วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554



พธม คลั่งชาติโยนบาปให้คนอื่น

นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการปกป้องราชอาณาจักร แถลงถึงกรณีที่ครอบครัวของนายวีระ สมความคิด ไปขอให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ช่วยเหลือนายวีระ และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ว่า เข้าใจดีว่าเป็นการดิ้นรนของครอบครัวที่ไม่มีทางเลือก "ตอนนี้นายวีระ และน.ส.ราตรี มีสภาพเหมือนถูกฮุนเซน และทักษิณ จับเรียกค่าไถ่ ถ้าไม่ได้ผลประโยชน์ที่พอใจจะไม่ปล่อยตัวออกมาง่ายๆ" (Dailyworldtoday 06-04-54)

ความจริงแล้วอดีตนายกทักษิณไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับการคลั่งชาติของพวกพันธมิตร สมเด็จฮุนเซนก็แค่ทำหน้าที่รักษากฏหมายของประเทศกัมพูชาเหตุการณ์ทั้งหมดมาจากการคลั่งชาติของพวกพันธมิตรฝ่ายเดียวที่แกว่งตีนหาเสี้ยน โดยเฉพาะนายวีระที่ได้ใจเคยทำลักษนะเดียวกันมาแล้วหลายครั้ง โดยคิดว่าบุญคุณที่มีต่อรัฐบาลเงาของนายอภิสิทธิ์จะช่วยคุ้มครองได้ 

นอกจากนี้นายนายประพันธ์ คูณมี ยังยืนยันว่าจะเดินหน้ารณรงค์ความคิดแบบสิ้นหวังต่อไป เพื่อปลุกระดมให้ประชาชนหันหลังให้ระบบประชาธิปไตยด้วยวิธี "โนโหวต" พันธมิตรรู้ชะตากรรมว่าพรรคการเมืองที่ไร้ทิศทางของพวกเขาไม่มีโอกาศอะไรเลยในสนามเลือกตั้ง (ยกเว้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ) ก็เลยต้องปลุกระดมให้ประชาชนใช้วิธีพันธมารที่พันธมิตรเคยทำ แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้คงจะไม่สำเร็จเหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะพวกที่คอยช่วยชักใยอยู่ข้างหลังถอนตัวออกไปหมดแล้วl


February 17, 2011

มีหลักฐานอะไรว่าเราเสียดินแดน

ศ.ดร.ธงชัย วินิจจะกุล
 เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ห้องประชุมมาลัยหุวนันท์ ตึก 3 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดการเสวนาทางวิชาการ "รัฐศาสตร์ภาคประชาชน ครั้งที่ 1" เรื่อง "ฝ่าวิกฤตชายแดนไทยเขมร" โดยมี ศ.ดร.ธงชัย วินิจจะกุล อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัย วิสคอนซิล-เมดิสัน ประเทศสหรัฐอเมริกา และ รศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมเสวนา ดำเนินรายการโดย ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ อาจารย์ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศษสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ศ.ดร. ธงชัย กล่าวว่า มีด้วยกัน 4 ประเด็นใหญ่ คือ 1. ฐานสาเหตุที่ปะทุขึ้นมาของความสัมพันธ์ระหว่างความคิดและการเสียดินแดน จะเรียกว่าลัทธิความเชื่อก็ได้ "ลัทธิชาตินิยมไทย" แยกไม่ออกตั้งแต่ต้นเรื่องการเสียดินแดน 2. การตีเส้นเขตแดน ความเข้าใจผิดเรื่องเส้นเขตแดน 3. เรื่องกรณีปราสาทเขาพระวิหาร 4. ความขัดแย้งไทย กัมพูชาไม่ใช่เรื่องเส้นเขตแดนทั้งสิ้น แต่เป็นเพราะเรื่องการเมืองไทย

ศ.ดร.ธงชัย กล่าวเปรียบเทียบปัญหามีเรื่องใหญ่มากเหมือนช้างตัวหนึ่งอยู่ในห้องแต่สังคมไทยเรามองไม่เห็น ตราบใดที่เรายังไม่ตระหนักว่ามีช้างอยู่ในห้องก็ไม่รู้ต้องรบกันอีกกี่ร้อยยก เริ่มจากประเด็นเรื่องที่ 1. อุดมการณ์ชาตินิยม เรื่องการเสียดินแดนซึ่งเคยเขียนไปแล้ว แต่ที่คนอ่านไม่รู้เรื่อง อาจจะเพราะว่าขัดกับความเชื่อ

