วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

เส้นทางของรัฐนาซีใหม่?

โดย รุ่งโรจน์ วรรณศูทร
28 เมษายน 2554




กรณีคุกคามเสรีภาพทางวิชาการที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ต่อ ดร. สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สะท้อนถึงการคุกคามหรือการปฏิเสธใน เสรีภาพในการแสดงออก (Freedom of Expression) ของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย อย่างมีนัยสำคัญซึ่งตามมาด้วยการ "จู่โจม" ขบวนประชาธิปไตยประชาชนที่ก่อตัวและพัฒนาสืบเนื่องอย่างเป็นรูปธรรมเด่นชัดขึ้น นับจากการรัฐประหารอัปยศ 19 กันยายน 2549

สัปดาห์ถัดมา คือในวันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2554 ชุดปฏิบัติการร่วมซึ่งประกอบกำลังจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และตำรวจท้องที่ ได้นำหมายศาล กระจายกำลังกันเข้าตรวจค้นสถานีวิทยุชุมชนที่เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะสถานีวิทยุที่กระจายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต รวม 13 แห่ง ในพื้นที่ กทม. 7 แห่ง ซึ่งในการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ สืบเนื่องจาก กอ.รมน. ตรวจสอบพบว่ามีสถานีวิทยุชุมชนหลายแห่งที่ดำเนินการเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย

ทั้งนี้โดยข้อเท็จจริง ณ เวลาปัจจุบัน สถานีวิทยุชุมชน "ทั้งประเทศ" ไม่เพียงสถานีที่ดำเนินการโดย "คนเสื้อแดง" ล้วนกระจายเสียงโดยไม่มีกฎหมายรองรับแต่อย่างใด

และปฏิบัติการเยี่ยง "รัฐนาซี" ก็ตามมา เมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 27 เมษายน เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ มีหมายเรียกตัวนายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการนิตยสารฟ้าเดียวกัน เข้าให้ปากคำในฐานะพยาน กรณีมีผู้ฟ้องว่าข้อความในเว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน (ปัจจุบันปิดไปแล้ว) จำนวน 46 url อาจเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งนายธนาพลให้การว่า ไม่ทราบว่ามีข้อความดังกล่าวในเว็บบอร์ด และไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากเว็บถูกปิดไปแล้ว

สถานการณ์การเมืองของประเทศไทยเดินทางมาถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อ ระหว่างความมีอารยะกับความป่าเถื่อนลุแก่อำนาจยิ่งกว่าครั้งใดๆ ในประวัติศาสตร์ และหมายถึงการรณรงค์ระหว่างพลังประชาธิปไตยกับพลังปฏิกิริยา กำลังจะผ่านพัฒนาการขึ้นสู่อีกระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือบาดแผลและความเจ็บปวดของประชาชนผู้ใฝ่ในเสรีภาพ

ประวัติศาสตร์ยุคใกล้ สอนให้มนุษย์รู้จัก "ผู้นำ" หนึ่งใน "คนบาปของมนุษยชาติ" คือ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้สถาปนาตนเองขึ้นเป็น "ฟือเรอร์ (Fuhrer)" หรือ "ผู้นำสูงสุด" ซึ่งเป็นทั้งหัวหน้าพรรคแรงงานสังคมนิยมแห่งชาติเยอรมัน หรือพรรคนาซี (Nazi) ประมุขแห่งรัฐ นายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการทหารบก ทั้งโดยอาศัยอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสาธารณรัฐไวมาร์เป็นจักรวรรดิไรช์ที่สาม รัฐเผด็จการพรรคการเมืองเดียว ภายใต้แนวคิดนาซีอันเป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จและอัตตาธิปไตย และต่อมามีอิทธิพลอย่างมากต่อการทำสงครามของเยอรมนี และนโยบายด้านการต่างประเทศตามลัทธินาซี ซึ่งนำพาประชาชาติเยอรมันเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 รวมทั้งการ "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ซึ่งทำให้ผู้บริสุทธิ์ตายไปอย่างน้อย 11 ล้านคน โดยเป็นชาวยิวถึง 6 ล้านคน ทั้งนี้เครื่องมือสำคัญ 2 ประการของฮิตเลอร์และรัฐนาซี ประกอบด้วยบุคคล 2 คน

