วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

แนวทางการต่อสู้ไม่ให้เสียเลือดเนื้อ

สรุปแล้ว คือการเตรียมพื้นที่ปลอดภัยเป็นกลุ่มๆหรือวงกว้าง ไม่มารวมตัวให้เป็นเป้ากวาดล้าง ตัดเส้นทางคมนาคมทั้งหมดให้ประชาชนเคลื่อนไหวได้ฝ่ายเดียวอย่างเสรี ระวังรถถัง รถหุ้มเกราะและเครื่องบินก็เพียงพอ แต่ถ้ามีการประกาศรัฐบาลพลัดถิ่นและขอสหประชาชาติให้จำกัดเขตห้ามบินได้สำเร็จ รถถัง เครื่องบินก็จะถูกทำลายโดยต่างชาติไปเอง เพียงแต่ระยะแรกต้องหลบหลีก ซ่อนตัวดีๆ แอบชุมนุมย่อยและโจมตีด้วยมือเปล่ากันไปก่อน แต่อย่ายอมแพ้แล้วแยกย้ายกันกลับบ้านเหมือนคราวราชประสงค์เป็นอันขาดเพราะอย่างนั้นถูกล่าอยู่ข้างเดียว สุดท้ายคือระบบการติดต่อกันเอง วางกันเงียบๆ ด้วยวิธีการต่างๆหลายๆอย่างผสมผสานกัน ไม่มีใครคุมใครแต่ต่างก็รู้ข่าวกันและกัน เป้าหมายคือปิดล้อมกรุงเทพมหานครฯ กำลังทหารจากที่อื่นห้ามเข้า อย่าเสี่ยงชีวิตโดยไม่จำเป็นเวลาที่เลือดเข้าตาพวกนี้จะฆ่าคนอย่างเหี้ยมโหดเหมือนที่ผ่านมา

โดย Pegasus
21 เมษายน 2554


ช่วงระยะเวลานี้มีเสียงคำรามดังกึกก้องจากฝ่ายทหารว่า ถ้ามีการสั่งมาละก็ไม่ลังเล 

ทหารนับว่าเป็นเครื่องมือสุดท้ายของฝ่ายอำมาตย์ ยิ่งโพลล์ของเนชั่นออกมายืนยันว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะถล่มทลายจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวยิ่งยอมไม่ได้ใหญ่

แนวทางประนีประนอมยอมให้มีการเลือกตั้งและยังรักษาโครงสร้างอำนาจเดิมไว้นั้น อาจจะถูกเก็บเข้าลิ้นชัก แล้วเปลี่ยนมาเป็นเตรียมการกวาดล้างใหญ่

ไม่ว่าจะผ่านการยึดอำนาจ หรือผ่านการสังหารโดยมือปืน โดยอ้างเหตุเลือกตั้งก็ตาม รวมถึงความพยายามสร้างเรื่องให้ฝ่ายเสื้อแดงหมดความอดทนและปะทะกับเจ้าหน้าที่ จากนั้นจะให้พันธมิตรโดยมีทหารปลอมตัวเข้ามาสวมบทเป็นพระเอกปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบ

แต่สุดท้ายแล้วเห็นว่าคงคิดไม่ออก ไม่เห็นทางก็เลยคิดจะออกมาใช้กำลังยึดอำนาจเอาตรงๆ ด้วยเห็นว่าฝ่ายเสื้อแดงไม่ค่อยได้เตรียมการอะไรรับการยึดอำนาจ นอกจากรวมตัวกับแถลงการณ์เท่านั้น และหากเอาจริงแกนนำก็คงจะยอมแพ้เช่นเดิม

ไม่ว่าจะเป็นหนทางไหนประชาชนต้องเสียชีวิตล้มตายอีกจำนวนมาก ครั้งนี้น่าจะมากกว่าที่ผ่านมาหลายเท่า และคงนำไปสู่การปิดประเทศกวาดล้างคู่แข่งทางการเมืองให้หมด จากนั้นจึงยอมให้มีการเลือกตั้งอีกครั้ง โดยเหลือแต่พวกที่ยอมสยบเท่านั้น

เข้าทำนอง ใครตามรอด ใครขวางตาย แบบนิยายจีน ซึ่งจริงๆไม่เป็นเช่นนั้นเลย

ลองนึกถึงความเป็นจริง ถ้าในซอยเรามีอันธพาลอยู่หน้าปากซอย ใครจะไป ใครจะมาก็รังแก ข่มเหง ข่มขู่เอาเงินทอง จนถึงปล้น โดยคนในซอยไม่ทำอะไรต่างคนต่างอยู่ ได้แต่ออกมาบ่นด่าไปวันๆ อันธพาลนั้นก็ยังอยู่