February 16, 2011


สันติภาพที่ไม่มีขอบเขต

กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย, กลุ่มประชาคมจุฬาฯ เพื่อประชาชน, กลุ่มสลึง มหาวิทยาลัยมหิดล, ชมรมอนุรักษ์ฯ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, กลุ่มประกายไฟ, กลุ่ม FAN (Friend for Activist Network), สถาบันต้นกล้า, กลุ่มรองเท้าแตะ, กลุ่มไม่เอาสงคราม ต้องการสันติภาพ และมูลนิธิศักยภาพชุมชน ร่วมกันจัดงานดนตรี "สันติภาพไร้พรมแดน หยุดสงครามไทย-กัมพูชา" วันที่ 16 ก.พ.54 เวลา 17.00 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถนนราชดำเนิน

ฝูงสุนัขจิ้งจอกไม่สามารถที่จะเปรีบเทียบกับราชสีห์


เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 นายสนธิกล่าวกับสื่อของเขา ASTV ว่า พันธมิตรฯ เป็นเหมือนทหารของพระเจ้าตาก ที่ออกมาสู้ด้วยคุณธรรมเพื่อกู้ชาติคืนมา ไม่รู้ว่านายสนธิพูดในฝันหรือปล่าว แต่คงไม่แปลกที่นายสินธิเพ้อเจ้อแบบนี้ เพราะปรกตินายสนธิ ก็มักจะพูดอะไรที่เกินเลยความเป็นจริง และไม่น่าเชื่อถืออยู่เป็นประจำ โดยเฉพราะช่วงที่ไม่มีมวลชนจึงมีความจำเป็นต้องดิ้นรนหาภาพใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง แต่การสร้างภาพพวก พันธมิตรฯ กับทหารของพระเจ้าตากคงเป็นได้แค่ในฝัน 

วีรกรรมของทหารของพระเจ้าตากคือการกู้ชาติให้กับคนไทย ทหารของพระเจ้าตากเป็นนักรบที่กล้าหาญ แต่การกระทำของ พันธมิตร ฯ ในตอนนี้คือ การชักศึกเข้าบ้าน ศึกที่พวกพันธมิตรฯ ไม่ต้องต่อสู้ ไม่ต้องสูญเสีย แค่ปลุกกระแสคลั่งชาติอย่างเดียว ไม่ได้ใช้ความกล้าหาญเหมือนทหารของพระเจ้าตาก อาศัยแต่ความสูญเสียของคนอื่นเพื่อแสวงหาชัยชนะให้ตัวเอง คนที่ต่อสู้และสูญเสียคือ ชาวบ้านและลูกหลานของเขา เพราะฉะนั้นถ้าหากจะเปรียบเทียบพันธมิตรฯ กับทหารของพระเจ้าตาก คงเปรียบเทียบได้แค่ ฝูงสุนัขจิ้งจอก กับราชสีห์

February 11, 2011


ไม่เอาสงครามฯ ต้องการสันติภาพ

ภาพจาก "กลุ่มไม่เอาสงครามต้องการสันติภาพ" ที่มา 

February 8, 2011


“การเสียดินแดน” เป็นประวัติศาสตร์หลอกไพร่ไปตายแทน

โดย ธงชัย วินิจจะกูล 

ความรู้ประวัติศาสตร์เรื่อง “การเสียดินแดน” วางอยู่บนความเข้าใจประวัติศาสตร์อย่างผิดๆ 4 ประการ 

1. เข้าใจผิดว่า รัฐสมัยเก่า (ก่อนศตวรรษที่ 20) ถือการครอบครอง  ดินแดนเป็นเรื่องใหญ่ 

