วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2555

เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย
กลุ่มประชาธิปไตยก้าวหน้าเปิดผนึกถึงทักษิณ กรณีเสรีพิศุทธิ์: เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย
[ภาพ: cartoon.jpg]

พวกเราอาจจะให้อภัยนายกฯทักษิณได้ในบางเรื่อง แต่ไม่อาจให้อภัยท่านได้ในทุกเรื่อง โดยเฉพาะการกระทำที่ส่อไปในทางเหยียบย่ำหัวใจคนเสื้อแดง หรือทรยศต่ออุดมการณ์ของคนเสื้อแดง


โดย กลุ่มประชาธิปไตยก้าวหน้า
11 เมษายน 2554

“ไม่เคยคิดว่า วันหนึ่งต้องมาเขียนจดหมายเปิดผนึกถึง ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ทำคุณประโยชน์ให้คนไทยมากที่สุด เท่าที่ประเทศนี้เคยมีนายกฯ มา”


แต่วันนี้ ยอมรับว่าทนไม่ไหวจริงๆ เมื่อเห็นร่างรายชื่อ (โผ) นักการเมืองที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งทั่วไปของพรรคเพื่อไทยในระบบบัญชีรายชื่อ ที่มีชื่อพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. รวมอยู่ด้วย

ถ้านายกฯทักษิณไม่ขี้ลืมเกินไป คงจะพอจำได้ว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ คือผู้ที่สั่งปราบคนเสื้อแดงอย่างเฉียบขาดจนถึงกับเลือดตกยางออก พิการ และล้มตาย (ฟรี) ในช่วงที่จะขึ้นมาเป็บ ผบ.ตร. เมื่อครั้งกลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนขบวนกลางดึกไปบ้านสี่เสาเทเวศน์ ท่านยังจำได้อยู่หรือไม่

และอยากถามหัวใจนายกฯทักษิณด้วยว่า ชีวิตคนเสื้อแดงที่ยอมตาย ยอมต่อสู้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อท่านมากว่า 5 ปีเข้าไปแล้วนี่ มันไร้ค่า มันไม่มีความหมายต่อท่านเลยหรือไง หรือพวกเรามันก็เป็นเพียงแค่ 1 เสียงเล็กๆ ที่ท่านบวก ลบ คูณ หาร ดูแล้ว คงไม่มีปัญญาช่วยท่านแย่งเก้าอี้ส.ส.บุรีรัมย์จากเนวิน ชิดชอบ ในการเลือกตั้งที่จะถึง มาให้พรรคของท่านได้

ความต้องการจะเอาชนะทางการเมืองโดยเอาใครก็ได้ (ที่เคยทำร้ายคนเสื้อแดงทั้งทางตรงหรือทางอ้อม) มาเป็น สส.โดยไม่สนใจว่าจะเหยียบย่ำหัวใจคนเสื้อแดงอย่างไร น่าจะเป็นสิ่งที่ท่านควรทบทวนและใตร่ตรองอย่างรอบครอบอีกครั้ง

อย่าลืมว่าในช่วงเวลาที่ท่านเจ็บ ตกต่ำ ถูกทำร้าย ถูกปล้นเก้าอี้นายกฯ และไม่มีผู้มีอำนาจคนไหนในบ้านนี้เมืองนี้ (รวมทั้งพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์) กล้าประกาศอย่างองอาจว่าอยู่ข้างเดียวกับท่าน ใครกันที่เจ็บ ร้องไห้ ไปกับท่าน ใครกันที่ปกป้องท่าน ลูกหลานของท่าน (เต็มกำลังที่จะทำได้) หยัดยืน ตากแดด ตากฝน เสี่ยงชีวิต และเสี่ยงลูกปืน (จนตายไปหลายคน) เพื่อท่าน ถ้าไม่ใช่คนเสื้อแดง

