วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

มาร์ค ขึ้นศาลโลก ปู ขึ้นศาลเตึ้ย

    
          มีความเคลื่อนไหวหนึ่งที่น่าสนใจมากและควรจะ กล่าวถึง นั่นคือกรณีที่ศาลอาญาระหว่างประเทศกำลังเตรียมตัวที่จะเข้าพบกับรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยในเร็ววันนี้ ทั้งนี้ เรื่องนี้ถือเป็นความคืบหน้าที่สำคัญไม่น้อย และรัฐบาลไทยมีแนวโน้มในการลงนามรับรองเขตอำนาจศาลโลก

คดีที่จะเกี่ยวข้องกับศาลโลกได้น่าจะมี 3-4 ประการคือ 1.อาชญากรสงคราม 2.การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ 3.คดีที่ผิดหลักสิทธิมนุษยชน และ 4.เป็นการใช้อำนาจที่ไม่คำนึงถึงกฎหมาย

กรณีเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับข้อที่ 1, 2 และ 3 แต่น่าจะเกี่ยวข้องกับข้อที่ 4 ได้

ขยายความเพิ่มเติมคือ ผู้มีอำนาจในช่วงเวลาดังกล่าวได้ใช้อำนาจอย่างสุดเหวี่ยงโดยไม่คำนึงถึงความ ถูกต้องของกฎหมายบ้านเมืองในขณะนั้น กอปรทั้งระบบยุติธรรมของไทยไม่อาจจะเอื้อมมือมาแตะต้องเพื่อความถูกผิดได้

พูดง่ายๆคือ ระบบในประเทศไทยจัดการกับการใช้อำนาจดังกล่าวไม่ได้ จึงต้องเลยเถิดมาถึงเรื่องศาลอาญาระหว่างประเทศที่จะต้องยื่นมือมาเกี่ยวข้อง

แต่เนื่องจากประเทศไทยยังไม่ได้ลงนามเป็นภาคีกับศาลโลก แม้ว่าศาลโลกยังไม่สนใจจะสลายการชุมนุมในคดีดังกล่าวที่มีการเสียชีวิต 98 ศพ เมื่อปี 2553 จึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลไทยจะต้องยอมรับเขตอำนาจของศาลโลกเสียก่อนในเบื้อง ต้น ประเด็นนี้เป็นที่ถกเถียงอยู่เหมือนกัน ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์คงจะต้านสุดเหวี่ยงอย่างแน่นอนเพื่อไม่ให้มีการลงนาม รับรองเขตอำนาจของศาลโลก เพราะถ้ามีการลงนามดังกล่าวแล้วคงจะหมายความได้ว่ามีความเป็นไปได้ที่ทั้ง นายสุเทพและนายอภิสิทธิ์จะต้องกลายเป็นผู้ต้องหาศาลอาญาระหว่างประเทศสำหรับ คดีการสลายการชุมนุม

แต่เรื่องนี้คงไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปขอความเห็นจากรัฐสภาตามรัฐ ธรรมนูญ มาตรา 190 เนื่องจากศาลโลกได้ศึกษากฎหมายในเมืองไทยอย่างถ่องแท้มาแล้ว อีกทั้งยังมีกรณีตัวอย่างว่า สำหรับบางประเทศนั้นมีการลงนามโดยรัฐมนตรีต่างประเทศเพียงผู้เดียวในการลง นามรับเขตอำนาจของศาลโลกก็ยังกระทำมาได้ ในกรณีนี้จึงมีความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะมีการลงนามโดยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

ในการให้ข้อสังเกตของ ดร.จารุพรรณ กุลดิลก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เห็นว่าศาลอาญาระหว่างประเทศนั้นให้ความสนใจเรื่องสัญชาติอังกฤษของนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยู่พอสมควร
ในความเห็นของผู้รู้อีกหลายคนมีความเห็นว่า ประเทศไทยสามารถที่จะลงนามรับรองเขตอำนาจศาลโลกได้เฉพาะกรณี คือเป็นเฉพาะกรณีสลายการชุมนุม ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อาจจะลงนามในเร็วๆนี้ ถ้าการลงนามเสร็จสิ้นเรียบร้อยศาลโลกอาจจะเริ่มต้นหาข้อมูลเพื่อศึกษา วิเคราะห์ กล่าวคือเป็นการรวบรวมข้อเท็จจริงในเบื้องต้นเสียก่อน ถ้าข้อมูลมีความน่าสนใจก็จะศึกษาลึกต่อไปแล้วแจ้งกลับมายังประเทศไทย

ประเด็นนี้จึงน่าสนใจตรงที่ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อาจจะต้องกลายเป็นผู้ต้องหาในศาลอาญาระหว่างประเทศถ้าการลงนามรับรองเขต อำนาจศาลเป็นที่เรียบร้อย หากเราเชื่อมโยงจากกรณีดังกล่าวนี้เข้ากับม็อบชุมนุมของ เสธ.อ้ายที่จะระดมกำลังมาชุมนุมเป็นรอบ 2 มีการประกาศเป้าหมายขั้นสูงที่จำนวนผู้ชุมนุมระดับ 1 ล้านคน เพื่อจะได้โค่นล้มรัฐบาล!

ความสอดคล้องของ 2 กรณีนี้จะสัมพันธ์กันหรือไม่? มีความเป็นไปได้ว่าเพราะเกรงจะต้องเป็นจำเลยในศาลโลก จึงต้องมีการเร่งรีบโค่นล้มรัฐบาลด้วยระบบศาลเตี้ยของม็อบกลุ่มองค์กร พิทักษ์สยาม อาจจะคาดหวังว่าต้องใช้ศาลเตี้ยมาขวางกั้นเสียก่อนจึงจะทำให้รัฐบาลนี้อยู่ ไม่ได้ และจะต้องไม่มีความเกี่ยวข้องของศาลโลกเกิดขึ้น

น่าพิจารณาว่าระหว่างศาลเตี้ยกับศาลโลกนั้น ปูกับมาร์คใครจะต้องขึ้นศาลไหนก่อนกัน?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น