ความจริง รัฐสมัยเก่าไม่ถือการครอบครองดินแดนเป็นเรื่องสำคัญ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสมัยเก่าเป็นเรื่องของเจ้าที่มีอำนาจมากถืออำนาจบาตรใหญ่เหนือเจ้าที่มีอำนาจน้อยกว่า ลดหลั่นเป็นลำดับชั้นกันลงไป คือ เป็นความสัมพันธ์แบบเจ้าพ่อนั่นเอง เจ้าพ่อรายใหญ่ย่อมเรียก “ค่าคุ้มครอง” จากเจ้าพ่อรายเล็กกว่าในรูปของส่วยสาอากรผลประโยชน์ต่างๆและไพร่พล จากนั้นเจ้าพ่อทั้งรายใหญ่รายเล็กก็ไปขูดรีดเอากับไพร่ฟ้าข้าไทในเขตอิทธิพลของตนอีกทอดหนึ่ง 

อำนาจของเจ้าพ่อรายเล็กจึงอยู่ที่อำนาจเหนือไพร่ ฟ้าข้าไทในเขตอิทธิพลของตน อำนาจของเจ้าพ่อรายใหญ่จึงอยู่ที่อำนาจเหนือเจ้าพ่อรายเล็กและไพร่ฟ้าข้าไท ในเขตอิทธิพลของตน อธิปไตยเหนือดินแดนแบบสมัยนี้ยังไม่มี อำนาจขององค์อธิปัตย์หมายถึงอำนาจเหนือคน คือ เหนือเจ้าพ่อรายเล็กและไพร่ฟ้าข้าไท ไม่จำเป็นต้องมีขอบเขตชัดเจน บางทีก็มีบางทีก็ไม่มี ไพร่ฟ้าจะเดินทางไกลไปไหนต่อไหนก็ยังถือว่ายังอยู่ใต้อำนาจของเจ้าองค์เดิม หรือที่เรียกว่า “ใต่ร่มพระบรมโพธิสมภาร” ของเจ้าองค์เดิม 

“ดิน แดน” ที่รัฐสมัยเก่าหวงแหนสุดขีดคือเมืองและวัง เพราะหมายถึงอำนาจของเจ้าพ่อ รัฐสมัยเก่าไม่หวงแหนชายแดน ยกให้เป็นของขวัญแก่ฝรั่งอังกฤษมาแล้วก็มี

February 7, 2011


กลุ่มไม่เอาสงครามนัดรวมตัวกันเพื่อแสดงพลังต่อต้านการทำสงคราม





























มื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่อนุสาวรียชัยสมรภูมิ กลุ่มไม่เอาสงครามนัดรวมตัวกันเพื่อแสดงพลังต่อต้านการทำสงครามและเรียกร้อง ให้รัฐบาลจัดการแก้ปัญหาภายในประเทศโดยเฉพาะการเสียชีวิตของผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงและไม่อยากให้ประชาชนต้องเสียชีวิตอีก ไม่ว่าจะเป็นสงครามกลางเมืองหรือสงครามชายแดน มติชน แต่ถ้าไอ้พวก พธม คลั่งชาติที่ กทม มันกระหายสงครามก็ให้มันไปตั้งเวทีชุมนุมที่ชายแดนแล้วก็ทำการรบเอง อย่าเอาลูกหลานคนยากจนไปตายแทนพวกมัน

February 6, 2011


Somsak Rachso: ปราสาทพระวิหาร เอ็มโอยู 2543 และแผนที่

ปราสาทพระวิหาร เอ็มโอยู 2543 และ แผนที่  โดย พวงทอง ภวัครพันธุ์ เผยแพร่ครั้งแรกใน นังสือพิมพ์ มติชน ฉบับวันที่ 3 สิงหาคม 2553

จากการประท้วงของกลุ่มชาตินิยมครั้งล่าสุด มีประเด็นสำคัญที่ผู้เขียนต้องการถกเถียงในที่นี้คือกรณี MOU ปี 2543 และคำอธิบายของกลุ่มชาตินิยมที่มีต่อแผนที่เจ้าปัญหา 

ควรยกเลิก MOU 2543 จริงหรือ?