นี่ไม่ใช่การทวงบุณคุณ เพราะชีวิตคนเสื้อแดงที่ตายไปแล้วมิอาจฟื้นคืนมาได้ ไม่ว่าท่านจะชดใช้ให้อย่างไร และด้วยวิธีไหนก็ตาม เสื้อแดงไม่เคยกล่าวโทษท่าน เพียงแต่พวกเรารับไม่ได้ และไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการที่ท่านเอาพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มาเป็นแคนดิเดท ส.ส. พรรคเพื่อไทย พวกเราต้องการกระตุ้นเตือนให้นายกฯทักษิณทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง และพิจารณาประวัติ พื้นฐานทางความคิด ตลอดจนจุดยืน-อุดมการณ์ทางการเมืองของแคนดิเดต สส. เสรีพิศุทธ์ ให้รอบคอบมากกว่านี้ อย่าเห็นกับพวกมากลากไปและบริบทจอมปลอมรอบข้างคนๆนี้

ถ้าท่านไม่ต้องการเห็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย (น้องๆ กรณีเนวิน) เกิดขึ้นกับท่านอีก พวกเรายอมรับว่า ท่านเป็นคนฉลาดและเก่งในการบริหารธุรกิจและบ้านเมือง แต่ในเรื่องการเมืองนั้น พวกเราไม่ค่อยแน่ใจเท่าใดนัก ประเมินจากประสบการณ์ตรงทางการเมืองที่เกิดกับท่าน และพวกเราได้ร่วมเผชิญด้วย

พวกเราอาจจะให้อภัยท่านได้ในบางเรื่อง แต่ไม่อาจให้อภัยท่านได้ในทุกเรื่อง โดยเฉพาะการกระทำที่ส่อไปในทางเหยียบย่ำหัวใจคนเสื้อแดง หรือทรยศต่ออุดมการณ์ของคนเสื้อแดง

พวกเราขอร้องท่านอีกครั้ง อย่าเหยียบย่ำหยามน้ำใจคนเสื้อแดง โดยเอาใครก็ได้ (โดยเฉพาะคนที่เคยทำร้ายเสื้อแดง) มาให้เสื้อแดงช่วยกันเลือกเข้าไปในนามพรรคเพื่อไทย เพราะพวกเราคือคนที่เจ็บแล้วจำ (ไม่ใช่ควาย ที่เจ็บแล้วทน) เช่นเดียวกับท่านนายกฯ เราไม่ควรแม้แต่จะคิดเลือกคนที่เคยสั่งปราบปรามพี่น้องเราจนบาดเจ็บ-ล้มตาย เข้าไปลอยหน้าลอยตาในสภา และกินเงินเดือนซึ่งเป็นภาษีจากหยาดเหงื่อของพวกเรา

ถ้านายกฯทักษิณต้องการให้เสื้อแดงเลือกพรรคเพื่อไทย ท่านต้องเลือกแคนดิเดท ส.ส.ของพรรค ที่เป็นคนของประชาชนเสื้อแดง และทำงานเพื่อประชาชนเสื้อแดงอย่างแท้จริง

ในวันนี้ คนเสื้อแดงได้คล้องแขน จับมือกันเดินสู้ฝ่าฝันระบอบเผด็จการไปไกลแล้ว พวกเราต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง ต้องการนักการเมืองที่มีความรู้ มีคุณภาพ มีอุดมการณ์เพื่อรับใช้ประชาชน พวกเราไม่ได้ขออะไรมากไปกว่านี้ เราไม่ต้องการนักการเมืองรูปหล่อ ไม่ต้องการนักการเมืองตลกคาเฟ่ หรือแม้แต่นักปราศรัยนปช. (บางท่าน) ที่ขายวาทะกรรมทางการเมืองไปวันๆ ตีสองหน้า พร้อมจะประนีประนอมกับทั้งสองฝ่าย กระโจนหนีเอาตัวรอดเมื่อภัยมา พร้อมกับคำอธิบายต่างๆ นาๆ เพื่อหาความชอบธรรมให้กับตัวเอง หรือเพื่อผลประโยชน์ต่างๆ

