วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

ชาวใต้ ในวันนั้น กับพวกมัน ในวันนี้
http://proxy4plus.appspot.com/u?purl=bG10aC4yLW11cm9mL3N1Lm1vZGV
lcmZ0ZW5yZXRuaS53d3cvLzpwdHRo%0A


ชาวใต้สับ"ทักษิณ"ไม่ยุติธรรมเมินลงพท.ช่วยน้ำท่วม
ชาวใต้สับนายกฯ ขาดความยุติธรรม กรณีเมินลงพื้นที่ช่วยเหลือเหยื่อน้ำท่วม ชี้ ชอบหวังผลประโยชน์ทางการเมือง ยอมรับรู้สึกน้อยใจ แจงหลังน้ำท่วมเชียงใหม่ นายกฯ รุดตรวจสอบด้วยตนเอง แต่น้ำท่วมใต้หลายจังหวัดนายกฯ ยังไม่ลงพื้นที่มาดำเนินการ

หลังจากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน และล่าสุดทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังได้เดินทางไปมาดูความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ อีกทั้งล่าสุดนายกรัฐมนตรีเองได้สั่งห้ามไม่ให้มีการรับบริจาคสิ่งของและเงินผ่านทาง​สื่อโทรทัศน์ ล่าสุด "คม ชัด ลึก" ได้สอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไปยังประชาชนในพื้นที่ภาคใต้

นายพรวิชช์ เกลี้ยงเกื้อ อายุ 24 ปี ชาว ต.สมหวัง อ.กงหรา จ.พัทลุง ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้อย่างรุนแรง กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่หมู่บ้านของตนชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างรู้สึกน้อยใจ​นายกรัฐมนตรีอย่างมาก ที่ไม่ได้ตัดสินใจเดินทางลงมาดูแล และสอบถามถึงสารทุกข์สุกดิบของชาวบ้าน และตนไม่แน่ใจว่า นายกรัฐมนตรีมีเหตุผลอันใดที่ไม่ตัดสินใจเดินทางมาดูสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ในครั้งน​ี้ ทั้งๆ ที่ชาวบ้านในพื้นที่ทุกคนต้องได้รับความเดือดร้อนกันทั่วหน้า

"หากท่านนายกรัฐมนตรี กำลังคิดถึงผลประโยชน์ทางด้านการเมือง โดยเฉพาะเรื่องของผลประโยชน์ที่พรรคของรัฐบาลไม่ได้ฐานเสียงในพื้นที่ภาคใต้นั้น ในเรื่องนี้อยากให้ท่านนายกรัฐมนตรี ได้เปลี่ยนแปลงความคิดเสียใหม่ และควรจะแยกแยะให้ออกด้วยว่า เรื่องใดเป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน หรือเรื่องใดควรจะสั่งระงับในช่วงสถานการณ์ที่ประชาชนต้องได้รับความเดือดร้อนเช่นนี​้ ทั้งนี้เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นนายกฯ ของคนทั้งประเทศ แต่ไม่ใช่เป็นนายกรัฐมนตรีของบางพื้นที่หรือเป็นนายกรัฐมนตรีของจังหวัดที่มีฐานเสีย​งของตน" นายพรวิชช์ กล่าว

เขากล่าวในทำนองขอร้องว่า อยากให้นายกรัฐมนตรีล้มเลิกความคิดเก่าๆ โดยเฉพาะเรื่องของงบประมาณในการพัฒนาที่มีความมุ่งมั่นว่าจะเข้าไปพัฒนาเฉพาะพื้นที่​ที่มีการเลือกพรรคไทยรักไทย เพราะในเรื่องดังกล่าวอาจทำให้ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ขาดความศัรทธาในตัวของท่านนายก​รัฐมนตรีลงไปอีก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พรรคไทยรักไทยเองก็มีฐานเสียงในพื้นที่ภาคใต้น้อยอยู่แล้ว และในทางกลับกันหากท่านนายกรัฐมนตรีได้เดินทางลงมาดูแลและสอบถามถึงสารทุกข์สุกดิบขอ​งพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้หลังต้องประสบกับภัยน้ำท่วมแล้ว ในอนาคตประชาชนในพื้นที่ก็คงเกิดความเห็นใจและอาจส่งผลให้พรรคไทยรักไทยมีฐานเสียงเพ​ิ่มขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ได้