หนึ่งในข้อเรียกร้องของกลุ่มชาตินิยมคือ ให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ประกาศยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยการจัดทำหลักเขตแดนทางบก ปี 2543 (MOU 2543) ที่ลงนามโดย ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร รมช. กต.ในขณะนั้น และ นายวาร์ คิม ฮง ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการชายแดนของกัมพูชา 

เหตุผลที่ต้องยกเลิกก็เพราะ MOU 2543 ระบุว่า หนึ่งในเอกสารที่ต้องใช้ในการปักปันเขตแดนทางบก คือ แผนที่ ที่จัดทำขึ้นตามผลงานการปักปันเขตแดนของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับฝรั่งเ​ศสตามอนุสัญญาปี ค.ศ.1904 และสนธิสัญญาปี ค.ศ. 1907 ซึ่งมีความหมายรวมถึงแผนที่ที่ทำให้ไทยแพ้คดีปราสาทพระวิหารในปี 2505 หรือที่ฝ่ายไทยชอบเรียกว่า แผนที่ 1: 200000  แต่ในที่นี้จะเรียกว่า แผนที่ตอนเขาดงรัก แผนที่แสดงพื้นที่ที่มีการปักหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา

February 5, 2011


ชีวิตที่ต่างกัน ทำไม??

น่าสงสาร
พวกเขาอยู่เฉย ๆ ก็ต้องอุ้มลูกอุ้มหลาน ทิ้งบ้าน ทิ้งที่ทำมาหากิน ออกมาตกระกำลำบาก นอนกลางดินกินกลางทราย จะได้กลับบ้านเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กลับไปแล้วจะเหลืออะไรบ้าง จะได้รับการช่วยเหลือหรือปล่าว ชีวิตชาวบ้านอย่างพวกเขาทำได้ดีที่สุดก็คือ ปล่อยไปตามยฐากรรมที่ถูกกำหนดโดยพวกศักดินาในเมืองหลวง ที่นอกจากจะไมได้สร้างชีวิตที่ดีให้พวกเขาชาวบ้านยากจนแล้ว ยังกลับชอบหาความวุ่นวายและเพิ่มความทุกข์ยากมาให้พวกเขาอีก


น่ารังเกียจ
ส่วนพวกเขาเวร พธม อยู่ดีมีสุข แต่งตัวสวย ไม่ต้องนอนในหลุมลบภัย ไม่ต้องนอนบนดิน ไม่ต้องนอนเสื่อ นอนห้องแอร์ มีพัดลม แต่ก็ยังไม่วายออกมาสร้างความวุ่นวาย ปลุกกระแสคลั่งชาติ ยุ่ยงให้เกิดความขัดแย้งกับเพื่อนบ้านและใช้กำลังในการแก้ปัญหา เพื่อความสะใจตามแบบอย่างของพวกคนที่สำคํญผิดว่า ตัวเองมีปัญญามากกว่า รู้หมดรู้ถูกและมีค่ามากกว่าคนชนบท พูดจาสลับซับซ้อนดูเหมือนฉลาด ไม่แยแสกับความลำบากของคนอื่นเท่าไหร่นัก ขอให้พวกฉันได้ประโยชน์และความสะใจก็พอ เสียดายที่กระสุนปืนใหญ่กัมพูชามาไม่ถึงเวทีชุนุมของพวกคลั่งชาติ อยากให้ได้มีโอกาศสัมผัสกับความทุกข์ยากและลำบากของคนอื่นบ้าง บางทีอาจจะตาสว่างขึ้น หรือไม่ก็ตาบอดเพราะโดนสเก็ดระเบิด ก็ดีเหมือนกันอาจจะช่วยให้หายคลั่ง

February 4, 2011


ปลาไหลสนธิ ลิ้มทองกุล: คนที่มาร่วมกับพันธมิตรฯ มีแต่คนที่มีปัญญา


นายปลาไหลสนธิ ลิ้มทองกุล โม้ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลัวการชุมนุมของพันธมิตรฯ มากกว่าเสื้อแดง เพราะคนที่มาร่วมกับพันธมิตรฯ มีแต่คนที่มีปัญญา ปลาไหลตัวนี้ยังบอกอีกว่าตั้งแต่มีชีวิตมาจะ 63 ปีแล้ว (ทำไมอยู่นานจัง) ยังไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนที่โหดเหี้ยมอำมหิตเท่ารัฐบาลนี้ เพราะไม่มองคนไทยเป็นคนด้วยกัน มองแค่เป็นฐานเสียงที่เขาจะหลอกลวงเท่านั้น ที่มา