ดังนั้น พวกเราขอร้องให้ท่านนายกฯทักษิณ ทบทวนอีกครั้ง กรณีเอาพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มาเป็นหนึ่งในแคนดิเดท สส. พรรคเพื่อไทย และแคนดิเดทบางคน ที่แม้คำว่าประชาธิปไตยยังไม่เข้าใจ เป็นได้เพียงตลกคาเฟ่บนเวที นปช. หรือเผด็จการอำมาตย์ในกลุ่มคนเสื้อแดง เท่านั้น และกรุณาอย่าอ้างว่า คนกลุ่มหนึ่งจำเป็นต้องได้รับโควต้าจัดสรรเป็นแคนดิเดท สส.พรรคเพื่อไทย เพื่อให้สามารถใช้สิทธิ์การเป็นสส.คุ้มครองฯ กรณีจะถูกจับในการต่อสู้ทางการเมืองในอนาคต

ถ้านายกฯทักษิณใช้ตรรกะนี้ในการจัดโควต้าแคนดิเดท ส.ส.ให้กับนักปราศรัยบางกลุ่มบนเวที นปช. เพื่อความยุติธรรม ท่านก็ต้องจัดสรรตำแหน่งแคนดิเดท ส.ส. หรือตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ให้กับญาติพี่น้องของเสื้อแดงที่เสียชีวิตไป (ในจำนวน 93 ศพ – ตัวเลขล่าสุด) เมื่อช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ด้วยเช่นกัน คนเหล่านี้ต่างหาก คือวีรบุรุษเสื้อแดงอย่างแท้จริง และญาติพี่น้องของเขาควรได้รับสิทธ์นี้มากกว่าแคนดิเดท ส.ส. หลายคนในปัจจุบัน

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว อีกประการหนึ่งที่ต้องการฝากผ่านนายกทักษิณไปยังแกนนำนปช.บางคน ว่า กรุณาอย่าทึกทักว่าเสื้อแดงทั้งหมดเป็นคนของนปช. จากการต่อสู้ผ่านร้อนผ่านหนาวและวันคืนแห่งความเป็น-ความตายมาพอสมควร เสื้อแดงส่วนใหญ่ได้พัฒนาและบ่มเพาะความคิดการต่อสู้แห่งความเป็นแดงเสรีชน เพื่อให้ได้มาเพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่แปรเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนได้ คือเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนโดยรวม ความเสมอภาค และเท่าเทียมในสังคม ถ้าแกนนำนปช.บางท่านจะสู้ไปให้ถึงจุดหมาย (เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง) พร้อมๆ กับพวกเรา ก็อย่าเอากรอบความคิดเผด็จการมาครอบงำพวกเรา (และพวกเราจะไม่ยอมเป็นอันขาด)

หยุดเสียทีเถอะกับแนวคิดแบบรวมศูนย์อำนาจไว้ภายใต้ นปช. ของแกนนำบางคน (ถ้าไม่ทุกคน) โดยการขอให้กลุ่มเสื้อแดงต่างๆ ยุบกลุ่มของตนแล้วมาขึ้นกับนปช.แต่เพียงองค์กรเดียว (เผด็จการชัดๆ) ในฐานะที่ท่านทักษิณเป็นนักธุรกิจ ก็น่าจะเข้าใจได้ว่านี่เป็นวิธีคิดที่ไม่ฉลาดในการต่อสู้ทางการเมือง หรือแม้แต่ทำธุรกิจ เปรียบได้กับการเสี่ยงเก็บไข่จำนวนมากไว้ในตะกร้าใบเดียว เพราะถ้าคนถือตะกร้าไม่ดี ปล่อยให้ตกพื้น หรือเกิดอุบัติเหตุโดยไม่ตั้งใจ อาจทำให้ไข่แตกหมดทั้งตะกร้า ดังที่ท่านนายกเคยเปรียบเปรยให้ฟัง

