียงกรีดนิ้วกลางสุริยันไปที่ใดที่นั่นกลับบังเกิดความแหลกลาญร​าบคาบพนาสูร
(วิชาพลังนี้แหละ ที่ บก.ลายจุด นำมาใช้เป็นสัญญลักษณ์แกนนอน..อิอิ)

จอมยุทธปู่มิปล้น เป็นเจ้ายุทธจักรที่ครอบครองอาณาจักรสยองก๊กมานานมากกว่าครึ่งศตวรรษ (มากกว่าอีตามูบารัคประมาณหนึ่งเท่าตัว)จึงปรากฏร่องรอยแห่งความร่ำรวยอู้ฟู่มั่งคั่​ง นั่งทับนอนทับในทรัพย์สินกองโตมโหฬาร จนลุกเดินไม่ไหวแล้วก็ยังไม่รู้จักพอ จึงเป็นที่ล่ำลือกันว่าเป็นอันดับหนึ่งแห่งยุทธภพ(โลกทั้งมวล)

จอมยุทธปู่มิปล้น มีจอมนางคู่กาย ที่แอบได้เสียกันตั้งแต่นางอายุได้ 15 หยกๆ 16 หย่อนๆ ที่เมืองปั๊กน้ำมะกา จึงเกิดความลุ่มหลงในลิ้นรสสวาทโลกีย์อันแกร่งกล้าของนางเป็นอันมาก อันว่าจอมนางคู่กายนี้ มีนามว่า “สีรูกิจ”เป็นที่รับรู้กันในหมู่ผู้ใกล้ชิดว่า เป็นหญิงที่มักมากในกามและโลภในลาภยศสรรเสริญเป็นอย่างยิ่ง นางมีเคล็ดวิชาลึกลับที่ผู้คนใต้หล้ามิอาจจะได้เห็นโดยง่าย เป็นเคล็ดวิชาที่เรียกกันว่า “สวิงกิ้งตะปิ้งกระจุย”

นางแอบฝึกเคล็ดวิชาเพื่อเพิ่มพลังหยินโดยอาศัยพลังหยางแบบไม่เลือกว่าหยางหนุ่มหรือห​ยางแก่ นับตั้งแต่ผู้พิทักษ์ใกล้ชิด“ลงดอด” ถึงกระทั่ง วนิพกจีน“ลิ้มทิ่มจิม”ผู้รอนแรม

นอกจากนี้ในยุทธภพล่ำลือกันว่า จอมนางสีรูกิจ เป็นผู้ที่ยักยอกทรัพย์สำคัญของจอมยุทธผู้ครองนครทะเลทราย จนนำมาสู่ความวิบัติทางการงานและการเงินต่ออาณาจักรสยองก๊กอย่างมหาศาล
และด้วยเรื่องราวยักยอกทรัพย์นี่เอง ได้นำมาซึ่งการเผยโฉมหน้าความอำมหิตของจอมนางสีรูกิจ ด้วยนางได้สั่งกำจัดเหล่าบริวารของจอมยุทธผู้ครองนครทะเลทรายที่แฝงกายซ่อนเร้นเข้าม​าสืบสาวราวเรื่องดังกล่าวในอาณาจักรสยองก๊ก

สร้างความแค้นเคืองให้กับจอมยุทธผู้ครองนครทะเลทรายเป็นอันมาก ดั่งแทบจะใช้ทรายร้อนๆกรอกใส่ตะปิ้งจอมนางให้บวมเป่งดังปลาวาฬชุบแป้งทอด แต่พอใคร่ครวญอีกทีอันว่าจอมนางตอนนี้ก็ครึ่งคนครึ่งปีศาจอยู่แล้ว ด้วยนางแอบไปฝึกวิชาสาวน้อยหมื่นปีที่สำนักผิวกายนางฝึกวิชามากเกินไปกระทั่งธาตุไฟแ​ตกจึงปรากฏร่องรอยเส้นโลมารูปสามเหลี่ยมบนแผ่นหน้าอกหนึ่งกระจุกใหญ่