อาจเป็นไปได้ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลัวการชุมนุมพันธมิตรฯ แต่ไม่ใช่สาเหตุเพราะว่าพันธมิตรฯ เป็นคนที่มีปัญญา เอาความจริงมาเปิดเผย แต่เพราะว่าพันธมิตรฯเป็นม๊อบเด็กเส้น  แกนนำพันธมิตรฯ ตัวจริงน่าจะอยู่ในสถาบันอำนาจนอกรัฐธรรมนูญ เพราะเวลาที่ออกมาชุมนุมพวกพันธมิตรฯ  มักจะชูป้ายรูปภาพซึ่งน่าจะเป็นผู้นำตัวจริง ป้ายนี้ทำให้พันธมิตรฯ สร้างความวุ่นวายให้กับประเทศได้ โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐกล้าแตะต้อง และไม่ถูกเรียกว่าเป็นผู้ก่อการร้าย

นายปลาไหลสนธิบอกว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มองประชาชนแค่เป็นฐานเสียงที่เขาจะหลอกลวงเท่านั้น ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ขัดแย้งกับที่นายปลาไหลสนธิบอกว่า พันธมิตรฯ เป็นคนที่มีปัญญา เพราะว่าครั้งหนึ่งพวกพันธมิตรฯ ก็เป็นฐานเสียงให้กับ ปชป สุดท้ายก็ถูกเขาหลอกใช้ ตอนนี้พันธมิตรฯ ขาดมวลชนที่จะออกมาสร้างความวุ่นวาย เลยต้องออกมาเห่าแบบสุนัขจิ้งจอก เพื่อหลอกล่อหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง แต่เหตุผลที่นายสุนัขจิ้งจอกสนธิ สำรอกออกมาดูเหมือนจะเป็นเหตุผลที่ประณามความชั่วของตัวเองมากกว่า

February 1, 2011


ศาลกัมพูชาตัดสินจำคุก "วีระ คลั่งชาติ" 8 ปี โดยไม่รอลงอาญา


ศาลกัมพูชาตัดสินจำคุก "วีระ สมความคิด" 8 ปี ปรับ 1.8 ล้านเรียล ส่วน "ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์" ถูกตัดสินจำคุก 6 ปี ปรับ 1.2 ล้านเรียลจาก 3 ข้อหา โดยไม่รอลงอาญา และนำตัวเข้าเรือนจำทันที 

วันนี้ (1 ก.พ. 54) เมื่อเวลา 19.00 น. ศาลชั้นต้นกัมพูชานัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่นายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ และเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น (คปต.) และนางราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ เป็นจำเลย โดยถูกตั้ง 3 ข้อหา คือ เข้าเมืองผิดกฎหมาย เข้าพื้นที่ทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ประมวลข้อมูลอันเป็นภัยต่อการป้องกันประเทศ หรือ จารกรรมข้อมูล 

โดยศาลกัมพูชาตัดสินคดีจำคุก นาย วีระ สมความคิด 8 ปี ปรับ 1 ล้าน 8 แสนเรียล และตัดสินจำคุก นางราตรี 6 ปีปรับ 1 ล้าน 2 แสนเรียล ไม่รองลงอาญา โดยเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวทั้ง 2 คนกลับเข้าเรียนจำเปรยซอว์ทันที 

มีรายงานด้วยว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อนประชาธิปไตย ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลกัมพูชา และพร้อมต่อสู้จนถึงที่สุด 

ก่อนหน้านี้ ระหว่างการไต่สวนในช่วงเช้า ทั้งสองคนยืนยันปฏิเสธข้อหาโจรกรรมข้อมูล โดยเฉพาะนายวีระยืนยันต่อศาลว่าถูกจับในดินแดนไทย ส่วนกล้องวิดีโอเป็นของเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ใช้บันทึกการทำงาน ที่มา

