วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2555


ใครจะขวางปรองดอง ช่างแม่มัน
เมื่อ Let it be "ช่างแม่มัน" 
เสียวแปลบแทงหัวใจ 
จับตายุทธการ "แม้ว-ปู" 
แยกหัว-ตัดแขนขา อำมาตย์ 
ไขรหัส ไย "ป๋า" ไม่อาจรัก "ปู" ได้หมดใจ 

 รายงานพิเศษ ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1653 หน้า 16

              ต้องยอมรับว่า เสียงเพลง Let it be ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปล่งร้องจากผืนแผ่นดินแห่งกรุงเสียมราฐ กัมพูชา นั้น พุ่งตรงเข้าก้องโสตของฝ่ายอำมาตย์ และผองศัตรูกันถ้วนหน้า  

              โดยเฉพาะการใส่สีหน้า แววตาพร้อมกับสบถในเนื้อเพลงว่า "ช่างแม่มัน" และตอกย้ำ เน้นคำหลายต่อหลายครั้ง ทั้งเพลงนั้น ยิ่งเสียวแปลบแทงหัวใจอำมาตย์ 

               ด้วยเพราะรู้กันดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการจะสื่ออะไร และสื่อถึงใคร เพราะแค่สีหน้าของแกนนำเสื้อแดงที่รายล้อม พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่นั้นก็บ่งบอก 

              หรือแม้แต่การขยายความของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ว่า "สมัยก่อน ชั่ง แม่ ขายเป็นกิโล" หรือใครจะขวางปรองดอง ช่างแม่มัน พรรคไหนจะขวางแก้รัฐธรรมนูญ ช่างแม่มัน"
 
            "จะเป็นจะตาย ก็ช่างแม่มัน ช่างแม่มัน" เสียงร้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไม่ได้เป็นแค่การอ้อนคนรักทักษิณ ด้วยความเจ็บปวดหัวใจเท่านั้น

             จุดนี้ฝ่ายอำมาตย์ พยายามจับผิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และแกนนำเสื้อแดง พยายามเน้นเสียงที่บางคำนั้น ต้องการสื่ออะไร ทั้งๆ ที่รูปศัพท์จริงๆ คือ ช่างแม่งมัน อันเป็นคำสบถยอดฮิตของคนไทย 

              แต่เพลงนี้ ประโยคเหล่านี้ คำนี้ กลายเป็นประเด็นฮอตในหมู่อำมาตย์ ที่วิพากษ์วิจารณ์ และพยายามจะโยงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หมายถึงใคร

              ต้องยอมรับว่า ปฏิบัติการแห่งสงกรานต์ ปี 2555 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ นี้ ไม่ใช่แค่การยึดพื้นที่ข่าว แต่ยังเป็นการเดินแผนกดดันอำมาตย์แห่งสยามประเทศ เพื่อสื่อว่า คนไทยรักทักษิณ ต้องการทักษิณ กลับประเทศ  

             ด้วยอารมณ์และความแค้นนานา บางครั้งก็ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลืมตัว โดยเฉพาะการตอกย้ำว่าจะกลับประเทศภายในปีนี้ และถึงขั้นที่ระบุว่า ภายในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงวันเกิด 26 กรกฎาคม ของเขา ทั้งๆ ที่ทีมงานที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยให้ ยังไม่มั่นใจว่าจะดูแลไหวหรือไม่ และไม่เชื่อว่าเขาจะได้กลับภายในวันเกิดหรือแม้แต่ปีนี้ด้วยซ้ำ 

              แม้ปกติพี่ชายจะเป็นคนวางแผน เขียนสคริปต์ และเตือนน้องสาว แต่บางครั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นั้นต้องส่งข้อความสะกิด "พี่ชาย ใจเย็นๆ"

              แผนการให้คนรักทักษิณ ที่ไปรดน้ำสงกรานต์ที่ลาวและกัมพูชา ใส่หน้ากากทักษิณ กลับเข้าประเทศ จึงถูก พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งยกเลิก เพราะจะเป็นการกดดันฝ่ายตรงข้ามมากเกินไป และอาจทำให้แผนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พยายามเดินเกมปรองดองอยู่ ไม่สัมฤทธิผล  

              ต้องยอมรับว่า ในเวลานี้ ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พยายามที่จะ "เคลียร์" กับหลายฝ่าย หลายคน ในฝั่งตรงข้าม และในหลายระดับ แม้จะผ่านไปได้หลายระดับแล้ว แต่ก็ยังไปติดอยู่ที่บุคคลบางคน อันเป็นที่มาของวลี "ช่างแม่มัน" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั่นเอง 