แถมอันธพาลนั้นเป็นสายตำรวจซะอีกจะแจ้งความยังไงก็ไม่มีใครฟัง หนทางไหนที่จะทำให้อันธพาลนั้นไม่กล้ารังแกคนในซอยนั้นได้อีก บทความนี้จะเสนอความคิดเช่นนั้น

กำลังทหารไทย เคยสู้กับผู้ก่อการ้ายคอมมิวนิสต์ ตั้งแต่เสียงปืนแตกปี 2508 สู้ไปสู้มาถูกล้อมกรอบจนไม่มีทางไป ต้องอาศัยการเจรจาระหว่างไทย-จีน กับสถานการณ์การเมืองโลกถึงรอดมาได้ ทางภาคใต้ก็เหมือนกัน


สิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือ ทั้งสองกรณีการทำงานของทหารล้มเหลวเพราะประชาชนไม่เข้าข้างฝ่ายทหารเป็นจำนวนมาก คอยให้ความคุ้มครองฝ่ายก่อการร้าย คอยให้ข่าวสารและเกลียดชังทหารอย่างเข้ากระดูกดำ เพราะการกดขี่ การใส่ร้ายป้ายสี ฯลฯ อันนี้รู้กันอยู่แล้วจะไม่ขอกล่าวถึง

สิ่งที่ควรทำคือสร้างบรรยากาศเหมือนกับว่า สถานการณ์ต่อสู้ถึงเลือดถึงเนื้อเหมือนกับสมัยคอมมิวนิสต์กับทางสามจังหวัดชายแดนใต้อาจปะทุขึ้นได้ทุกเวลาหากทหารลงมือยึดอำนาจหรือปราบปรามประชาชนอีกครั้ง

บทความนี้ไม่ได้ชักชวนให้ทำผิดกฎหมาย ไม่ได้แนะนำให้เข้าทำการก่อการร้าย หรือจับอาวุธสู้กับรัฐบาล ซึ่งเป็นผลเสียทำให้ต่างชาติไม่อาจรับรองการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของเราได้

แต่เราสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เตรียมรองรับการเกิดสงครามกลางเมืองที่จะจุดขึ้นมาโดยทหารได้ และเวลานั้นนั่นแหละการจับอาวุธจะเกิดขึ้นได้อย่างถูกกฎหมายเมื่อมีประเทศอื่นรองรับรัฐบาลอีกแห่งหนึ่ง จะเป็นรัฐบาลปฏิวัติโดยประชาชนหรือรัฐบาลพลัดถิ่นที่อยู่นอกประเทศก็ตามที ขอเพียงมีต่างชาติรับรอง 1 หรือ 2 ประเทศก็เพียงพอ

อย่างกรณีลิเบีย มี 3 ประเทศรับรองรัฐบาลปฏิวัติของประชาชนเป็นต้น ถ้ามีประเทศมหาอำนาจรับรองสักประเทศ อาทิ เช่นฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่นน่าจะรับรองแน่นอนเป็นต้น ก็สู้ได้เต็มรูปแบบ ลิเบีย ยังไงก็ยังงั้น

แต่ถ้าไม่ทำอะไร นั่งรอให้มีการยึดอำนาจ หรือรอการรวมตัวหลังยึดอำนาจหรือรอการแถลงการณ์ ก็น่าจะไม่ทันการ และก็เท่ากับทหารได้ลงมือแล้ว การสูญเสียอย่างน้อยชีวิตของประชาชนที่ไปร่วมชุมนุมก็คงต้องเกิดขึ้นแน่นอน รวมถึงแกนนำระดับล่างๆที่มีรายชื่อเรียบร้อยแล้วนั้นด้วย

ถ้าสงสัยว่า การลงมือเหี้ยมโหดขนาดไหน ก็ขอให้ไปค้นหาการทรมาน และตามสังหารกลุ่มคณะราษฎรได้ บางคนที่เป็นนักวิชาการธรรมศาสตร์ถูกผูกเชือกโยงเปลือยกายให้อดข้าว อดน้ำจนตายโทษฐานที่พูดเก่งเกินไป (อาจารย์นักวิชาการบางท่านที่ตกเป็นเป้าหมายในเวลานี้ โปรดระลึกไว้ให้จงหนักด้วยครับ)

แล้วจะทำอะไร ขอกล่าวสั้นๆว่า ต้องจัดตั้งพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการหลบภัยเมื่อเกิดการยึดอำนาจ มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ สามารถเป็นเสบียงสำหรับการสู้รบสงครามกลางเมืองเป็นเวลาไม่ต่ำกว่าสามเดือนได้ 