ยังมีอีกกับวลี “ตกปลาในบ่อเพื่อน” ที่แกนนำนปช.ล้าหลังบางคน ชอบกล่าวกระแหนะกระแหนเสื้อแดงกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย ที่เป็นไท ไม่ขึ้นกับ นปช. (แต่พวกเรายืนยันว่า เราได้ทำหน้าที่เป็นแนวร่วมเพื่อสนับสนุน นปช.ในรูปแบบที่เรากระทำได้อย่างเต็มความสามารถ แต่นปช.ไม่เข้าใจเอง โดยเฉพาะความหมายของคำว่า “แนวร่วม” ซึ่งเป็นชื่อกลุ่มของตนเองแท้ๆ)

อยากถามท่านทักษิณว่าคิดอย่างไร รู้สึกอย่างไรกับคำว่า “ตกปลาในบ่อเพื่อน” ใครเป็นปลา ใครเป็นบ่อ แล้วใครเป็นเพื่อน? ถ้ายังมีสำนึกรับผิดชอบชั่วดี คนที่พูดวลีนี้ ต้องอธิบายให้มวลชนเสื้อแดงพิจารณาว่ารับได้หรือไม่ เพราะคนเสื้อแดงที่ก้าวหน้า ถ้าจะอุปมาอุปมัยว่าเป็นปลา ก็เป็นปลาเสรีชนที่แหวกว่ายในทะเล (ถ้าเป็นปลาน้ำเค็ม) ทะเลสาบ แม่น้ำ หรือลำธาร (ถ้าเป็นปลาน้ำจืด) มีอิสระและสิทธิจะเลือกแหวกว่ายไปในที่ที่ตนเองชอบ และพวกเราเลือกที่จะว่ายทวนน้ำเพื่อไปหาแหล่งหากินหรือสืบทอดเผ่าพันธุ์ที่เหมาะสมกับพวกเราจริงๆ มากกว่าจะว่ายตามน้ำ (ปลาที่ว่ายตามน้ำคือปลาที่ตายแล้ว) หรือเป็นปลาในบ่อของใคร ที่รอเจ้าของบ่อมาวิดไปฆ่าและขายตลาดสด

ดังนั้น การที่แกนนำ นปช. บางคน คิดว่าปลาเสื้อแดงทั้งหมดต้องมารวมกันภายใต้บ่อ นปช. เพื่อให้เจ้าของบ่อ (คือแกนนำ นปช.บางคน ที่ทึกทักเอาเอง) สั่งซ้ายหัน ขวาหัน หรือสั่งให้ไปตาย เป็นกำแพงบังกระสุนปืนให้ยามภัยมา ฯลฯ โดยไม่ยอมพัฒนาเยี่ยงนี้ กระบวนการขับเคลื่อนเพื่อประชาธิปไตยจะก้าวหน้ากว่าที่เป็นอยู่ได้อย่างไร

และอีกเมื่อไหร่ ท่านทักษิณซึ่งเป็นผลพลอยได้ (By product) จากการต่อสู้ของคนเสื้อแดง จะได้กลับบ้าน

สมาชิกกลุ่มประชาธิปไตยก้าวหน้า

http://thaienews.blogspot.com/2011/04/blog-post_11.html

[ภาพ: x610.jpg]




เรื่องเกี่ยวเนื่อง !!! ในความคิดคำนึง...จะอยู่อย่างไร หากคนเสื้อแดงไม่เอา

[ภาพ: r3841640433.jpg]

โดย ใบมีดสีแดง

เมื่อราวต้นปี 51 ริมถนนเข้าตำบลหนึ่ง ในจังหวัดที่ผมอยู่ มีแผ่นป้ายติดริมทาง ขนาดไม่ใหญ่มาก เป็นรูปนายกฯทักษิณ พร้อมกับตัวอักษรเขียนด้วยลายมือว่า "กลับบ้านเถอะ คิดถึง"