              จนทำให้ต้องมีหลายบุคคล ที่ต้องระบุว่า เป็นบุคคลชั้นสูง ที่พยายามช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ ฝากข้อความผ่าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปถึงพี่ชายของเธอ ให้ "ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งกดดันมาก ต้องให้เวลาอีกหน่อย" นั่นเอง

              แม้จะรู้ว่า ยังเป็นการแสดงละครยอมสงบศึกชั่วคราวของฝ่ายอำมาตย์ ทั้งท่าทีที่ดีของผู้นำกองทัพ โดยเฉพาะ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่มีต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จนกลายเป็นข่าวเม้าธ์ว่าเป็นคู่ขวัญ คู่พระคู่นาง พระเอกนางเอก 

             แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ไม่ย่อท้อ ยังพยายามที่จะเข้าใกล้ผู้นำกองทัพ สร้างความคุ้นเคยสนิทสนม และช่วยเหลือดูแล เอาใจในบางเรื่อง โดยเฉพาะการให้เสนอของบประมาณจัดซื้ออาวุธของแต่ละเหล่าทัพแบบแพ็กเกจขึ้นมา 

             แม้จะมีเสียงจากสายอำมาตย์ มองว่า เป็นการโปรยยาหอม พร้อมๆ กับการ "โปรยเสน่ห์" ของนายกฯ หญิงคนสวย แต่ก็มองว่า ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายไปมาก เพราะผู้นำเหล่าทัพก็ต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษชาติทหาร ให้เกียรตินายกฯ หญิง ทั้ง บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. ที่ได้ชื่อว่าเป็นทหารสายวัง 

              และโดยเฉพาะ บิ๊กหรุ่น พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร. ที่เป็นที่ประทับใจของนายกฯ ปู ที่รักทหารเรือถึงขั้น ขอตุ๊กตาทหารเรือมาไว้เป็นที่ระลึก

              จนมีการวิจารณ์กันว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีท่าทีอ่อนลงมาก ไม่ได้ต่อต้านการนิรโทษกรรม นอกเสียจากแนะให้ยึดหลักกฎหมายและให้หยุดทะเลาะกัน ยิ่งเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดูแลไม่ให้มีการแทรกแซงกองทัพ บิ๊กตู่ ก็แฮปปี้ ส่วน บิ๊กโอ๋ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ที่ว่าแรง ก็ต้องเบาลง 

             จึงทำให้บรรยากาศระหว่างกองทัพกับรัฐบาลดีขึ้น รวมแม้แต่ระหว่าง พล.อ.อ.สุกำพล กับ ผบ.เหล่าทัพ ที่มีความคุ้นเคยและเป็นพี่น้องกันมากขึ้น ที่คาดกันว่า หลังจากไปทำ "ศึกเหมาไถ" ในการไปเยือนจีน 25-28 เมษายนนี้เพื่อกระชับสัมพันธ์ทางทหารและคานอำนาจสหรัฐอเมริกา แบบพร้อมหน้าคณะใหญ่ ทั้ง ปลัดกลาโหม ผบ.สส. และ ผบ. 3 เหล่าทัพ แล้ว พวกเขาจะยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น 

              ส่วนกับ ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ก้าวหน้า ทำให้ป๋าเปรม อ่อนลง และดูแสนจะเอ็นดูเธอ แต่หาใช่เพราะมีข่าวที่ว่า หน้าตาเธอละม้ายน้องสาวของป๋าเปรม ตามที่พระราชปัญญาโมลี แห่งลำพูน ทักทายไม่ 

              แต่ทว่า เป็นเพราะความอ่อนน้อม ใสซื่อ ไม่มีจริตจะก้าน ที่สำคัญดูจริงใจ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จนทำให้ป๋าลืมไปว่า การเข้าหาป๋านี้ เพราะเป็นไปตามแผนของใคร  

              เพราะความจริงแล้ว ป๋าเปรม ไม่เคยนึกหรือเปรยเรื่องที่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ หน้าเหมือนน้องสาวซึ่งเสียชีวิตไปนานมากแล้ว เพราะนึกไม่ออกเลยว่า ถ้า ป๋าเปรม คิดว่า ตัวเองหน้าเหลี่ยมคล้ายคนชื่อทักษิณ ด้วยนั้นป๋าจะยอมรับตัวเองได้หรือไม่  