ส่วนเรื่องการสั่งห้าม ไม่ให้มีการเปิดรับบริจาคสิ่งของและรับบริจาคเงินผ่านทางสื่อโทรทัศน์ตามคำสั่งของนา​ยรัฐมนตรีนั้น ชาวบ้านรายนี้มองว่า นายกรัฐมนตรีกำลังใช้อำนาจและตำแหน่งของตัวเองเข้าไปแทรกแซงสื่อมวลชน และถือว่านายกรัฐมนตรีขาดความยุติธรรม เพราะในความเป็นจริงเมื่อประชาชนในบ้านเมืองต้องประสบกับปัญาและต้องเผชิญอยู่กับเหต​ุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ ทุกๆ ฝ่ายไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานจากภาครัฐหรือภาคเอกชนก็ต้องเร่งเข้ามาให้การช่วยเหลืออย่า​งเร่งด่วน แต่ในครั้งนี้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำประเทศกลับมาปิดกั้นการให้ความช่วยเหลือเสียเอ​ง

ด้าน น.ส.เยาวเรศ มณีพันธ์ ชาว ต.แม่ขรี อ.ตะโหมด จ.พัทลุง ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้เช่นกัน กล่าวว่า รู้สึกน้อยใจกับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีที่ไม่เคยเกิดแนวคิดว่าจะเดินทางลงมาดูแล​สภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านในพื้นที่ภาคใต้หลังต้องประสบกับเหตุการณ์น้ำท่วม และตามความเป็นจริงแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคน แต่ด้วยเหตุผลอันใดนายกรัฐมนตรีจึงไม่ยอมเดินทางลงมาดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาค​ใต้ช่วงเกิดวิกฤตเช่นนี้

"ไม่แน่ใจว่านายกรัฐมนตรีกำลังเล่นเกมส์การเมืองกับคนในพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ ถึงไม่มีความคิดที่จะเดินทางลงมาดูแลชาวใต้ หรือเป็นเพราะนายกรัฐมนตรี กำลังคิดว่า พรรคของท่านไม่มี สส.ในพื้นที่ จึงตัดสินใจปล่อยวางปัญหาทุกอย่างโดยปราศจากการเหลียวแล ซึ่งในเรื่องดังกล่าว ในฐานะผู้ประสบภัยและเป็นคนใต้ จึงอยากบอกผ่านทางสื่อมวลชนว่า รู้สึกน้อยใจท่านนายกรัฐมนตรีมากๆ และเท่าที่จำได้คือหลังจากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดและเป็นพื้นที่ฐานเสียงของนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ ประกอบกับในช่วงเวลาดังกล่าวทราบว่า นายกรัฐมนตรีกำลังปฏิบัติภาระกิจอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เมื่อท่านได้รับรายงาน ก็รีบเดินทางไปดูแลชาวเชียงใหม่ อย่างทันท่วงที" น.ส.เยาวเรศ กล่าว

เธอยังกล่าวถึงการสั่งระงับการรับบริจาคสิ่งของและเงินผ่านทางสื่อโทรทัศน์ตามคำสั่ง​ของนายกรัฐมนตรีว่า ยิ่งถือเป็นการซ้ำเติมให้คะแนนความศรัทธาของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ต่อตัวท่านนายกรั​ฐมนตรีลดน้อยลงไปอีก และถือเป็นการปิดโอกาสให้กับผู้ที่ต้องการเข้ามาให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ปร​ะสบภัยในพื้นที่ภาคใต้ด้วย

ขณะที่นายประสิทธิ์ จันทร์ลำภู อายุ 53 ปี ชาวบ้านในเขตเทศบาล ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เปิดเผยว่า ไม่ได้รู้สึกน้อยใจแต่อย่างใดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่เดินทางมาดูแลให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งนี้จากการได้รับความช่วยเหลือของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนบางส่วนในพื้นที่ก็ถือว่​าเพียงพอแล้ว

"เหตุผลที่ผมคิดว่าท่านนายกฯ ไม่เดินทางมาดูดำดูดีกับชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้นั้น เนื่องจากส่วนหนึ่งไม่ได้รับความไว้วางใจในการเลือกตั้ง สส.ของพรรคไทยรักไทย และอาจจะเกรงกลัวความไม่ปลอดภัยของตนเอง และที่สำคัญที่ท่านนายกฯ ประกาศไม่ให้มีการรับบริจาคเงินและสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยออกอากาศทางสถานีโทรท​ัศน์นั้น ผมคิดว่าท่านนายกฯ คงจะเกรงกลัวในการตรวจสอบการบริหารเงินช่วยเหลือที่ได้รับบริจาคเหมือนอย่างเช่นเงิน​บริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัย "สึนามิ" ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ทางรัฐบาลยังไม่สามารถชี้แจงได้ว่าเงินส่วนหนึ่งจากการบริจาคในครั้งนั้นห​ายไปไหน" นายประสิทธิ์ กล่าว

