วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554


ดักคอทหารโหมหมิ่นเจ้ายกเป็นข้ออ้างยึดอำนาจ

เรื่องจากปก
         จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
         ปีที่ 12 ฉบับที่ 3037 ประจำวัน พฤหัสบดี ที่ 21 เมษายน 2011
           http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=10408
         
เพื่อไทยหวั่นกองทัพโหมกระแสเรื่องหมิ่นสถาบันเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจไม่ให้มีเลือกตั้ง ระบุมีทหารบางหน่วยเคลื่อนไหวแต่ยังไม่เห็นตรงกันทั้งหมด เพราะบางหน่วยเกรงนองเลือดเหมือนในแอฟริกา ตะวันออกกลาง “อภิสิทธิ์” ยืนยันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีก 2 สัปดาห์ยุบสภาแน่นอน เลขาฯ กกต. ยังหวังกฎหมายลูกเสร็จทันสิ้นเดือน เม.ย. นี้ แม้จะมีกระแสวุฒิสภายื้อการพิจารณาออกไปอีก เผยทนายทะเบียนรับจดทะเบียนตั้งพรรครักษ์สันติแล้ว และมีอีก 54 พรรครอการอนุมัติ “สดศรี” ชี้ห้ามอ้างสถาบันหาเสียง เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แนะสอบถามสำนักพระราชวังทำอะไรได้แค่ไหน อย่างไร เพราะไม่ใช่หน้าที่ของ กกต.

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ขณะนี้มีความเคลื่อนไหวอย่างผิดสังเกตของทหารหน่วยต่างๆที่ออกมาตบเท้าแสดงพลัง ก่อนหน้านี้ทราบข่าวว่า มีการทหารไปบล็อกตัวผู้สมัคร หัวคะแนนของพรรคเพื่อไทย แต่หลังจากดดันสารพัดรูปแบบแล้วผลโพลที่ออกมายังพบว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง จึงมีทหารบางหน่วยคิดจะปฏิวัติยึดอำนาจก่อนยุบสภา
บางหน่วยค้านปฏิวัติหวั่นนองเลือด

“เมื่อทำทุกรูปแบบแล้วไม่ได้ผล มีบางหน่วยคิดจะยึดอำนาจโดยนำข้อหาหมิ่นสถาบันมาเป็นเงื่อนไข แต่ก็มีเสียงคัดค้านจากทหารบางหน่วยที่ไม่เห็นด้วย เพราะเกรงว่าหากปฏิวัติอาจเกิดความไม่สงบเหมือนหลายประเทศในแอฟริกาหรือตะวันออกกลาง และจะเป็นการตระบัดสัตย์ของผู้บัญชาการเหล่าทัพที่ออกมาประกาศว่าจะไม่ทำการปฏิวัติก่อนหน้านี้”
สำหรับการลาออกจากพรรคเพื่อไทยของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้เกิดความสับสนขึ้น เมื่อมีผู้แอบอ้างว่าเป็นเลขานุการส่วนตัวของ พล.อ.ชวลิต ออกแถลงการณ์ชี้แจงเหตุผลการลาออกส่งตรงถึงสื่อมวลชนยาวหลายหน้ากระดาษ แต่ภายหลังได้มี ส.ส. และคนใกล้ชิด พล.อ.ชวลิตออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ของจริง

แถลงการณ์ “บิ๊กจิ๋ว” ยันเผด็จการซ่อนรูป

ทั้งนี้ แถลงการณ์ดังกล่าวออกโดยนายไชยยงค์ รัตนวัน ที่ระบุในแถลงการณ์ว่าเป็นเลขานุการส่วนตัว พล.อ.ชวลิต มีเนื้อหาสรุปได้ว่า การที่ พล.อ.ชวลิตเข้ามาอยู่ในพรรคเพื่อไทยก็เพื่อผลักดันแนวทางประเทศไทย 5 ข้อ แต่เมื่อเกิดความขัดแย้งจนไม่สามารถเดินตามหลักการดังกล่าวได้ จึงต้องออกมาเพื่อดำเนินการตามแนวทางของตัวเอง ซึ่งเนื้อหาโดยส่วนใหญ่ของแถลงการณ์กล่าวถึงการพัฒนาประชาธิปไตยตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบัน โดยยืนยันว่าประเทศไทยยังปกครองในลักษณะของเผด็จการซ่อนรูป ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง การจะพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า การแก้ปัญหาความขัดแย้ง และการดำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ จะเป็นจริงได้ต้องพัฒนาให้เกิดการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง ซึ่งแนวทางที่ทำได้คือ การตั้งรัฐบาลชั่วคราวขึ้นมาดำเนินการในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน หากใช้ระบบการเมืองที่มีอยู่ กองทัพหรือพลังมวลชนจะไม่สามารถเดินไปสู่เป้าหมายได้