[ภาพ: r.jpg]

จำได้ว่าป้ายนั้นติดอยู่นานเป็นเดือน ดูแล้วคิดว่าคงเป็นป้ายที่ใครคนหนึ่งที่บ้านอยู่แถวนั้นทำขึ้นมาเอง

เมื่อเดือน พ.ย.ปี 51ในการชุมนุมใหญ่ที่สนามกีฬาราชมังคลาฯ ผมจำได้ถึงความรู้สึกตื่นเต้น ดีใจกับผู้คนที่มากมาย บรรยากาศสนุกสนาน เสียงอึกทึกมาก แต่พอพลบค่ำ ในช่วงเวลาที่นายกฯทักษิณโฟนอินเข้ามาที่งาน ทุกคนนิ่ง บรรยากาศสงบเงียบ

[ภาพ: x610.jpg]


ผมเหลือบมองคนข้างๆผม ผมเห็นสองสามีภรรยาคู่หนึ่งวัยน่าจะประมาณหกสิบเศษท่าทางเป็นคนต่างจังหวัด ทั้งสองคนนั่งน้ำตาไหลตลอดเวลาที่นายกฯทักษิณพูด และเมื่อผมกวาดสายตาไปรอบๆ ก็รับรู้ได้ว่า หลายๆคนที่ผมเห็นรอบตัวก็คงรู้สึกไม่ต่างกับคุณลุงคุณป้าคู่นี้

เมื่อเดือนเมษา 52 ผมจำบรรยากาศการชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลได้ เมื่อนายกฯทักษิณโฟนอินมา และพูดว่า หากกระสุนนัดแรกดังขึ้น เขาจะมานำประชาชนเดินเท้าเข้ากรุงเทพฯ ผมจำได้ถึงเสียงร้องเสียงปรบมือ เสียงตีนตบหัวใจตบที่ดังลั่น จำได้ถึงแววตาของคนเสื้อแดง ทั้งหมดมันสะท้อนถึงกำลังใจและพลังที่พลุ่งพล่านของผู้คนตอนนั้น

[ภาพ: 84025270.jpg]

เดือน กรกฏาคมปี 52 ช่วงเวลาที่พวกเราล่ารายชื่อลงนามถวายฏีกา ขออภัยโทษให้กับนายกฯทักษิณ ที่ร้านอาหารที่เป็นที่พบปะกันเป็นประจำของคนเสื้อแดงในกลุ่มเรา และเป็นที่รู้ๆกันว่า เราจะเอาใบฏีกามาส่ง มารวมกันที่นี่ ผมจำได้ติดตา ถึงสายวันหนึ่ง ที่มีชาวบ้านสามคนพ่อ แม่และลูก รวมสามคน นั่งซ้อนกันมาบนรถเครื่องที่ดูเก่ามากๆ มาที่ร้านอาหารนั้น

ในมือผู้เป็นพ่อ ถือกระดาษใบฏีกาที่ยับยู่ยี่ มาส่งให้กับผม ผมไม่รู้จักพวกเขา ถึงตอนนี้ก็จำหน้าไม่ได้ แต่จำคำพูดของคุณลุงที่ยื่นใบฎีกาให้กับผมได้อย่างดี ที่แกบอกว่า "ช่วยกันนะ ช่วยทักษิณเขา สงสารเขา"

วันที่ 30 ธันวา 52 ในที่ชุมนุมที่หน้าสภา หลังคำปราศรัยถามดินถามฟ้าของคุณณัฐวุฒิจบ ผมได้ไปนั่งคุยกับหนุ่มสาวสามีภรรยาคู่หนึ่ง สอบถามได้ความว่า บ้านอยู่แถววงเวียนใหญ่ กรุงเทพฯ อาชีพค้าขาย ขายของตามตลาดนัด ทั้งสองเล่าให้ฟังถึงความรัก ประทับใจในตัวนายกฯทักษิณ และที่สุดคือความคาดหวังว่า ชีวิตการทำมาค้าขายของเขาจะดีขึ้น หากได้นายกฯทักษิณกลับมาบริหารประเทศ