January 11, 2011


ศาลกัมพูชาไม่ใช่ศาลเจ้าอย่างของไทย

ผมขอย้ำว่าศาลกัมพูชาไม่ใช่ศาลเจ้าอย่างของไทย

ความหวังของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ที่จะได้เห็นทางการกัมพูชาปล่อยตัวสมุนทั้ง 7 คนของพรรคประชาธิปัตย์โดยเร็วนั้นดูท่าจะไม่เป็นดั่งหวัง ล่าสุดนายกฮุน เซนให้สัมภาษว่า การพิจราณคดีกับสมุนพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 7 จะต้องดำเนินตามขั้นตอนของศาลกัมพูชา ไม่มีใครแทรกแซงได้ นอกจากนี้ยังเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือพรรคเพื่อไทย เตรียมประสานให้กัมพูชาปล่อยตัวคนไทยทั้ง 7 คนนั้นว่า ไม่มีความเป็นไปได้ ไม่มีใครช่วยได้ แม้กระทั่งสหประชาชาติก็ไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้ เพราะเป็นเรื่องของศาล ซึ่งเราต้องให้ความเคารพการดำเนินการของศาล นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ศาลได้ตั้งข้อกล่าวหานายวีระ และนางราตรี เพิ่มอีก 1 ข้อหา คือข้อหาการจารกรรมข้อมูล Bangkok Post

สำหรับนายวีระก็ต้องขอแสดงความยินดีด้วย ที่มีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะลองของกับกฎหมายของกัมพูชา เพราะว่าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายวีระถูกกัมพูชาจับกุม แต่นายวีระไม่มีความหลาบจำ คิดว่ากฎหมายของเพื่อนบ้านไม่มีความหมาย คงจะง่ายเหมือนตอนบุกรุกสนมบินสุวรรณภูมิ บุกรุกเป็นอาทิตย์ก็ไม่มีใครจับกุม จนป่านนี้ผู้ที่ถูกกล่าวหาก็ยังลอยนวล ประเทศไทยมีศาลเจ้าเยอะคดีเลยไม่คืบหน้า 

January 6, 2011


กัมพูชานำตัวผู้ถูกกล่าวหาบุกรุกดินแดนไปขึ้นศาล



ในถานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน ก็ไม่อยากจะซ้ำเติม หากไม่มีเจตนาบุกรุกดินแดนอย่างที่กัมพูชาเขากล่าวหาก็ขอให้ได้รับอิสรภาพ แต่ถ้าเขามีหลักฐานว่าเจตนาก็สุดแท้แต่เวรแต่กรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

January 3, 2011


คลิปวิดิโอ พนิช บุกรุกเขมร


"อย่าให้ใครรู้นะ เพราะมีนายกฯ รู้อยู่คนเดียว"


7 พันธมารล้ำเเดนกัมพูชาจริง

นายพนิช วิกิตเศรษฐ์
นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กระบวนการตรวจสอบพื้นที่เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมแผนที่ทหาร และกระทรวงการต่างประเทศได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว พบว่า เส้นทางที่คณะนายพนิชใช้ได้รุกล้ำในเขตพื้นที่กัมพูชาจริง ที่มา


งานนี้งามหน้าจริงๆ รัฐบาลไทยและพรรคประชาธิปัตย์ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หนึ่งในกลุ่มพันธมาร ถูกจับฐานลุกล้ำแผ่นดินกัมพูชา ทำไปได้! หลายคนอาจแปลกใจว่าเป็นไปได้ยังไง นายพนิชเคยเป็นรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านการทูต แต่กลับไม่รู้ว่าการกระทำแบบนั้นมันไม่เหมาะสม และผิดกฏหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ความสัมพันธิ์ของไทยและกัมพูชา ไม่ได้อยู่ในสภาวะที่ดีนัก

การจะเรียกร้องอะไรที่เกี่ยวข้องกับสนธิสัญญาระหว่างประเทศจะต้องกระทำระหว่างรัฐบาล ไม่ใช่ทำตามความสะใจส่วนตัว แต่ถ้าเราลองมาคิดดูอีกทีเราก็พอจะเข้าใจว่ามันมีคำอธิบยว่าทำไม มันเป็นสันดานอันหนึ่งของพวกพันธมารที่เคยทำมาแล้วตอนยิดสนามบิน แต่ตอนนั้นไม่มีใครทำอะไรได้ เพราะมีพวกที่มีอำนาจนอกรัฐธรรมนูณที่ถูกเปิดเผยโดย Wikileaks คอยคุ้มกะลาหัวให้ เลยได้ใจ ตอนนี้เลยอยากลองของนอก ก็เลยได้สมใจ ถ้าตอนนี้ใครถามผมว่าอยากเป็นอะไรมากที่สุด ผมคงต้องตอบว่า อยากเป็นนายกฮุนเซนมากที่สุดเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น