ใคร่ครวญดังนั้นจอมยุทธผู้ครองนครทะเลทรายก็มิเคยย่างกรายมาสยองก๊กอีกเลย

จอมยุทธปู่มิปล้น มีเหล่ายอดฝีมือเคียงข้างกายอย่างมากมาย หนึ่งในนั้นเป็นยอดฝีมืออันดับสูง ซึ่งว่ากันว่า จะเป็นรองจอมยุทธปู่มิปล้นก็เพียงแต่ศักดิ์ศรีชาติตระกูลเท่านั้นเอง ยอดฝีมือผู้นี้มีนามกรว่า “จอมยุทธขันทีเปง” ซึ่งแอบฝึกเคล็ดวิชา “พลังรูทวารเบิกบานบุรี” จนสำเร็จถึงขั้นสูงสุด ถึงขั้นมั่นใจว่าตัวเองเป็นชีวิตที่อมตะนิรันดร์กาล
จนทำให้ธาตุไฟแตกซ่านกระเซ็นเป็นสีเขียว มักบังเกิดอาการมารจิตริษยาเป็นอาจิณ

แต่ธาตุไฟจะดับวูบลงบันดล ในทุกยามที่จอมยุทธขันทีเปง ได้ฝึกทบทวนเคล็ดวิชา “พลังรูทวารเบิกบานบุรี”กับกามนิตหนุ่มน้อย ด้วยฤทธิ์พลังธาตุน้ำสีขาวขุ่นคล้ายวุ้นของกามนิตหนุ่มน้อยที่พวยพุ่งทะยานเข้าสู่ร่​างกาย ให้ชุ่มฉ่ำซาบซ่านทรวงในเป็นอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่ฝึกวิชาเสร็จจอมยุทธขันทีเปงจะกระซิบถามกามนิตหนุ่มน้อยด้วยความกรุ้มกริ​่มว่า "แสบมั้ยลูก" และกามนิตหนุ่มน้อยที่เลืองลือมีนามว่า"หนุ่มโศกโขยกตึก"

อันว่าจอมยุทธขันทีเปงผู้นี้ มีความเหี้ยมโหดประหนึ่งสัตว์นรกอเวจีหนีมาเกิดก็มิปาน จึงได้ฉายาอีกนามหนึ่งว่า
“นักฆ่าลุ่มน้ำเจาป่นยา”

ครั้นต่อมามีผู้กล้าสามารถนามกระเดื่องว่า “ชินปั๊กใต้” จากลุ่มแม่น้ำปุงทางตอนเหนือของเมืองกุ๊งเต๊ป ผู้เก่งกล้าในเคล็ดวิชา “คลื่นเวหาครองพิภพ” อันเคล็ดวิชานี้ เพียงตวัดฝ่ามือก็เกิดพลังคลื่นเสียงสยิวกระแทกแก้วหูในบันดล

จอมยุทธชินปั๊กใต้ ขันอาสาเข้ามาเป็นผู้รับใช้ประมุขก๊ก โดยผ่านความแซ่ซ้องของเหล่ามวลประชา จอมยุทธชินปั๊กใต้เข้ามาแบ่งสันปันส่วนความรุ่งเรืองให้มวลประชาแบบถ้วนทั่ว เหล่ามวลประชาเกิดความฮึกเหิมพากันขยันขันแข็งทำมาหากินจนลืมตาอ้าปากหายใจได้สะดวกเ​ป็นอย่างยิ่ง จึงบังเกิดเหตุการณ์ยกย่องสรรเสริญและติดใจในเคล็ดวิชา “คลื่นเวหาครองพิภพ” อย่างมิรู้ลืม

โอ้ว่า!ฉะนี้หนอ ฟ้าส่งข้ามาเกิดแล้วใยต้องกลั่นแกล้งข้าส่งจอมยุทธชินปั๊กใต้มาเกิดร่วมกับข้ากันเล่​า รำพึงได้ถึงเพียงนี้ จอมยุทธปู่มิปล้น ก็เกิดอาการหูฝ้าตาฟาง จิตปั่นป่วนจนธาตุไฟแตกซ่าน ขนลุกเส้นผมตั้งยุ่งเหยิง กลับกลายคล้ายปีศาจก็มิปาน แหกปากเรียกหาจอมนางสีรูกิจมาสั่งการให้ร่วมมือกับจอมยุทธขันทีเปง หาหนทางกำจัดจอมยุทธชินปั๊กใต้ในบันดล

