ปราบดา หยุ่น-ทราย เจริญปุระผนึก8นักเขียนดังล่าชื่อนักเขียนแก้ 112 หยุดใช้คดีหมิ่นฯปิดกั้นเสรีภาพ | |
ทราย เจริญปุระ 1ใน8นักเขียนผู้ริเริ่มรวบรวมรายชื่อ หมายเหตุไทยอีนิวส์:นักเขียนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งประกอบไปด้วย บินหลา สันกาลาคีรี,ปราบดา หยุ่น,ทราย เจริญปุระ,วาด รวี,ดวงฤทัย เอสะนาชาตัง,ซะการีย์ยา อมตยา,กิตติพล สรัคคานนท์ และ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงเพื่อนนักเขียนไทยทั่วประเทศ เรื่อง: ขอเชิญร่วมลงชื่อในการเรียกร้องให้มีการแก้ไขมาตรา 112 และยุติการใช้ข้อกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพปิดกั้นการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เพื่อนนักเขียนทุกท่าน เรา - นักเขียนผู้มีรายชื่อในท้ายจดหมายฉบับนี้ เชื่อว่าท่านคงเห็นด้วยว่า เสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น คือหัวใจสำคัญของการเป็นนักเขียนในสังคมประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นงานเขียนประเภทใด ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนผู้ทำงานเขียนเพื่อเลี้ยงชีพ หรือเป็นนักเขียนผู้ผลิต “งานสร้างสรรค์” ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนผู้มีอุดมการณ์ ศรัทธา และความเชื่อส่วนตัวเช่นไร เสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น ถือเป็นพื้นฐานสำคัญเบื้องต้นที่เอื้อให้นักเขียนทุกคนทุกแขนงในสังคม ได้มีพื้นที่ มีอิสรภาพ และมีโอกาสในการพัฒนาทั้งคุณภาพผลงานและทั้งคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่โดยเท่าเทียมกัน เมื่อใดก็ตามที่เสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นตกอยู่ในสภาวะบอบบาง อ่อนแอ และสั่นคลอน สถานภาพของการเป็นนักเขียนในสังคมประชาธิปไตยย่อมตกอยู่ในสภาวะบอบบาง อ่อนแอ และสั่นคลอนไปด้วย ผลกระทบเบื้องต้น คือการหยุดชะงักของโอกาสในการพัฒนาความรู้ ความคิด และการสร้างสรรค์งานเขียน เนื่องเพราะถูกจำกัดขอบเขตการแสดงออกและการสานต่อทางปัญญา ผลกระทบขั้นรุนแรงกว่าคือการต้องใช้ชีวิตและทำงานภายใต้บรรยากาศอันมืดมิด ภายใต้ความหวั่นวิตกถึงการสูญเสียสิทธิ สูญเสียอิสรภาพอย่างไม่เป็นธรรม และหวาดกลัวต่ออันตรายที่อาจเกิดกับตนเองและครอบครัว สังคมไทยขณะนี้ มีการนำกฎหมายอาญามาตรา 112 มาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยคนหลายกลุ่มหลายฝ่าย มีการใช้มาตราดังกล่าวในการข่มขู่คุกคาม กระทั่งฟ้องร้องดำเนินคดี คุมขังและริดรอนอิสรภาพของประชาชนผู้ถูกกล่าวหาจำนวนมาก ทำให้เห็นว่าสังคมไทยกำลังก้าวล่วงสู่สภาวการณ์ที่เสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นถูกคุกคามอย่างอยุติธรรมมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ นอกเหนือไปจากความกังวลในฐานะประชาชนที่อาจต้องเผชิญกับการคุกคาม เราในฐานะนักเขียน ย่อมมิอาจนิ่งดูดายและปล่อยให้หัวใจสำคัญของการเป็นนักเขียนและการทำงานเขียนภายใต้สังคมประชาธิปไตย ต้องตกอยู่ในวิกฤตเช่นนี้ ข้อความสั้น ๆ ของกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่กล่าวว่า: “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”ได้ถูกนำมากล่าวอ้างกล่าวหาเพื่อประโยชน์ทางการเมือง เพื่อข่มขู่ ฟ้องร้อง และคุมขังประชาชน หลายครั้งเป็นการตีความกฎหมายโดยกว้าง เช่น แม้แต่การไม่ยืนถวายพระพรเมื่อมีการเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีก็กลายเป็นความผิดฐานดูหมิ่นได้ นอกจากนั้น กระบวนการบังคับใช้กฎหมายมาตรานี้ ยังได้ฉวยใช้ความรู้สึกต่อองค์พระมหากษัตริย์ของคนทั่วไป มารวบรัดขั้นตอนการดำเนินคดี ไม่ดำเนินคดีตามกระบวนการที่ถูกต้องเหมาะสมตามกฎหมาย หากแต่เป็นการดำเนินคดีตามอำเภอใจ เช่นสั่งให้มีการไต่สวนโดยปิดลับ และห้ามสื่อมวลชนทำข่าว จนกระทั่งบัดนี้ แม้แต่สื่อมวลชนและนักวิชาการที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยของรัฐบาล ซึ่งอภิปรายเรื่องการเมืองที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบันกษัตริย์อย่างเป็นวิชาการ ยังถูกฟ้องร้องดำเนินคดีด้วยกฎหมายมาตรา 112 เช่นกัน หลายกรณีที่เกิดขึ้น เราไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเป็นการ “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย” อย่างไร นอกจากเป็นเพียงแต่การพยายามนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ด้วยเหตุผลและข้อมูลทางประวัติศาสตร์อย่างตรงไปตรงมา ด้วยกิริยาและวาจาที่อยู่บนมาตรฐานของมนุษย์ผู้มีอารยธรรม อีกทั้งยังเป็นการแสดงทัศนะที่เกิดจากเจตนารมณ์อันดีต่อสถาบันกษัตริย์และสังคมไทย เป็นการนำเสนอแนวทางที่จะสร้างความมั่นคงยั่งยืนให้กับสถาบันกษัตริย์ในระยะยาว มิได้ลบหลู่ล่วงเกิน หรือต้องการ “ล้ม” สถาบันแต่ประการใด บรรยากาศของความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นในสังคม และพฤติกรรมคุกคามโดยคนบางกลุ่ม เช่น ทหารไทยที่ออกมาตบเท้าข่มขู่ประชาชนและฟ้องร้องนักวิชาการ ตอกย้ำให้เราตระหนักว่า ถึงเวลาแล้วที่สังคมต้องนำกฎหมายอาญามาตรา 112 มาเป็นประเด็นทบทวนพิจารณาปรับปรุงแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันมิให้เสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นของประชาชนถดถอยล้าหลัง ก้าวย่างไปสู่ยุคมืด หรือถูกทำลายลงโดยสิ้นเชิงในที่สุด ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยต้องแยกแยะ “การล้มสถาบัน” ออกจากการอภิปรายเพื่อนำไปสู่เสถียรภาพทางสังคมในระยะยาว และการปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดของประชาชน ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในฐานะประชาชนชาวไทยผู้มีความเป็นห่วงและกังวลต่อสภาวการณ์บ้านเมืองภายใต้บรรยากาศของความหวาดกลัว และในฐานะนักเขียนไทยผู้หวงแหนเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น เราต้องการเรียกร้องให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยเร็วที่สุด และสนับสนุนการนำแนวทางที่ปัญญาชนบางกลุ่มบางท่าน (เช่น กลุ่มนิติราษฎร์ อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และกลุ่มอื่นๆ) ได้เสนอแนะไว้ในหลายวาระ ขึ้นมาพิจารณาประกอบกัน