              มีแต่ป๋าจะพูดเสมอว่า "นายกฯ ยิ่งลักษณ์ นี่ ยิ่งดูๆ ไป หน้ายิ่งเหมือนพี่ชายเค้ามากนะ" ที่ทำให้คนใกล้ชิดตีความว่า กลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้ป๋าเปรม ไม่อาจเผลอใจรักและเอ็นดูนายกฯ หญิงคนเมืองคนนี้ได้หมดหัวใจ มีแต่ความเอ็นดู อย่างลูกหลาน และให้เกียรติในฐานะนายกฯ หญิงเท่านั้น

             ต่อให้เมื่อช่วงสงกรานต์ พ.ต.ท.ทักษิณ จะอวยพรผ่านสื่อ มาถึงป๋าเปรม ว่า "จริงๆ แล้ว ป๋าเปรมเป็นผู้ใหญ่ที่ผมเคารพรักท่าน ตอนที่อยู่ไปกราบเคารพท่านเป็นประจำ ปีนี้ท่านอายุมากแต่ท่านยังแข็งแรง ยังอิจฉา ถ้าผมอายุน้อยกว่าท่านหน่อย จะแข็งแรงเท่าท่านหรือไม่ สุขภาพดีมาก ก็ฝากกราบความปรารถนาดีให้ท่านสุขภาพท่านดีต่อไป เพราะสุขภาพท่านดีมาก ทั้งสุขภาพกายและจิต เป็นการรักษาสุขภาพที่เราน่าเอาอย่าง" ก็ตาม  

              แต่ ป๋าเปรม ก็ไม่เคยลืมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เคยทำกับป๋า และพาดพิงป๋าไว้อย่างไร ตั้งแต่เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งคำว่า "ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ" "มือที่มองไม่เห็น" จนถึงหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549  

              จนในโลกออนไลน์ โซเชียลมีเดีย มีการขุดเอาคลิป พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวพาดพิงป๋าเปรม กับคนไทยในออสเตรีย และในสำนักข่าวต่างประเทศต่างๆ มาเผยแพร่กันอย่างแพร่หลาย เพื่อตอกย้ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คิดอย่างไรกับป๋าเปรม  


แต่ที่ป๋าเปรม ดูจะพอใจก็คือ คำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ล่าสุดที่ว่า "ผมไม่ใช่คู่กรณีกับป๋าท่าน"  


               ด้วยเพราะก่อนหน้านี้ พล.อ.เปรม เคยตอบคำถามผู้สื่อข่าว ที่ว่า "ป๋าไม่ต้องพบเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะว่าป๋าไม่ใช่คู่กรณี ใช่หรือไม่" ว่า "ผมไม่ได้พูดนะ สื่อพูดเอง"
 
               ทั้งหมดนี้ อาจเป็นแผนขั้นเทพของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เดินผ่าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อที่จะแยก "ป๋าเปรม" ออกจากอำมาตย์ กลับลำเพื่อให้เข้าใจว่า ป๋าไม่ได้อยู่เบื้องหลังรัฐประหาร หรือเรื่องร้ายๆ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประสบพบเจอมา เพื่อให้ป๋ารู้สึกดีและไม่ตกเป็นเป้า  

              หลังจากที่ได้พยายามแยกกองทัพออกจากอำมาตย์ และตัดเขี้ยวเล็บ หากฝ่ายอำมาตย์ไม่มีกองทัพ ก็เสมือนขาดแขนขามือไม้ ก็ไม่อาจ "สั่ง" ให้ทหารปฏิวัติได้  
              แล้วหากฝ่ายอำมาตย์ ไม่มีป๋าเปรม ให้มาเชิดเป็นหัวขบวน ในการต่อสู้กับระบอบทักษิณ ฝ่ายอำมาตย์ก็จะอ่อนแรงลงไป

              อย่าลืมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เคยให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ หลายต่อหลายครั้งเรื่อง "Palace Circle" ซึ่งก็หมายถึง บรรดาอำมาตย์ ที่แวดล้อมสถาบัน ที่สร้างปัญหา ซึ่งเขารู้ดีว่ามีใครบ้าง 

              เมื่อก่อน ป๋าเปรมถูกบรรดาอำมาตย์ เชิดชักใยให้เป็นหัวขบวนอำมาตย์ในการต่อสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ มาตลอด ด้วยการป้อนข้อมูลในแง่ลบเข้าหูป๋าตลอด แม้แต่จากบรรดา "ลูกป๋า" ที่เป็นทั้งทหาร และพลเรือน
  


