วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2554

นักวิชาการกล้าร้อง "ยกเลิก ม. 112, ยุบองคมนตรี"

http://www.go6tv.com/2011/04/112_14.html

นักวิชาการจี้ระบอบอำมาตย์ยอมให้มีการปรับเปลี่ยนบางอย่างที่เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ เช่น ยกเลิกมาตรา 112 ยุบสถาบันองคมนตรี ยกเลิกโครงการพระราชดำริ ลดงบประมาณกองทัพ เพื่อเป็นการปลดล็อกให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้และยืดเวลาการปะทะขั้นแตกหัก หากไม่ยอมปรับเปลี่ยนอะไรเลยสงครามครั้งสุดท้ายจะมาเร็วกว่าที่คิด ย้ำทุกข้อเสนอเป็นไปตามกลไกประชาธิปไตยสากลปรกติทั่วไป ไม่ได้เป็นการล้มล้าง ตั้งความหวังบุคคลในเครือข่ายสถาบันกษัตริย์ยอมออกมาพูดอะไรบ้างเพื่อเป็นจุดเริ่มของการเดินออกจากความขัดแย้ง

ดร.เก่งกิจ กิติเรียงลาภ อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ว่า ปัญหาของบ้านเมืองตอนนี้เป็นความขัดแย้งระหว่างพลังของประชาธิปไตยกับพลังที่เป็นเผด็จการ โดยที่พลังของเผด็จการมีอุดมการณ์เรื่องกษัตริย์นิยมเป็นเครื่องมือสำคัญในการปราบปรามคนที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตย และต้องติดตามดูว่าฝ่ายเผด็จการเลือกที่จะปลดกลไกบางอย่างเพื่อทำให้ฝ่ายตรงข้ามเดินได้บ้างหรือไม่ เพราะถ้าไม่ปลดอะไรเลยจะทำให้สงครามครั้งสุดท้ายมาถึงเร็วขึ้น

“ถ้าฝ่ายเผด็จการยอมปลดอะไรบางอย่างให้ฝ่ายประชาธิปไตยเดินได้จะทำให้ยืดปัญหาความขัดแย้งออกไป แต่เท่าที่ผมประเมินเชื่อว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่สามารถที่จะประนีประนอมได้แล้ว และจะต้องเกิดการแตกหักในระยะเวลาอันใกล้นี้ แต่จะเกิดอะไรขึ้นอยู่ที่แต่ละฝ่ายจะยอมถอยหรือไม่”

ดร.เก่งกิจเรียกร้องให้ฝ่ายเผด็จการยอมให้มีการปรับบางอย่างที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือมาตรา 112 หรือการลดอิทธิพลของสถาบันองคมนตรีด้วยการยกเลิกสถาบันนี้ เพราะความจริงสถาบันองคมนตรีไม่มีความจำเป็นอะไรต่อสังคมไทย แถมกินเดือนๆละ 100,000 กว่าบาท ทำให้เสียงบประมาณแผ่นดินที่เป็นเงินภาษีของประชาชนโดยไม่จำเป็น

ต้องเลิกระบบสังคมสงเคราะห์

นอกจากนี้ขอเรียกร้องให้มีการลดงบประมาณของกองทัพ ยกเลิกโครงการพระราชดำริ เพราะจริงๆแล้วในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยรัฐบาลจะต้องเป็นผู้ดำเนินการเอง ไม่ใช่มีองค์กรสังคมสงเคราะห์ไปทำงาน ตรงนี้เป็นรูปแบบประชาธิปไตยปรกติ ตลอดจนให้มีการแก้ไขกฎหมายที่มีการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน
ยอมถอยบ้างจะยืดเวลาแตกหักออกไป

“ระบอบอำมาตย์จะต้องยอมปรับตัวเอง อย่างน้อยต้องมีการแก้ไขกฎหมายบางประการเพื่อให้คนอื่นเดินได้ เพื่อยืดสงครามครั้งสุดท้ายออกไป ดังนั้น ฝ่ายอำมาตย์ต้องปรับตรงนี้ โดยเฉพาะต้องลดการอ้างหรือใช้อิทธิพลของสถาบันพระมหากษัตริย์มาเล่นงานคนอื่น และคนที่ออกมาพูดได้ดีที่สุดคือคนที่อยู่ในเครือข่ายของสถาบันพระมหากษัตริย์ หากยอมออกมาพูดอะไรบ้างเชื่อว่าจะเป็นทางออกของบ้านเมือง” ดร.เก่งกิจกล่าวและว่า ถ้าข้อเสนอนี้ไม่ได้รับการตอบสนองจากฝ่ายอำมาตย์จะทำให้ขบวนการเสื้อแดงขยายใหญ่โตยิ่งขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น