คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น |
|
|
| |
เป็นครั้งแรกที่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินตรัสถึงเหตุการณ์ เผาบ้านเผาเมืองเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว
เป็นครั้งแรกที่คนไทยได้รับรู้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินินาถ ทรงเป็นทุกข์อย่างยิ่งกับเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองในครั้งนั้น จากรายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย” เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประทานสัมภาษณ์เรื่องราวส่วนพระองค์โดยมี “วู้ดดี้ -วุฒิธร มิลินทจินดา” เป็นพิธีกรผู้ดำเนินรายการ ทรงตรัสว่า
“ .... เหตุการณ์ปีที่แล้ว ที่มีการเผาบ้านเผาเมืองกัน อันนั้นนำความทุกข์มาสู่พระเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จฯ เหลือเกิน พระเจ้าอยู่หัวจากที่ทรงหัดเดินได้ ตอนนั้นทรงทรุดเลย เป็นไข้ต้องให้น้ำเกลือนอนแบ่บเลย สมเด็จฯ ก็เสียพระทัยมากเลย ท่านรับสั่งว่า คราวที่เราถูกเผาเมืองนั้น คือสมัยเสียกรุงต่อพม่า กรุงศรีอยุธยา แต่คราวนี้สะเทือนใจยิ่งกว่า เพราะเป็นการที่คนไทยเผาเมืองไทยเอง…..”
เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองผ่านไปครบ 1 ปี แกนนำคนเสื้อแดงที่ยุยงปลุกปั่นให้ผู้ร่วมชุมนุม ทำกรุงเทพฯ ให้เป็นทะเลเพลิง ยังอยู่ดี มีสุข ยังลอยนวล เที่ยวบิดเบือนข้อเท็จจริงในเหตุการณ์เมื่อปีที่แล้วว่า รัฐบาลฆ่าประชาชน ทหารฆ่าประชาชน
ทั้งๆ ที่มีหลักฐานเต็มไปหมดว่า เป็นการวางแผน แบ่งงานกันทำของเครือข่ายระบอบทักษิณ ที่ต้องการนำนายใหญ่กลับบ้านโดยไม่ติดคุก และทวงทรัพย์สิน อำนาจคืน ใช้ทั้งการชุมนุมมวลชน ใช้ทั้งความรุนแรง โดยฝีมือของคนชุดดำที่แฝงตัวอยู่กับที่ชุมนุม ฆ่าทหารที่สี่แยกคอกวัว เมือคืนวันที่ 10 เมษายน ฆ่าประชาชน ผู้บริสุทธิ์ เพื่อหวังจะจุดชนวนล้มรัฐบาล วางเพลิงเผาห้งสรรพสินค้า ธนาคาร สถานที่ราชการ เพื่อทำให้กรุงเทพ เข้าสู่ภาวะจลาจล
หากรัฐบาล และกองทัพฆ่าประชาชนจริงตามที่แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวหาแล้ว รัฐบาลคงล้มไปตั้งแต่ตอนั้นแล้ว ไม่อยู่มาจนถึงป่านนี้หรอก
เหตุการณ์เผาบ้าน เผาเมืองเมื่อปีที่แล้ว นอกจากจะใช้การชุมนุมใช้ความรุนแรงเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมืองอย่างฉับพลันแล้ว ยังมุ่งกระทำต่อ สถาบันพระมหากษตริย์ โดยกดดันให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องลงมาเป็นคนกลาง แก้ไขสถานการณ์ เหมือนเมื่อครั้งเหตุการณ์พฤษภาคม 2535
การกดดันสถาบันพระมหากษัตริย์ในครั้งนั้น กระทำอย่างอุกอาจ แสดงอาการจาบจ้วงอย่างเปิดเผย โดยพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ที่แถลงข่าวเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2553 แสดงเจตนาว่า จะดึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ลงมายุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้ง
"ขณะนี้ได้พยายามประสานไปยังสำนักราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง เพื่อขอเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้กับประชาชนเพื่อให้ปัญหาบ้านเมืองในปัจจุบันยุติลง เนื่องจากเกรงว่าใน 1-2 วันอาจจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นในการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง และเกรงกันว่าทหารจะใช้กำลังปราบประชาชน"พล.อ.ชวลิต กล่าว
พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้มีความคิดที่อยู่ในความคิดตลอดเวลา ถึงแม้จะดูว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เชื่อว่าด้วยชีวิตที่พระราชทานไว้แทบเบื้องพระยุคลบาทโดยการปฏิบัติรับใช้สนองพระเดชพระคุณ จึงคิดว่าหนทางที่ตนเองและพรรคเพื่อไทยคิดคือหวังในพระมหากรุณาธิคุณที่จะพระราชทานให้พวกเรา เพื่อยุติความขัดแย้งที่มีมานานจนสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองอย่างมหาศาล
“พระอาญามิพ้นเกล้า ข้าพระพุทธเจ้าขอรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้เหนือหัว หากสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเราในวันนี้คือขอรับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณปกเกล้าปกกระหม่อมให้กับพี่น้องคนไทย ให้กับพวกเราด้วย ผมคิดว่าถ้าไม่มีพระมหากรุณาธิคุณก็ไม่แน่ใจต่อการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นภายในวันสองวันข้างหน้านี้ และจะเป็นตราบาปที่คนไทยไม่ต้องการเห็น และหากมีสิ่งใดที่ผิดพลาดข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว
เชื่อว่าพระองค์ท่านจะมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพวกเราอย่างแน่นอน เพราะในชีวิตที่รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทไม่เคยเห็นพระองค์ท่านไม่สนพระทัยในลูกหลานแม้แต่น้อย จึงเป็นความหวังและความฝันของพวกเรา และคิดว่าสิ่งที่เราพูดในวันนี้คงต้องถึงพระเนตรพระกรรณอย่างแน่นอน ซึ่งเรามีความพยายามไปกราบพระบาทด้วยตัวพวกเราเอง แต่พระอาการยังไม่ค่อยดี แต่วันนี้ทรงพระสำราญแล้ว ก็อาจมีพระมหากรุณาธิคุณฯ และจะเป็นโชคอย่างที่สุดของพี่น้องคนไทย ดังนั้นคงต้องรอกันต่อไป" พล.อ.ชวลิต กล่าว
เมื่อไมได้รับการสนองตอบ เพราะสถาบันพระมหากษัตรย์ ทรงอยู่เหนือการเมือง และเหตุการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดงเป็นเครื่องมือของคนผิด ไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ เดือนพฤษภาคมปี 2535 ได้ อารมณ์โกรธแค้น กราดเกรี้ยวจึงถูกสั่งสม และระบิดออกมา ด้วนการทำลายประเทศ เผาบ้านเผาเมืองในที่สุด ดังที่ นช.ทักษิณ เคยกล่าวไว้เสมอว่า ถ้าเขาอยู่ไม่ได้ คนอื่นก็อย่าหวังว่า จะอยู่อย่างมีความสุขได้
เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองเมื่อปีที่แล้ว ไม่ใช่เป็นความขัดแย้งของคนไทย แต่เป็นแผนการชั่วร้ายของคนเพียงคนเดีย วที่ต้องการอำนาจและเงินคืน ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นรัฐไทยใหม่ เมื่อพ่ายแพ้ ก็เปลี่ยนยุทวิธี รอคอยโอกาสใหม่ ไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจ
เป็นเรื่องที่คนไทยต้องรู้ทัน และอย่าให้เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองเกิดขึ้นอีก
|
|
|
โมหจริต
ตอบลบ