หลังเหตุการณ์ 10 เมษา 53 ไม่นาน ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ความรุนแรงในครั้งนั้น ที่ห้องผู้ป่วยโรงพยาบาล ผมได้พบกับผู้บาดเจ็บ เป็นชายหนุ่ม อายุยี่สิบเศษ มาจากภาคเหนือ มีอาชีพขายและซ่อมโทรศัพท์มือถือ เขาถูกยิงขณะที่ยืนอยู่บริเวณสี่แยกคอกวัว ในจุดไม่ไกลจากที่คุณวสันต์ ภู่ทองโดนยิงศรีษะ เขาโดนกระสุนเข้าที่ต้นคอด้านหลัง เข้าด้านซ้ายและทะลุออกด้านขวา เป็นปาฏิหารย์ที่กระสุนไม่โดนอวัยวะสำคัญอันใด

[ภาพ: sss.jpg]

เขาเล่าว่า เขาเชื่อว่าที่รอดมาได้เพราะเขากำลังหันศรีษะไปด้านหลังและก้มศรีษะลงพอดีกับวินาทีที่กระสุนพุ่งเข้ามา เขาเล่าอีกว่า เขาเชื่อว่าที่วสันต์ โดนยิงเพราะถือธงโบกไปมา ทำให้ดูเป็นจุดเด่น ส่วนเขาที่ตกเป็นเป้าสังหาร คงเป็นเพราะคนยิงคงส่องกล้องเห็นเสื้อที่เขาใส่ ผมถามเขาว่าเป็นยังไงหรือ เขาบอกว่า เป็นเสื้อยืดแดงธรรมดา แต่เขาเขียนข้อความว่า "ทักษิณ ไม่ใช่พ่อ แต่กูตายแทนได้"

ก่อนกลับ เขายังบอกกับผมด้วยว่า เขาจะเก็บเสื้อยืดแดงตัวนั้นไว้ และรอวันที่จะได้พบนายกฯทักษิณและจะเอาเสื้อนี้ให้นายกฯทักษิณดู

ในที่ชุมนุมที่เวที สะพานผ่านฟ้า ผมได้รู้จักกับคุณป้าเสื้อแดงท่านหนึ่ง ที่เป็นผู้สนับสนุนหลักให้กับกลุ่มเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งตั้งเต้นท์ทำอาหารแจกมวลชนคนเสื้อแดง ตลอดช่วงการชุมนุม และหมดเงินไปราวหกแสนบาทเศษ คุณป้ายอมรับกับผมอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า ไม่ได้สนใจเรื่องอะไรมาก ที่ทำก็เพราะต้องการช่วยนายกฯทักษิณให้กลับบ้านให้ได้

ในช่วงการชุมนุมที่ราชประสงค์ เมื่อถึงวันท้ายๆ บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ มีการใช้ความรุนแรงต่อเนื่องในหลายๆจุดติดต่อกัน แม้กระนั้น ยังมีความคิดความเชื่อในมวลชนคนเสื้อแดงบางส่วนว่า นายกฯทักษิณไม่ทิ้งพวกเรา ไม่ต้องกลัว นายกฯทักษิณได้ประสานทางต่างชาติไว้แล้ว หากมีการปราบรุนแรงเกิดขึ้น นายกฯทักษิณได้วางแผนแล้ว และจะมีทหารหรือกองกำลังฝ่ายเราออกมาช่วย ....