"โจเซฟ เกิบเบล" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโฆษณาการ (Ministry for Popular Enlightenment and Propaganda) ตั้งแต่ (1933-1945) ผู้ถือได้ว่าทรงอิทธิพลมากที่สุดรองจากฮิตเลอร์ต่อการปลุกเร้าจิตใจของชาวเยอรมันต่อการรุกรานยุโรป ผลงานสำคัญของกระทรวงโฆษณาการของอาณาจักรไรช์ที่ 3 คือทำให้ประชาชนเยอรมันคลั่งชาติ ในช่วงท้ายของสงคราม ฮิตเลอร์ได้ระบุในพินัยกรรมให้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนี และเพียงแค่วันเดียว เกิบเบลก็สั่งให้ภรรยาและบุตรทั้งหมดกินยาพิษฆ่าตัวตาย ก่อนจะฆ่าตัวตายตามหลัง "ผู้นำสูงสุด" ไป

"ไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์" ผู้บัญชาการหน่วยเอสเอสและหน่วยตำรวจลับเกสตาโป มีหน้าที่ตรวจค้นและกวาดล้างบุคคล แหละ/หรือกลุ่มบุคคลที่ต้อง สงสัยว่ามีพฤติกรรมต่อต้าน อำนาจรัฐนาซีเยอรมันในช่วง เหลื่อมและช่วงสงครามโลกครั้ง ที่สองในทวีปยุโรป มีอำนาจล้นฟ้าในรัฐเผด็จอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ มีส่วนรู้เห็นต่อการสร้างค่ายกักกัน ทั้งหลายในทวีปยุโรป ผลงานที่มนุษย์ในสังคมอารยะไม่มีวันลืมคือเป็นผู้สร้างค่ายกักกันในเมืองที่ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นภาษาเยอรมันว่า "เอาชวิทซ์ (Auschwitz)" ในประเทศโปแลนด์ที่กองทัพนาซีเยอรมันรุกรานเข้ายึดครองในปี 1939 อันเป็นที่สังหารชาวยิวกว่า 3 ล้านคน ผู้ประสบชะตากรรมเกือบทั้งหมดถูกสังหารใน "ห้องรมก๊าซ" โดยใช้ก๊าซ Zyklon B ตลอดจนจากความอดอยาก การบังคับใช้แรงงาน การขาดการดูแลทางสุขภาพ การถูกสังหารตัวต่อตัว และข้ออ้างใน "การทดลองทางแพทย์" หลังจากนาซีเยอรมันประสบความปราชัย ฮิมม์เลอร์ถูกพันธมิตรจับกุมตัวได้และฆ่าตัวตาย

ไม่ว่าในยุคที่การเผด็จอำนาจของพรรคนาซีเยอรมันภายใต้การนำของฮิตเลอร์จะเกรียงไกรแข็งแกร่ง โดยที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเดินทางไปสู่จุดจบและกลายเป็นตราบบาปของประวัติอารยธรรมของมนุษยชาติเพียงใด…

แต่บั้นปลายของหนึ่งใน "ทรราชย์" ที่สามานย์ที่สุดในศตวรรษที่ 20 ก็คือ การฆ่าตัวตายพร้อมๆกับ อีวา บราวน์ ภรรยาที่ไม่ได้รับรองอย่างเป็นทางการ ในกรุงเบอร์ลินเมื่อวันที่ 30 เมษายน 1945 ก่อนการยาตราทัพเข้ายึดครองโดยกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตร โดยเชื่อว่าฮิตเลอร์ใช้วิธียิงตัวตาย ขณะที่บราวน์เลือกใช้วิธีดื่มยาพิษ แม้ว่าการตายนั้นยังคงเป็นปริศนา เนื่องจากไม่มีการพบศพของทั้ง 2 คนแต่อย่างใด.
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น