จอมนางสีรูกิจหารือกับจอมยุทธขันทีเปง วางแผนกำจัดจอมยุทธชินปั๊กใต้ ด้วยการวางลูกไฟบนนกปีกเหล็กจนแหลกลาญ แต่จอมยุทธชินปั๊กใต้กลับรอดตายต่อมาจึงใช้แผนล้อเลื่อนลูกไฟจอดใต้ตะพาน
ซีฮั้ง แต่จอมยุทธชินปั๊กใต้กลับรอดตายราวปฏิหารย์อีกหนึ่งครา

พอความแตก จอมยุทธปู่มิปล้น เกิดอาการคุ้มคลั่งฮึดฮัดไม่พอใจเป็นอันมาก เกรี้ยวกราดสั่งให้จอมนางสีรูกิจกับจอมยุทธขันทีเปง ใช้อำนาจบาตรใหญ่ทั้งกล่อมทั้งบีบให้บักตะหอยสามจิ๋มลากตะขาบพ่นไฟออกมายั้วเยี้ยผลั​กไสไล่ส่งจอมยุทธชินปั๊กใต้ผู้กล้าซะงั้น

ในขณะเดียวกันก็ใช้วิชาพลังวัตรพื้นพสุธา ผ่านเหล่าบรรดาจอมยุทธจินปุ้นเป้าใช้เคลิดวิชา “วาจาหนอนเน่า” เห่าพ่นใส่จอมยุทธชินปั๊กใต้ กระทั่ง จอมยุทธชินปั๊กใต้ต้องใช้วิชา “เร้นกายสยายปีก”หลีกลี้ภัยไปอาศัยแดนท้องทะเลทราย อย่างเจ็บปวด และไม่สามารถย่างกรายเข้ามาในอาณาจักรสยองก๊กจนบัดนี้

แต่ช้าแต่ ยังไม่หนำแก่ใจ อีตานี่คลั่งแบบกู่ไม่กลับหลับไม่เป็น พอได้ทีกลับส่งบักหำน้อยเหงียนม๊อคมานั่งตำแหน่งประมุขตึกเคียงนภา ต่อมาแสร้งทำเป็นล้มป่วยเพื่อทดสอบวิชาพลังวัตรพื้นพสุธา ครั้นมั่นใจเป็นแน่แท้ว่า วิชาพลังวัตรฯ เริ่มเสื่อมลง จึงแอบส่งตะหอยมารบูรพาออกมาไล่ฆ่าชาวประชาอาภรณ์เรดบนท้องถนนซะอีกแน่ะ
ด้วยหวังจะให้เหล่าชาวประชาอาภรณ์เรดที่เหลือหวาดกลัวหลาบจำไว้เป็นเยี่ยงอย่าง

แต่กาลกลับไม่เป็นดั่งที่คิด ด้วยเหล่าชาวประชาอาภรณ์เรดส่วนใหญ่กลับหาญกล้าท้าประลองพลังวัตรกันอีกครา ด้วยอมตะวาจาที่ว่า “กูม่ายรุ กูป่วย”

ล่าสุด เหล่าชาวประชาอาภรณ์เรด นัดรวมตัวกันให้จอมยุทธปู่มิปล้นได้กระอักเลือดอีกครา
ในวันเคลื่อนเดือนคล้อยอันใกล้ยี่จั๊บนี่เอง

นั่นเป็นเรื่องราวย่อๆ ในอาณาจักรสยองก๊ก ที่ได้ชื่อว่า มีจอมยุทธอันมีนามว่า “จอมยุทธปู่มิปล้น” ผู้ถูกร่ำลือกันว่า
เป็นผู้มีทรัพย์สินมั่งคั่งเป็นอันดับหนึ่งแห่งยุทธภพ(โลกทั้งมวล) เป็นผู้ปกครอง
*****************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น