คนสนิทโดนแอบอ้างไม่ใช่ของจริง

พล.ท.เชวงศักดิ์ ทองสลวย นายทหารคนสนิท พล.อ.ชวลิต ยืนยันว่า พล.อ.ชวลิตไม่ได้มอบหมายให้ใครออกแถลงการณ์ใดๆ น่าจะเป็นการแอบอ้าง

พล.ต.ศรชัย มนตริวัต ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อีกหนึ่งคนใกล้ชิด พล.อ.ชวลิต ยืนยันเช่นกันว่าแถลงการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ของ พล.อ.ชวลิต เป็นการแอบอ้าง แต่ยอมรับว่าผู้ออกแถลงการณ์เคยทำงานร่วมกับ พล.อ.ชวลิต

“บิ๊กจิ๋ว” ออกส่งผลแนวทางเพื่อไทยชัดเจน

พล.ต.ศรชัยกล่าวอีกว่า การลาออกจากพรรคของ พล.อ.ชวลิตเป็นผลดี เพราะจะทำให้แนวทางของพรรคมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนข่าวที่ว่าลาออกเพราะน้อยใจไม่ได้เป็นลำดับ 1 ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์เพื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไม่จริง เพราะ พล.อ.ชวลิตพูดมาตั้งแต่แรกที่เข้ามาแล้วว่าไม่ขอรับตำแหน่ง

“หลัง พล.อ.ชวลิตลาออกพรรคก็มีความชัดเจนว่าจะแยกกันทำกิจกรรมกับคนเสื้อแดง ส่วนแกนนำคนเสื้อแดงจะลงสมัคร ส.ส. หรือไม่อยู่ที่พรรคจะพิจารณา สำหรับ พล.อ.ชวลิตคงอยู่เฉยๆไปสักพัก ไม่คิดตั้งพรรคการเมืองในตอนนี้”

“มาร์ค” ย้ำกลาง ครม. 2 สัปดาห์ยุบสภา

นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แจ้งยืนยันต่อที่ประชุมว่าจะยุบสภาในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า กระทรวงใดมีเรื่องสำคัญที่จะให้ ครม. พิจารณาจึงควรเร่งส่งเรื่องมาภายใน 2 สัปดาห์นี้ เพราะหลังจากยุบสภาแล้วไม่แน่ใจว่าจะทำอะไรได้บ้าง จึงได้มอบหมายให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีทำเรื่องสอบถามคณะกรรมการกฤษฎีกา และปรึกษากับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้เกิดความชัดเจน

กกต. แบ่งเขตเลือกตั้งแล้ว 27 จังหวัด

ที่สำนักงาน กกต. นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. แถลงผลการประชุม กกต. ว่าที่ประชุมเห็นชอบการแบ่งเขตเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว 27 จังหวัด ประกอบด้วย แพร่ ลำพูน พะเยา ตาก สมุทรปราการ นครปฐม สุพรรณบุรี ราชบุรี ฉะเชิงเทรา อุบลราชธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง จันทบุรี สระแก้ว นนทบุรี สุโขทัย ร้อยเอ็ด นครศรีธรรมราช พัทลุง นราธิวาส สตูล หนองบังลำภู เลย มุกดาหาร อำนาจเจริญ สกลนคร และอุทัยธานี ส่วนใหญ่เป็นไปตามแนวทางที่ กกต.จังหวัดเสนอรูปแบบมา ส่วนจังหวัดที่เหลือจะทยอยประกาศต่อไป

รับจดแจ้งพรรครักษ์สันติแล้ว

นายสุทธิพลกล่าวอีกว่า นายทะเบียนพรรคการเมืองได้ตอบรับการจดแจ้งตั้งพรรครักษ์สันติที่มี พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐพงษ์ เป็นหัวหน้าพรรค และ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นแกนนำแล้ว ขณะนี้มีพรรคการเมืองที่แจ้งการจัดตั้งอยู่ระหว่างการพิจารณา 54 พรรค