พื้นที่เหล่านี้ต้องกระจายกันออกไปล้อมรอบพื้นที่กรุงเทพมหานครฯ ตัดขาดการคมนาคม ขนส่ง การส่งกำลังทหารจากทุกที่เข้ามายังส่วนกลาง โอกาสของชัยชนะอยู่ที่ความกล้าหาญของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่จะประกาศรัฐบาลพลัดถิ่นต่อต้านการรัฐประหาร

ประชาชนต้องไม่มารวมตัวที่ใดที่หนึ่ง แต่กระจายตัวกันเป็นกลุ่มๆละจำนวนมากกระจายทั่วไปทุกหนทุกแห่ง มีคนดูแลที่รู้กันลับๆ ครั้งนี้คงไม่ต้องถือดอกไม้ไปกราบทหารอีกแล้ว หวังว่าครั้งเดียวคงจำได้

คนที่กระจายตัวไปเป็นกลุ่มๆ ควบคุมเส้นทางคมนาคมทั้งหมด ช่วงนั้นเชื่อว่า ตำรวจจะเข้ามาช่วยฝ่ายประชาชน การต่อสู้จะเกิดจากตำรวจมาฝึกประชาชนให้ทำการสู้กับทหาร การต่อสู้ในเมืองนั้นตำรวจคล่องแคล่วกว่าทหารมาก โอกาสที่ทหารจะชนะนั้นมีน้อยมาก ถ้ามีการประกาศรัฐบาลแยกตัวออกมา และประชาชนรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนได้ดี

สิ่งที่ต้องรีบเตรียมไว้คือ การติดต่อ สื่อสารหากัน จะทำอย่างไรเป็นข้อคิดสำหรับเหล่าแดงเทียมทั้งหลาย เพราะท่าทางเป็นปัจเจกชนนิยมดี โดยประสานงานกับมวลชนของ นปช. ที่ยังเคว้งคว้างอยู่ด้วยเหตุว่า ณ เวลานั้นแกนนำคงถูกลอบสังหาร หรือถูกจับหมดแล้ว คนที่จะดูแลการติดต่อสื่อสารเชื่อมโยงกันนั้นจะเป็นคนใหม่ขอให้พยายามฝึกระบบการติดต่อกัน และแจ้งให้กันทราบเป็นการลับๆไว้ตั้งแต่เดี๋ยวนี้

สรุปแล้ว คือการเตรียมพื้นที่ปลอดภัยเป็นกลุ่มๆหรือวงกว้าง ไม่มารวมตัวให้เป็นเป้ากวาดล้าง ตัดเส้นทางคมนาคมทั้งหมดให้ประชาชนเคลื่อนไหวได้ฝ่ายเดียวอย่างเสรี ระวังรถถัง รถหุ้มเกราะและเครื่องบินก็เพียงพอ แต่ถ้ามีการประกาศรัฐบาลพลัดถิ่นและขอสหประชาชาติให้จำกัดเขตห้ามบินได้สำเร็จ รถถัง เครื่องบินก็จะถูกทำลายโดยต่างชาติไปเอง เพียงแต่ระยะแรกต้องหลบหลีก ซ่อนตัวดีๆ แอบชุมนุมย่อยและโจมตีด้วยมือเปล่ากันไปก่อน แต่อย่ายอมแพ้แล้วแยกย้ายกันกลับบ้านเหมือนคราวราชประสงค์เป็นอันขาดเพราะอย่างนั้นถูกล่าอยู่ข้างเดียว สุดท้ายคือระบบการติดต่อกันเอง วางกันเงียบๆ ด้วยวิธีการต่างๆหลายๆอย่างผสมผสานกัน ไม่มีใครคุมใครแต่ต่างก็รู้ข่าวกันและกัน เป้าหมายคือปิดล้อมกรุงเทพมหานครฯ กำลังทหารจากที่อื่นห้ามเข้า อย่าเสี่ยงชีวิตโดยไม่จำเป็นเวลาที่เลือดเข้าตาพวกนี้จะฆ่าคนอย่างเหี้ยมโหดเหมือนที่ผ่านมา

แล้วที่พูดมาจนยืดยาวนี้ ไม่เห็นว่าจะไม่เสียเลือดเนื้อที่ตรงไหนเลย คำตอบคือถ้าสร้างบรรยากาศและภาพให้ทหารเห็นชัดๆว่าคราวนี้เอาจริง มีวิธีการต่อสู้ที่เป็นระบบ และมีตัวอย่างชัยชนะของประชาชนที่อาฟริกากับตะวันออกกลางแล้ว แถมสหรัฐฯโดยนางฮิลลารี คลินตัน เมื่อซีเอ็นเอ็นถามว่า ถ้ารัฐบาลที่สหรัฐสนับสนุนมีปัญหากับประชาชน สหรัฐฯยังจะสนับสนุนต่อไปหรือไม่ คำตอบคือ ไม่ อย่างชัดเจน