เพื่อนำไปสู่บทสรุปที่เป็นธรรมและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่สังคมไทย นอกจากนี้ เราต้องการเรียกร้องให้ผู้ใช้สถาบันกษัตริย์เป็นข้ออ้างในการแสดงบทบาทและวางอำนาจทางการเมือง เช่น ทหาร ได้ยุติพฤติกรรมดังกล่าว และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเอง หากความสงบสุข ความสามัคคี และความเป็นธรรม คือสิ่งที่ท่านต้องการให้เกิดขึ้นอย่างบริสุทธิ์ใจ ในสังคมประชาธิปไตยที่ประกอบด้วยความแตกต่างหลากหลาย การเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความเชื่อและความคิดเห็นที่แตกต่าง คือกระบวนการที่ช่วยให้เกิดความมั่นคงในการอยู่ร่วมกัน และช่วยบรรเทาความรุนแรงของความขัดแย้งที่สามารถบังเกิดตามธรรมชาติของสังคม การประนีประนอมนั้นมิได้เกิดจากความกลัว หากแต่เกิดจากการฝากความหวังไว้กับการเรียนรู้ของประชาชน และฝากความเชื่อมั่นไว้กับสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน หากเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นของประชาชนถูกคุกคามและสั่นคลอน ความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อระบอบประชาธิปไตยและต่อประเทศของตน ย่อมสั่นคลอนเสื่อมถอยอย่างไม่ต้องสงสัย เพื่อนนักเขียนที่เคารพทุกท่าน เรา - นักเขียนผู้มีรายนามในท้ายจดหมายนี้ ต้องการเรียกร้องให้มีการทบทวน ปรับปรุง แก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เพื่อความมั่นคงของประชาธิปไตย เพื่อความเป็นธรรมในสังคม เพื่อความยืนยงของสถาบันกษัตริย์ และเพื่ออนาคตของประเทศชาติ เรา - นักเขียนผู้มีนามต่อท้ายจดหมายฉบับนี้ มั่นใจว่าเพื่อนนักเขียนทุกท่านตระหนักถึงความสำคัญของเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น และหากท่านเห็นด้วยกับข้อเรียกร้อง เห็นด้วยว่าต้องยุติการใช้ข้อกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เราขอเรียนเชิญให้ท่านร่วมแสดงออกกับเราในครั้งนี้ ด้วยการลงชื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องดังกล่าวในฐานะนักเขียน เราย้ำว่าเสียงของท่านมีความสำคัญกับผู้ที่กำลังถูกดำเนินคดีอย่างไม่ยุติธรรมทุกคน ทั้งในอดีต และในอนาคต เราขอให้ท่านสละเวลาลงชื่อเพื่อร่วมเรียกร้องด้วยกันกับเรา ตามช่องทางที่ระบุไว้ท้ายจดหมายฉบับนี้ 19 พฤษภาคม 2554 บินหลา สันกาลาคีรี ปราบดา หยุ่น ทราย เจริญปุระ ดวงฤทัย เอสะนาชาตัง ซะการีย์ยา อมตยา กิตติพล สรัคคานนท์ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ วาด รวี หมายเหตุ – ท่านสามารถติดต่อลงชื่อได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้ 1. ติดต่อกับเจ้าภาพทั้งแปดโดยตรง 2. อีเมล thaiwriteranti112@rocketmail.com 3. http://www.thaipoetsociety.com/index.php?topic=3668.0 4. แฟกซ์: ถึง วาด รวี ที่เบอร์ 5. จดหมาย: วารสารหนังสือใต้ดิน 825/666 หมู่ 1 ประชาอุทิศ ทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140 6. facebook: UndergroundBuleteen Thailand ******* อัพเดตรายชื่อผู้ร่วมลงนามในเวบไซต์ www.thaipoetsociety.com 1. กฤช เหลือลมัย 2. สุเจน กรรพฤทธิ์ 3. กวีอราสุ 4. ธีรภัทร เจริญสุข 