ยังหวังสภาออกกฎหมายลูกทันกำหนด

นายสุทธิพลกล่าวว่า กกต. ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องที่วุฒิสภาแปรญัตติร่างกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้สิทธิเฉพาะข้าราชการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการยื้อการพิจารณาออกไปนั้น เท่าที่ทราบตอนนี้คือวุฒิสภามีระเบียบวาระที่จะพิจารณาร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับในวันที่ 25 เม.ย. นี้ ซึ่งตามหลักการหากวุฒิสภามีการแก้ไขต้องส่งร่างกฎหมายให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาอีกครั้งว่าเห็นชอบตามที่แก้ไขหรือไม่ หากไม่เห็นชอบก็ต้องคณะกรรมาธิการร่วม 2 สภาพิจารณาอีกครั้ง ส่วนตัวยังมั่นใจว่าจะเสร็จตามกรอบเวลาเดิมคือภายในสิ้นเดือน เม.ย. นี้

“สดศรี” แนะถามสำนักพระราชวัง

นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า เรื่องที่จะห้ามนำสถาบันกษัตริย์มาหาเสียงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทางที่ดีควรสอบถามสำนักพระราชวังดีกว่าว่าจะอนุญาตให้ได้แค่ไหน อย่างไร เรื่องนี้จะบอกว่าเป็นงานของ กกต. คงไม่ได้ ทราบว่า กกต. จะนำเรื่องนี้หารือในที่ประชุมผู้บริหารพรรคการเมืองวันที่ 2 พ.ค. นี้

“มาร์ค” ยันเป็นหน้าที่ กกต. ออกข้อห้าม

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กกต. มีหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ เที่ยงธรรม และดูระบบโดยรวมคือระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ การที่ กกต. จะออกระเบียบห้ามนำสถาบันมาหาเสียงทางการเมืองจึงไม่ใช่เรื่องเกินเลย แต่เป็นการทำให้พรรคการเมือง นักการเมือง อยู่ในกรอบ และไม่ว่าพรรคการเมืองใดพอใจหรือไม่ต้องปฏิบัติตามกฎกติกา

“ชุมพล” โวย ครม. ไม่ได้หารือข้อห้าม

นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ยืนยันว่า การประชุม ครม. สัปดาห์ที่แล้วนายกรัฐมนตรีได้นำเรื่องสำนักราชเลขานุการ สำนักพระราชวัง ทำหนังสือถึง ครม. มาหารือ โดยระบุว่า ไม่มีพระบรมราชานุญาตให้พรรคการเมืองนำพระบรมฉายาลักษณ์ไปแจกเพื่อหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งที่ประชุมรับทราบแค่นั้นไม่ได้พูดถึงมาตรการห้าม การที่ กกต. จะออกกฎห้ามเรื่องนี้ถือว่าทำเกินหน้าที่

ภท. โชว์หนังสืออนุญาต

พรรคภูมิใจไทยได้นำเอกสารอนุญาตจัดพิมพ์พระบรมฉายาลักษณ์เพื่อแจกจ่ายประชาชนและสมาชิกพรรคมาแสดงหลังถูกโจมตีว่าแอบอ้างสถาบันหาเสียงทางการเมือง โดยหนังสือดังกล่าวมีรายละเอียดดังนี้

ที่ ภว. 004 / 014 กองงานส่วนพระองค์ พระราชวังดุสิต กรุงเทพฯ

วันที่ 1 เม.ย. 2554

เรื่องขออนุญาตให้จัดพิมพ์พระบรมฉายาลักษณ์

เรียน นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตามหนังสือของพรรคภูมิใจที่ พท.03/012/2554 ลงวันที่ 15 มี.ค. 2554 ความว่า ขอพระบรมราชานุญาตจัดพิมพ์พระบรมฉายาลักษณ์ตามตัวอย่างที่แนบมา 1 ล้านภาพ เพื่อนำไปมอบให้กับสมาชิกพรรคและประชาชนทั่วไป เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่สมาชิกและประชาชนชาวไทยนั้น กองงานส่วนพระองค์อนุญาตให้ดำเนินการได้ เนื่องจากพระบรมฉายาลักษณ์ที่แนบมานั้นเป็นพระรูปที่เคยเผยแพร่ทั่วไปแล้ว

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ขอแสดงความนับถือ

ลงชื่อ นายดิสธร วัชโรทัย 


รองเลขาธิการพระราชวัง

***************************
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น