การรีบศึกษาบทเรียนในประเทศต่างๆเสียตั้งแต่บัดนี้และพูดคุย ปรึกษา สร้างกระบวนการรองรับเหตุการณ์ในแง่มุมต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยมวลชนกลุ่มย่อยต่างๆนี่แหละคือหนทางแห่งชัยชนะ

แต่ต้องมีการเตรียมการกันตั้งแต่ตอนนี้ และโปรดจำเอาไว้ว่า อย่าจับอาวุธสงครามให้กลายเป็นผู้ก่อการร้ายและระวังแดงด้วยกันที่หลงไป หรือถูกหลอกหรือเป็นแดงเทียมของเทียมจริงๆที่เอาอาวุธสงครามมาป้ายสีแดงด้วยกัน ต้องระงับให้ทันก่อนเกิดเรื่องแล้วทุกอย่างจะจบได้เองในตัว

ถ้าทหารรู้ว่า ประชาชนเตรียมต้อนรับจริงๆ มีการเคลื่อนไหวเป็นเรื่องเป็นราวจริงๆ มีเสบียงอาหาร มีการฝึกตัวเองเหมือนพวกรักษาดินแดน ต่อสู้ด้วยอาวุธของชาวบ้านเป็น มีการเตรียมให้ต่างชาติเข้าแทรกแซง แถมถ้าเป็นรัฐบาลพลัดถิ่น หรือรัฐบาลปฏิวัติจริง ก็แน่ใจว่า การสนับสนุนจะไหลมาเทมา

ด้วยเงื่อนไขนี้ต่อให้มีการสั่งการจริงๆให้ใช้กำลัง ในที่สุดก็จะมีแต่คนสั่งคนเดียวที่จะออกไปยิงประชาชน ทหารคนอื่นๆ ก็จะทำเป็นเฉื่อยงาน หรือเอาแต่พูดไม่ใช้อาวุธ ก็เท่ากับประชาชนปลอดภัย ไม่สูญเสีย แต่ถ้าเขาเห็นว่าเราอ่อนแอ ไม่มีอะไรในกอไผ่ ลงมือฆ่าเสียสองสามพันคนก็จบ เขาก็จะลงมือแน่นอน

ในทางกลับกัน ถ้าประชาชนพร้อม ทหารลงมือยึดอำนาจก็เท่ากับอำนาจอธิปไตยคืนกลับไปสู่ประชาชนอีกครั้ง เท่ากับไม่มีกฎหมายที่ชอบธรรม ประชาชนปฏิเสธ และชุมชนนานาชาติก็ปฏิเสธการยึดอำนาจ เมื่อมีสงครามกลางเมืองทุกอย่างก็จะจบลงที่ประชาชนเป็นฝ่ายชนะ

หรือถ้าทหารคิดได้ทำเฉยเสียไม่ขยับตัว คนสั่งการก็ต้องบินหนีออกนอกประเทศเอง ทุกชีวิตก็จะปลอดภัยโดย เฉพาะอย่างยิ่งชีวิตของทหารเอง

ด้วยเหตุนี้ความพร้อมของประชาชน และมวลชนฝ่ายเสื้อแดงเทียมนี่แหละ ที่จะทำให้ทหารต้องคิดหนัก

ลองคิดถึงสมัยสงครามเย็นสหรัฐ กับรัสเซียไม่กล้าทำสงครามกัน ส่วนหนึ่งก็เพราะแต่ละฝ่ายมีอาวุธนิวเคลียร์ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน สิ่งนี้เรียกว่าอาวุธป้องปรามทางยุทธศาสตร์

ถ้าประชาชนทำให้ทหารเชื่อว่า ออกมาคราวนี้ไม่ได้กลับบ้านแน่เมื่อไหร่ ก็จะไม่เกิดการเข่นฆ่ากันเมื่อนั้น ฝากด้วยนะครับผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลาย

สุดท้ายนี้ ขอฝากไปยังทหารด้วยความปรารถนาดีกว่า การที่มีอดีตทหารบ้าง นักการเมืองบ้าง ที่เชียร์ระบอบอำมาตย์สร้างเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนต่อสถาบันฯที่ท่านพูดว่ารักและเทิดทูนนักหนาแล้วท่านไม่ทำอะไร แถมยังช่วยทำให้เกิดความแตกแยกมากขึ้นเหมือนกับทำให้สถาบันฯแปดเปื้อนด้วยคำพูดของพวกท่านเอง

ก็เท่ากับพวกท่านนั่นแหละเป็นผู้ทำลายสถาบัน ฯไม่ใช่ใครอื่นเลย
***********

รายงานเกี่ยวเนื่อง:นปช. แดงทั้งแผ่นดินแถลงข่าวพร้อมต้านรัฐประหาร


http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น