เขายังกล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าท่านนายกรัฐมนตรีจะไม่เดินทางมาดูแลช่วยเหลือความเดือดร้อนผู้​ประสบภัยด้วยตนเองนั้น ตนคิดว่าไม่มีผลกระทบต่อสภาพจิตใจของชาวใต้แต่อย่างใด เนื่องจากยังคงได้รับความช่วยเหลือจากผู้มีจิตศรัธาในพื้นที่ใกล้เคียงอยู่อย่างต่อเ​นื่อง

แม่ค้าย่านตลาดสันติสุขภายในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา รายหนึ่ง กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า การที่นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้นำประเทศไม่ได้ตัดสินใจเดินทางลงมาดูแลความเป็นอยู่ขอ​งพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้หลังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมเช่นนี้ถือว่าน​ายกฯ ยังขาดความเป็นธรรม และมีความอคติกับคนใต้อยู่มาก อีกทั้งอยากบอกให้นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบว่า ในช่วงที่ผ่านมาคนในพื้นที่จำนวนหลายคน ยอมรับกับการบริหารงานของนายกรัฐมนตรีคนนี้อยู่ และในช่วงการเลือกตั้งในครั้งที่ผ่านมา ชาวใต้ก็ยังให้คะแนนเสียงกับพรรคไทยรักไทยมากเช่นกัน แต่ผลสรุปโดยภาพรวมพรรคไทยรักไทยกลับไม่ได้ ซึ่งตนเชื่อว่าหากนายกรัฐมนตรีไม่ได้เดินทางลงมาดูแลความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่หลัง​เกิดเหตุน้ำท่วมในครั้งนี้ ยอมรับว่า ในอนาคตฐานเสียงของพรรคไทยรักไทย ที่เคยมีอยู่ในพื้นที่ภาคใต้คงลดลงไปเรื่อยๆ แน่นอน

แม่ค้ารายนี้ยังกล่าวอีกว่า จากการสังเกตเมื่อน้ำท่วมที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อครั้งที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเองรีบตัดสินใจเดินทางไปตรวจสอบและสั่งดำเนินการในการแก้ไขปัญหาด้วยตนเ​อง แต่เหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้หลายจังหวัดเช่นนี้เหตุผลอันใดที่นาย​กรัฐมนตรีกลับต้องจัดส่งผู้ใต้บังคับบัญชาลงมา ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ทั้งนี้เพราะคนในพื้นที่ต้องการได้รับกำลังใจจากผู้ที่เป็นผู้นำประเทศมากกว่า

"ส่วนเรื่องการสั่งงดบริจาคสิ่งของผ่านทีวีนั้นในเบื้องต้นเมื่อได้รับทราบข้อมูลจากเ​พื่อนที่เป็นแม่ค้าด้วยกัน ดิฉันเองก็ยังไม่เชื่อและคิดว่าเป็นข่าวโคมแล้ว แต่เมื่อได้รับทราบข้อมูลด้วยตนเองก็รู้สึกน้อยใจนายกรัฐมนตรีเช่นกัน เพราะอย่างน้อยการรับบริจาคในลักษณะเช่นนี้ก็สามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้กับคนในพื​้นที่ได้ส่วนหนึ่ง และดูเหมือนว่าการกระทำของนายกฯ ในลักษณะดังกล่าวคงคล้ายๆ กับสุภาษิตที่ว่า "เลือกที่รักมักที่ชัง" หรือ นายกฯ กำลังมองคนใต้ว่าเป็นลูกเมียน้อย" แม่ค้ารายเดิม ระบุ

น.ส.ตอย๊ะ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เปิดเผยว่า รู้สึกน้อยใจกับการกระทำของผู้นำประเทศ ที่ยังคงมีความคิดในการแบ่งแยกการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งในส่วนนี้อยาให้ท่านนายกรัฐมนตรีได้ปรับเปลี่ยนแนวความคิดเสียใหม่ และให้นึกว่าทุกคนที่อาสัยอยู่ในประเทศก็เป็นคนไทยที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือจาก​ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเช่นกันถึงแม้ว่าในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะไม่มี สส.จากพรรคไทยรักไทย

"ฉันคิดว่าการกระทำของผู้นำประเทศในลักษณะเช่นนี้เป็นการแสดงออกถึงการไม่เสมอภาค และถือเป็นคุณสมบัติที่ไม่เหมาะสมของการเป็นผู้นำประเทศที่เลือกปฏิบัติ ส่วนการสั่งงดรับบริจาคเงินช่วยเหลือผ่านทางทีวีนั้น ก็เห็นได้ชัดเจนว่ารัฐบาลใช้อำนาจทางสื่อมวลชนเป็นเครื่องมือในการปกปิดการทำงานของต​น ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะอย่างยิ่ง และถ้าหากรัฐบาลยังคงใช้อำนาจไปในทางที่ผิดอย่างนี้คงเป็นการยากที่จะเป็นประเทศไทยจ​ะเกิดความเจริญก้าวหน้า" น.ส.ตอย๊ะ กล่าว

