วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

กราบส้นตีนโจรใต้ซะอีกที


"ประยุทธ์" ขอโทษกรณี "กรือเซะ" ทบทวนย้ายฐานทหารรือเสาะ ลั่นต้องฟังเสียงประชาชน


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งทบทวนย้ายฐานทหารออกจาก อ.รือเสาะ ลั่นต้องฟังเสียงประชาชน ขอโทษกรณี "กรือเซะ" ชี้ เรื่องต่าง ๆ ผ่านกระบวนการยุติธรรมแล้วมีการเยียวยาและต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีก ระบุหากคิดอะไรไม่ออกให้นึกถึงเพลงชาติกับเพลงสรรเสริญพระบารมี
23 มี.ค. 54 - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เปิดโอกาสให้ประธานชมรม “ทำดี มีอาชีพ” ประธานสภาสันติสุขตำบล และเยาวชนจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เข้าร่วมโครงการ “ทำดี มีอาชีพ” เข้าพบที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต พร้อมกล่าวตอนหนึ่งว่า โครงการ “ทำดี มีอาชีพ” เป็นโครงการพัฒนาศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเยาวชน ซึ่งจะเป็นพลังให้ประเทศชาติเจริญเติบโตได้ และยังเป็นการลดความเสี่ยง ที่เยาวชนจะถูกชักจูงให้กระทำความผิด นอกจากนี้ ยังทำให้เยาวชนได้ประสบการณ์โดยไม่รู้ตัว จากการได้พบกับสังคมใหม่ ๆ ที่มีความแตกต่างไปจากเดิม และจะได้เห็นว่าการอยู่ร่วมกันในความแตกต่างด้วยสันติ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง 6 ยุทธศาสตร์ที่ใช้แก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งประกอบด้วย  1. การพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ให้มีอาชีพ รายได้และการศึกษาที่ดีขึ้น 2. การลดปัญหาจากภัยแทรกซ้อน ซึ่งนำไปสู่ความรุนแรงในพื้นที่ ทั้งจากปัญหายาเสพติด การค้าของเถื่อน อิทธิพล 3. การดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม การดูแลด้านสิทธิมนุษยชน ถ้าเจ้าหน้าที่ทหารทำความผิด จะต้องถูกลงโทษ 4. การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 5. การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ ที่เราต้องมีประวัติศาสตร์เดียวกัน อดีตเป็นสิ่งที่เราจะนำมาภาคภูมิใจ เป็นตัวอย่างที่ดี และอะไรไม่ดีก็ต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีก และ 6. การให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม
“เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ที่มัสยิดกรือเซะ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เป็นเรื่องที่ผมไม่สบายใจ แต่จำเป็นต้องพูด ผมต้องขอโทษแทน แม้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว อาจจะเกิดจากความไม่เข้าใจ ความประมาท การไม่ดูแล ไม่เอาใจใส่ ผมไม่อยากรื้อฟื้น แต่มันถูกเอามาอ้างทุกวัน ผมจึงอยากบอกว่า เรื่องต่าง ๆ ผ่านกระบวนการยุติธรรมแล้ว มีการเยียวยา และเราก็ต้องไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทั้งประชาชนและรัฐ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ ไม่ได้มีแต่ทหารที่มีหน้าที่แก้ไข แต่รัฐบาล กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร่วมกันแก้ไข และทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ โดยทหารเป็นกลไกหนึ่งในการขับเคลื่อน 6 ยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐบาล โดยใช้การเมืองนำการทหาร และใช้มาตรา 21 ให้ผู้ที่หลงผิดเข้ามอบตัว ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า จำนวนการก่อเหตุรุนแรงลดลง และประมาณครึ่งหนึ่งของคดีทั้งหมด ไม่ใช่เหตุรุนแรง แต่เกี่ยวกับยาเสพติด และการค้าของผิดกฎหมาย
“บ้านเมืองเราต้องช่วยกันดูแลแก้ไขปัญหา เราต้องลดปัญหาภายในของเราให้เหลือน้อยที่สุด ถ้าทุกคนเอาปัญหาของตัวเองมาพูด ก็ไม่มีโอกาสพูดถึงปัญหาของส่วนรวม ประเทศชาติบ้านเมืองจะต้องมาก่อน ถ้าคิดกันเช่นนี้ เราจะทำอะไรได้มากขึ้น และพร้อมจะช่วยเหลือบ้านเมือง แก้ไขปัญหาส่วนรวม เวลาคิดอะไรไม่ออก ขอให้นึกถึงเพลงชาติกับเพลงสรรเสริญพระบารมี แล้วเราจะรู้ว่า เราควรทำอะไร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
"ผบ.ทบ." สั่งทบทวน ย้ายฐานทหารออกจาก อ.รือเสาะ ลั่นต้องฟังเสียงประชาชน
วันเดียวกันนี้พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับสื่อมวลชนถึงกรณีมีประชาชนในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ไม่เห็นด้วยที่ทหารจะย้ายฐานออกจากพื้นที่ว่า กำลังให้แม่ทัพภาคที่ 4 ทบทวน โดยมอบนโยบายว่าต้องมองระยะยาวว่า จะทำอย่างไรให้สามารถดูแลพื้นที่ให้ปลอดภัยได้ทั้งหมด ขณะเดียวกันต้องให้ประชาชนมีความมั่นใจและพอใจ
“เราไม่สามารถให้กำลังของกองทัพภาคที่ 1 ลงไปอยู่ตลอดไป จึงต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับกองพลทหารราบที่ 15 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่โดยตรง เพื่อให้เป็นเอกภาพ แต่ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับความพอใจของประชาชนด้วย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่า สำหรับแผนการปฏิบัติที่ใช้ดูแลแต่ละพื้นที่นั้น ไม่ได้ใช้แผนเดียวทำงาน หากพื้นที่ใดมีความรุนแรง มีปัญหาหนัก ก็ต้องใช้แผนยุทธวิธีดูแล และใช้กำลังส่วนใหญ่ดูแลป้องกัน แต่ถ้าพื้นที่ใดสงบแล้วก็ใช้การพัฒนาเข้าไป
ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: มติชนออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น