สุดท้ายเหตุการณ์สังหารหมู่ประชาชนสิ้นสุดลง พร้อมวันเดียวกับที่มีภาพนายกฯทักษิณจูงมือลูกสาวเดินช็อปปิ้งที่ร้านหลุยส์วิตอง กรุงปารีส

สัปดาห์ที่แล้ว นายกฯทักษิณก็ได้ออกทวิตเตอร์ขอร้องให้คนที่รักเขาได้เข้าใจในความจงรักภักดีที่เขามีต่อสถาบันว่ามากขนาดไหน และประณามคนที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบัน โดยให้เหตุผลว่าเพราะสถาบันอยู่เหนือการเมือง

หรือกล่าวให้เข้าใจอีกทีก็คือ นายกฯทักษิณกำลังสื่อสารออกมาว่า สถาบัน ที่ผ่านมา ทั้งหมดทั้งปวง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่อย่างใดเลย และขอเชิญชวนคนที่รักเขาเข้าร่วมขบวนจงรักภักดี

19 กันยา ที่ผ่านมา พวกเราคนเสื้อแดง ร่วมกันมีกิจกรรมรำลึก 4ปีรัฐประหาร 4 ปีราชประสงค์ ในหลายๆสถานที่ ท่ามกลางบรรยากาศของการเขียนจดหมายและปล่อยลูกโป่งถึงฟ้า พร้อมกับวาทะกรรม "ตาสว่างทั้งแผ่นดิน" ว่ากันว่าในทุกๆที่ที่มีกิจกรรม การด่า สาปแช่ง กลุ่มคนที่คนเสื้อแดงเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการสังหารประชาชน ดังระงมไปทุกๆที่ และในวันเดียวกันนี้เอง ที่นายกฯทักษิณได้ทวิตเตอร์บอกให้ ร่วมกันเสียสละยอมกลืนความเจ็บปวดคนละนิด เริ่มกระบวนการปรองดอง

ถึงวันนี้ ผมคิดถึงคนหลายๆคน

[ภาพ: 83526442.jpg]

ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ผมคิดถึงคนหลายๆคน

-คิดถึงคนที่ลงแรงเอารูปนายกฯทักษิณมาติดข้างถนนและบอกให้กลับบ้านเถอะ
-คุณลุงคุณป้าที่ร้องไห้ตอนได้ยินนายกฯทักษิณโฟนอินที่สนามราชมังคลาฯ
- คิดถึงคนเสื้อแดงมากมายที่อยู่ในที่ชุมนุมรอบทำเนียบและโห่ร้องด้วยความดีใจเมื่อได้ยินเสียงนายกทักษิณว่าจะเดินเท้าเข้ากรุงเทพฯ
-คิดถึงครอบครัวที่ใช้รถเครื่องเก่าๆขี่ซ้อนสามมาส่งใบฏีกาให้
-คิดถึงหนุ่มสาวที่อาชีพขายของตามตลาดนัดและมีความหวังว่าค้าขายจะดีขึ้น
-คิดถึงชายหนุ่มที่รอดจากกระสุนทะลุที่คอได้ราวปาฏิหารย์และตั้งใจเก็บเสื้อตัวที่ใส่ขณะโดนยิงที่เขียนว่า ยอมตายแทนได้ ไว้ให้นายกฯทักษิณดู
-และสุดท้าย ผมคิดถึง อีกเกือบร้อยศพ ที่เสียชีวิตไปจากคำสั่งอันโหดเหี้ยม ทั้งช่วงสลายการชุมนุมและจากการไล่ล่าหลังจากนั้น และผู้บาดเจ็บพิการอีกจำนวนมาก

และวันนี้ ผมไม่คิดถึงคุณทักษิณเลย

[ภาพ: r.jpg]

หากจะคิด ก็เพียงสงสัยว่า ต่อแต่นี้ไปนายกฯทักษิณจะอยู่อย่างไรได้ หากคนเสื้อแดงเขาไม่เอา และไม่ยืนเคียงข้างนายกฯทักษิณอีกต่อไป.....................

http://thaienews.blogspot.com/2010/09/bl..._9114.html

"ชนะอยู่นิ่ง จริงอยู่ที่ใจ จัญไรอยู่ที่ปาก"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น