5. พรสุข เกิดสว่าง 6. สานุ อร่ามเอกวนิช 7. สรายุทธ์ ธรรมโชโต 8. นงลักษณ์ หงส์วิเศษชัย 9. เฉลิมพันธุ์ หวันชิตนาย 10. เดือนวาด พิมวนา 11. ประกาย ปรัชญา 12. นพดล ปรางค์ทอง 13. นพรุจ หิญชีระนันทน์ 14. กิตติกา บุญมาไชย 15. ภาณุ มณีวัฒนกุล 16. วิจักขณ์ พานิช 17. เกียรติศักดิ์ ประทานัง (ปั้นคำ) 18. สฤณี อาชวานันทกุล 19. ชญานิน เตียงพิทยากร 20. ทองธัช เทพารักษ์ 21. “ผาดไหม” 22. อธิฌลา (อันธิฌา ทัศคร) 23. ดาราณี ทองศิริ 24. นิติพงศ์ สำราญคง 25. ศรัทธา แสงทอน 26. สหรัฐ พัฒนกิจวรกุล 27. วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล 28. ปราย พันแสง 29. คณพล วงศ์วิเศษไพบูลย์ 30. บุญชิต ฟักมี 31. สิทธา วรรณสวาท 32. นิศากร แก่นมีผล 33. อาทิชา ตันธนวิกรัย 34. ฉันทลักษณ์ รักษาอยู่ (มน. มีนา) 35. การะเกตุ ศรีปริญญาศิลป์ (การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์) 36. วรัญญู อินทรกำแหง 37. พิชญา โชนะโต 38. พีระ ส่องคืนอธรรม 39. วรวุฒิ สัจจะปรเมษฐ 40. พิเชฐ แสงทอง 41. คำ ผกา 42. โคจร สมุทรโชติ 43. ภู่มณี ศิริพรไพบูลย์ 44. วิชัย ดวงมาลา 45. แก้วตา ธัมอิน 46. พิรุณ อนุสุริยา 47. พณ ลานวรัญ 48. ธิติ มีแต้ม 49. ธาริต โตทอง 50. ภูมิภัทร์ สงวนแก้ว 51. ณัฐชา วิวัฒน์ศิริกุล 52. มหรรณพ โฉมเฉลา 53. รวิวาร โฉมเฉลา 54. ปิยะพันธ์ เลิศคุณากร 55. นฤพนธ์ สุดสวาท 56. ณภัค เสรีรักษ์ 57. ธนะ วงษ์มณี 58. อนุพงษ์ เทพวรินทร์ 59. จรูญพร ปรปักษ์ประลัย 60. ระยิบ เผ่ามโน 61. อรุณรุ่ง สัตย์สวี 62. รางชาง มโนมัย 63. ภู กระดาษ 64. มัคคุเทศก์ทางวิญญาณ 65. รน บารนี 66. ธีร์ อันมัย 67. วิวัฒน์ เลิศฯ (วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา) 68. มูหัมหมัดฮาริส กาเหย็ม 69. พรพิมล ลิ่มเจริญ 70. ก่องแก้ว กวีวรรณ 71. กตัญญู สว่างศรี 72.หรินทร์ สุขวัจน์ 73. สมหวัง ดังพ่อตั้งจิต 74. คาล รีอัล 75. กฤชวัชร์ เตชะวณิย์ 76. ชานันท์ ยอดหงษ์ 77. นราวุธ ไชยชมภู 78. จรัส โฆษณานันท์ 79. อนันต์ เกษตรสินสมบัติ 80. วิวัฒน์ จ่างตระกูล (Wiwat Chang) 81. โอปอล์ ประภาวดี 82. วีรพงษ์ สุนทรฉัตราวัฒน์ 83. ภัทรภร วาดกลิ่นหอม 84. ภัควดี วีระภาสพงษ์ 86. อำพล ฐาปนพันธ์นิติกุล 87. อาทิตย์ ศรีจันทร์ 88. สิรนันท์ ห่อหุ้ม 89. ทินกร หุตางกูร 90. อธิคม คุณาวุฒิ 91. กรรณิการ์ กิจติเวชกุล 92. กันต์ธร อักษรนำ 93. อโนชา ปัทมดิลก 94. วิสัย เร็วเรียบ 95. รชา พรมภวังค์ (ลือชา กิจบำรุง) 96. กุดจี่ พรชัย แสนยะมูล 96. ชัชชล อัจนากิตติ 97. อติภพ ภัทรเดชไพศาล 98. วิชัย จันทวโร 99. วิทวัส จันทร์ก้อน 100. นิวัต พุทธประสาท 101. เรืองเดช จันทรคีรี 102. วิภาส ศรีทอง 103. เด็ดเดี่ยว เหล่าสินชัย 104. ไกรวุฒิ จุลพงศธร 105. ธเรศ นวลศิริ 106. นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ ****** ข่าวเกี่ยวเนื่อง -เจ้ย-อภิชาติพงศ์เจ้าของรางวัลหนังเมืองคานส์ และ5ผู้กำกับมือระดับนานาชาติโดดร่วมรณรงค์ตื่นรู้ม.112 | |
http://redusala.blogspot.com |
ดาวน์โหลดคลิ๊ปคนเสื้อแดง
วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น