              แม้แต่ปัจจุบัน คนเหล่านี้ ที่อาจรวมถึงพวกที่ถูกเรียกว่า "สลิ่ม" ก็คัดค้าน และไม่แฮปปี้ที่ป๋าเปรมไปให้ความใกล้ชิดสนิทสนมและเอ็นดู น.ส.ยิ่งลักษณ์ จนถึงขั้นยอมไปร่วมงาน "รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย" ที่ทำเนียบรัฐบาล 

               เกมของ พ.ต.ท.ทักษิณ คือ การแยกป๋าเปรม ออกมาจากอำมาตย์ เพื่อให้ศัตรูอ่อนแรงขาดหัว ด้วยการให้ความสำคัญ และแก้ข่าวว่า ป๋าเปรมไม่เกี่ยวข้องกับการล้มล้างระบอบทักษิณที่ผ่านมา แต่เป็นแค่ หุ่นที่ถูกเชิด เท่านั้น  

               แม้ในช่วงสงกรานต์ จะไม่เห็นภาพหรือข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปรดน้ำขอพรป๋าเปรม ทั้งๆ ที่ป๋ายกเลิกกำหนดการที่จะเดินทางกลับบ้านที่สงขลา เพื่อที่จะรอท่าอยู่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ก็ตามนั้น ไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างป๋ากับนายกฯ ปู ถดถอยลง 

              ด้วยเพราะในวันที่ 18 เมษายน ที่ป๋าเปิดบ้านให้ บิ๊กโอ๋ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม นำ ผบ.เหล่าทัพ เข้ารดน้ำขอพรนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็อยู่ระหว่างการไปเยือนจีน 

              แต่ทว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้อาศัยโอกาสในระหว่างร่วมงานพระราชพิธีพระศพ เจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ นั้น เดินข้ามปะรำพิธี ที่อยู่คนละส่วน เข้าไปกราบสวัสดีป๋าเปรม อย่างอ่อนน้อม พร้อมอวยพรสงกรานต์ และออกตัวว่า ไม่ได้ไปหาป๋า เพราะจะต้องไปเยือนจีน ท่ามกลางสายตาอำมาตย์ ที่จ้องมองเธอเป็นตาเดียวกัน  
แต่ก็ไม่แน่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจหาโอกาสเข้าหาป๋า หลังจากเทศกาลสงกรานต์ก็เป็นได้

              เกมของสองพี่น้องชินวัตร ขั้นเทพ คือการเปลี่ยนศัตรูให้มาเป็นมิตร และหวังที่จะให้ป๋าเปรม ซึ่งเสมือนเป็น "คนเรียนผูก" ก็ต้องเป็น "คนเรียนแก้" ในการช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้กลับประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง พอๆ กับที่ เสธ.หนั่น พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พบป๋า 

              จนเป็นที่มาของข่าวที่ร่ำลือกันว่า นายกฯ ปู เคยกระซิบป๋า ว่า "ขอให้พี่ชายกลับบ้านได้ไหมคะ" นั่นเอง  

             แต่ก็ไม่ใช่งานง่าย สำหรับป๋าเปรมด้วยเช่นกัน ที่จะช่วยเคลียร์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะป๋าย่อมรู้ดีว่า อะไรเป็นอะไร อีกทั้งที่ผ่านมา มีบิ๊กลูกป๋า เคยเอ่ยปากกับป๋าให้ช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ มาแล้ว แต่เจอประโยคที่ว่า "คนคนเดียว กับชาติบ้านเมือง จะเลือกอะไร" จนต้องถอดใจกันไป  

              แต่ที่แน่ๆ มีสายอำมาตย์ ฟันธงว่า เพราะเพลง Let it be และคำว่า ช่างแม่มัน นี่เอง ที่จะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศได้ช้าลง หรืออาจจะไม่ได้กลับอีกเลย ต้องเร่ร่อน บินโฉบไปโฉบมา เช่นนี้ต่อไป

             ในเมื่อที่นี่เมืองไทย เมื่อมีทั้งคำว่า ชั่งหัวมัน ช่างหัวมัน ช่างแม่งมัน ช่างแม่มัน ก็ต้องมี "ช่างแม้วมัน" ในสภาวการณ์ที่ "กูไม่กลัวมึง" แล้ว "มึงก็ไม่กลัวกู" ไม่มีใครกลัวใคร ทุกอย่างจึงเป็นเยี่ยงนี้...
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น