ในส่วนของ น.ส.นิภาภรณ์ ไพมณี อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีและมีภูมิลำเนาเดิมอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ยะลา และเป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ กล่าวว่า รู้สึกน้อยใจกับการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไม่ตัดสินใจเดินทางลงมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ และโดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเมื่อ 3 วันก่อน

"ถึงแม้ว่าในพื้นที่ภาคใต้ส่วนใหญ่จะไม่ผู้แทนทางการเมืองของพรรคไทยรักไทย แต่อย่างไรก็ตามด้วยจิตวิญญาณของความเป็นผู้นำประเทศก็น่าจะลงพื้นที่เพื่อมาดูแลพี่​น้องประชาชนผู้ประสบภัยบ้าง โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ต้องมาพบกับ 2 สถานการณ์พร้อมๆ กัน คือ ทั้งสถานการณ์ความไม่สงบและสถานการณ์น้ำท่วม จนส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ค่อนข้างได้รับความเดือดร้อนมากกว่าพื้นที่อื่นๆ และจนถึงขณะนี้ประชาชนในพื้นที่รอบนอกก็ยังคงรอการให้ความช่วยเหลือจากรัฐบาลอยู่ เนื่องจากระดับน้ำยังคงท่วงมสูงและถูกตัดขาดกับโลกภายนอกนานนับสัปดาห์" น.ส.นิภาภรณ์ กล่าว

สำหรับการสั่งงดออกอากาศการบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้น เธอมองว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมสำหรับความเป็นผู้นำประเทศที่จะมากีดกั้นสื่อกันในลักษระเ​ช่นนี้ และถ้าหากท่านนายกรัฐมนตรียังมีแนวคิดในลักษระเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ความเสมอภาคของทุกคนในประเทศจะเกิดขึ้นได้อย่างไรและเมื่อไหร่ประเทศชาติจะเจริญ

นางประทีป เซ่งยิ้ม ชาวบ้านในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นผู้ประสบน้ำท่วมซ้ำซากเป็นประจำทุกปี กล่าวว่า หลังจากชีวิตต้องประสบกับเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ตนและคนในครอบครัวต้องอาศัยอยู่​ด้วยความลำบาก และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการเฉลียวแลจากรัฐบาลเลย อีกทั้งรู้ลึกเกิดความอคติกับรัฐบาลชุดนี้อย่างมาก โดยเฉพาะการไม่ตัดสินใจลงมาดูแลผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ของท่านนายกรัฐมนต​รี และจากการสังเกตพบว่าจะมีความแตกต่างจากภาคเหนือที่ต้องประสบภัยน้ำท่วมมาก่อนหน้านี​้ไปโดยสิ้นเชิง

"ดิฉันมองว่านายกรัฐมนาตรีเกิความลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด แม้กระทั่งการให้ความช่วยเหลือในการรับบริจาคสิ่งของจากพี่น้องประชาชนชาวไทยผ่านทาง​ทีวีท่านก็ห้ามไม่ให้มีการบริจาค ซึ่งในเรื่องดังกล่าวออยากให้ท่านนายรัฐมนตรีลดความอคติกับคนใต้บ้าง" นางประทีป กล่าว

นายสุธี พรหมแสง ชาวบ้านในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า เกิดความรู้สึกเฉยชากับการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลชุดนี้ และเบื่อที่จะเรียกร้องหรือขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เห็นว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญอะไรมากนักกับปัญหาภาคใต้มากนัก อีกทั้งเห็นว่าแก้ปัญหาของรัฐบาลก็เหมือนยิ่งเพิ่มปมให้เกิดการลุมลามเข้าไปอีก

"ขณะนี้คนใต้ต้องประสบกับปัญหาอุทกภัย และยอมรับว่ารัฐบาลได้จัดส่งสิ่งของเข้ามาให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะเครื่อองอุปโภคบริโภค แต่สิ่งหนึ่งที่คนใต้ต้องการมากกว่านี้คือ กำลังใจ โดยเฉพาะกำลังใจจากนายกรัฐมนตรีด้วยการลงพื้นที่มาเยี่ยมผู้ประสบภัยซึ่งถือเป็นเรื่​องที่ดีแต่ท่านผู้นำก็ไม่ทำ ซึ่งการกระทำในลักษระดังกล่าวจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคนใต้ถึงไม่เทคะแนนเสียงให้พรร​คของรัฐบาล และการกระทำในลักษระเช่นนี้สามารถเป็นบทพิสูจน์ได้แล้วว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีความยุติ​ธรรม"นายสุธี กล่าว

โดย คม ชัด ลึก วัน พฤหัสบดี ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2548 14:14 น 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น