จดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 1 ถึง บุคคล กลุ่มบุคคล องค์กร สถาบัน และหน่วยงานเกี่ยวข้อง อันสามารถกำหนดให้ข้อเรียกร้องที่ระบุในจดหมายนี้บรรลุผล นับแต่มีการรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นต้นมา ประเทศไทยตกอยู่ภายใต้การปกครองอย่างเผด็จการซ่อนรูป จากอำนาจรวมศูนย์ของบุคคล (Autocracy) และกลุ่มคณะบุคคล (Oligarchy) ร่วมมือประสานความสอดคร้อง โดยวิธีปฏิบัติบิดเบือนระบอบประชาธิปไตยด้วยกระบวนการตุลาการภิวัฒน์และองค์กรอิสระ ทำลายรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยชี้นำบังคับให้กลุ่มการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งบางส่วนแปรภักตร์ไปสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีคะแนนเสียงส่วนน้อย เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร เมื่อประชาชนออกมาชุมนุมเรียกร้องให้กลับไปสู่การยอมรับเสียงข้างมากจากการเลือกตั้ง รวมทั้งต่อต้านการเข้ามาแทรกแซงทางการเมืองโดยอำนาจแฝงเร้น หรือที่เรียกว่า “มือที่มองไม่เห็น” ไปจนถึงการต่อต้านอำนาจนอกระบบของมือที่มองเห็น เช่นประธานองคมนตรี แต่กลุ่มอำนาจนอกระบบกลับไม่สนใจตอบสนอง จึงเป็นเหตุสำคัญทำให้ประชาชนเข้าร่วมประท้วงแบบสันติวิธีขยายจำนวนมากขึ้นหลายแสนคน ในนามแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) ด้วยความกลัวในพลังประชาชนและกลัวต่อความสูณเสียอำนาจ จึงใช้กำลังทหารพร้อมอาวุธสงคราม และพลแม่นปืน (สไน้เปอร์) เข้าปราบปรามเข่นฆ่าผู้ประท้วงที่ชุมนุมกันอย่างสันติ และปราศจากอาวุธ ระหว่างวันที่ ๑๐ เมษายน ถึง ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ จนเป็นผลให้ประชาชนที่เรียกร้องต้องการให้มีประชาธิปไตยแท้จริง เสียชีวิตไม่น้อยกว่า ๙๑ คน บาดเจ็บเกือบสองพัน และสูญหายอีกจำนวนหนึ่ง ไม่เพียงแต่เท่านั้น ผู้เข้าร่วมการชุมนุมระดับแกนนำที่รอดตายจำนวนมาก ถูกกฎหมายเถื่อนตามกวาดล้างคร่าชีวิตไม่ต่ำกว่า ๕ ราย และบางส่วนไม่น้อยกว่าสองร้อยคนถูกจับกุมคุมขัง ตั้งข้อหาร้ายแรงเป็นผู้ก่อการร้าย โดยไม่ได้รับสิทธิของการดำเนินคดีเฉกเช่นประเทศอารยะต่างๆในสากลโลก ส่วนประชาชนที่เห็นพ้องและ/หรือ สนับสนุนการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ได้แสดงความคิดเห็นของตนอย่างเสรีตามสิทธิอันพึงมีของปัจเจกชนในสังคมประชาธิปไตย กลับถูกคุกคาม รังควาญ กลั่นแกล้งด้วยการแจ้งข้อหา ต้องการล้มสถาบันหรือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพฯ อันเป็นความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ทำให้มีผู้ที่ถูกคุมขังด้วยข้อหาดังกล่าวจำนวนมาก รวมทั้งหลายรายถูกตัดสินอย่างเร่งรัดให้รับโทษจำคุกเป็นเวลานานตั้งแต่ ๘ ปีถึง ๑๘ ปี ซึ่งขบวนการพิจารณาคดีทั้งหมดนั้น กระทำโดยลักษณะขัดหลักการและระเบียบกฏหมายสากลที่อาระยะประเทศยอมรับ ด้วยเหตุแห่งความไม่ชอบในหลักปกครอง และกระบวนยุติธรรมดังกล่าวข้างต้น จึงทำให้ประเทศชาติเต็มไปด้วยความแตกแยก จนเป็นความขัดแย้งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนั้น ฝ่ายกลุ่มผู้กุมอำนาจและกลุ่มสนับสนุน ยังพยายามอย่างไม่ลดละที่จะจุดไฟสร้างความเกลียดชัง เพื่อกล่าวหาประชาชนที่มีความคิดต่าง ยิ่งทำให้ประชาชนผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก้าวมาสู่จุดที่ไม่สามารถถอยและพร้อมที่จะแตกหักเพื่อปกป้องตนเอง ดังนั้น พวกเราผู้ยึดมันในความถูกต้อง ความยุติธรรม และรักประธิปไตย ที่มีชื่อต่อท้ายจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้เห็นพ้องร่วมกันว่า เพื่อระงับยับยั้งแนวโน้มมิคสัญญีในชาติเสียแต่บัดนี้ และเชื่อว่าจะเป็นหนทางเดียวที่แก้ปัญหาได้ จึงขอเรียกร้องต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลาย ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้ ๑. ยกเลิกกฏหมายอาญามาตรา ๑๑๒ เสียโดยสิ้นเชิง เพราะการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นบรรลุได้ด้วยการบังคับใช้กฏหมายอาญาปกติซึ่งมีอยู่แล้ว การคงมาตรา ๑๑๒ ไว้รังแต่จะทำให้เสื่อมเสียแก่สถาบันมากยิ่งขึ้น ด้วยเพราะถูกนำมาใช้ทางผลประโยชน์การเมือง และการทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม ๒. ปลดปล่อยผู้ต้องหา และผู้ต้องโทษทางการเมืองทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าจะเป็นข้อหาผู้ก่อการร้ายจากผลแห่งการประกาศใช้พระราชกำหนดปฏิบัติราชการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือข้อหาหมิ่นตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ๓. เร่งรัดการสืบสวน เพื่อนำคนผิดมาลงโทษ กรณีย์ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์วันที่ ๑๐ เมษายน และการกระชับพื้นที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ สุดท้ายนี้ จึงขอปฏิญานว่า จะร่วมยืนเคียงข้างกับพี่น้องคนไทยทั่วทุกมุมโลก พี่น้องคนไทยผู้ยึดมันในหลักการประชาธิปไตยในประเทศทุกคน รณรงค์ต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้ง ในการที่จะทำให้ได้รับการตอบสนองจากข้อเรียกร้องและทำให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยสมบูรณ์ ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งปณิธานไว้โดยเร็ว |
ดาวน์โหลดคลิ๊ปคนเสื้อแดง
วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น