วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554


อายุรัฐบาลยิ่งลักษณ์สั้น-ยาวอยู่ที่‘ทักษิณ’

     
       รายงาน(วันสุข)
         จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ วันสุข
         ปีที่ 7 ฉบับที่ 327 ประจำวัน จันทร์ ที่ 12 กันยายน 2011
 
         คอลัมน์/บทความ -
         เรื่อง อายุรัฐบาลยิ่งลักษณ์สั้น-ยาวอยู่ที่‘ทักษิณ’
 
         โดย ศิริพร วาสะศิริ
         การเข้าทำงานบริหารบ้านเมืองของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีทั้งผู้ที่ชื่นชมและคัดค้าน แต่ในมุมมองของนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กลับคิดว่าการเมืองไทยหลังจากนี้ไปจะสั้น จะยาว จะสงบ หรือวุ่นวายก็อยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีอิทธิพลต่อการเมืองไทยเป็นอย่างมาก เหมือนปลาใหญ่ที่อยู่ในอ่างเมื่อขยับตัวน้ำจะกระเพื่อม ยิ่ง พ.ต.ท.ทักษิณแสดงบทบาทมากเท่าไรก็ยิ่งทำให้รัฐบาลอายุสั้นเท่านั้น เพราะฉะนั้นการเมืองไทยจะเป็นอย่างไรต้องไปถาม พ.ต.ท.ทักษิณว่าต้องการให้เป็นแบบไหน


ในขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์เองก็มีความต้องการที่จะนำการเมืองไทยกลับสู่ระบบรัฐสภา เพื่อให้รัฐสภาเป็นศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ และหวังว่ารัฐบาลจะให้โอกาสกับประเทศชาติด้วยการนำการเมืองเข้ามาสู่ระบบรัฐสภาเช่นเดียวกัน


“ผมคิดว่าประเทศไทยบอบช้ำมามากแล้ว เราต้องการการฟื้นฟูเยียวยาเพื่อที่จะกลับมาเข้มแข็งอีกครั้งหนึ่ง พรรคประชาธิปัตย์มีแนวทางชัดเจนที่จะเป็นฝ่ายค้านอย่างสร้างสรรค์ หมดยุคของการเล่นการเมืองแบบทำลายล้างแล้ว เพราะถ้าเราไม่ร่วมกันสร้างการเมืองในมิติใหม่ก็เหมือนกงเกวียนกำเกวียน ถ้าเราดำเนินการเมืองแบบทำลายล้าง เมื่อเราไปเป็นรัฐบาลก็จะเจอกับการเมืองแบบทำลายล้าง ผู้ที่พ่ายแพ้คือประเทศไทยและคนไทย พรรคการเมืองมีหน้าที่ที่จะต้องสร้างสรรค์ประเทศชาติไม่ว่าในฐานะฝ่ายค้านหรือรัฐบาล”


หลังการจัดสรรตำแหน่งในรัฐบาลยิ่งลักษณ์แล้ว ผมมองว่าจุดอ่อนของรัฐบาลอยู่ที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพราะเป็นกระทรวงใหญ่และมีผลผูกพันทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้น การแต่งตั้งคนเป็นรัฐมนตรีควรพิจารณาให้รอบคอบ ส่งผลให้เกิดคำถามตามมามากมาย และสุดท้ายจะเรียกว่าเป็นกระทรวงสายล่อฟ้าก็ได้ เป็นการตอกย้ำจุดอ่อนที่เคยทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณพังมาแล้ว และครั้งนี้จะกลายเป็นจุดตายของรัฐบาลถ้าคุณยิ่งลักษณ์ไม่ได้กระทำตัวเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ทำตัวเป็นนายกรัฐมนตรีของ พ.ต.ท.ทักษิณก็นับถอยหลังอายุรัฐบาลได้เลย


สำหรับการเมืองไทยในอนาคตพรรคเล็กจะค่อยๆสูญไปในรูปแบบพรรคเล็กเดิม แต่จะเป็นพรรคจังหวัดหรือพรรคภาคที่เป็นในลักษณะของพรรคเล็กรูปโฉมใหม่ เช่น พรรคพลังชล พรรคอีสานใต้ อีสานเหนือ พรรคกลุ่มจังหวัดโน้นจังหวัดนี้ เพื่อให้มีที่ยืนและมีเสียงทางการเมือง แต่โดยภาพรวมการเมืองไทยจะเป็น 2 พรรคใหญ่ และทั้ง 2 พรรคจะปฏิรูปตัวเองให้เป็นพรรคที่มีประชาชนเป็นเจ้าของ


ผมคิดว่าแต่ละพรรคมีปัญหาท้าทายตัวเองอยู่พอสมควร และพรรคการเมืองไทยก็ขึ้นอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย 2 พรรคนี้เป็นหลัก ถ้า 2 พรรคการเมืองนี้สามารถปฏิรูปได้ บ้านเมืองและการเมืองไทยก็จะราบรื่นและกลับเข้าสู่ระบบรัฐสภา แต่ถ้า 2 พรรคนี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้ บ้านเมืองก็จะยังปั่นป่วนวุ่นวาย ซึ่งผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ทั้ง 2 พรรคต้องมีจุดร่วมตรงกันในการปฏิรูปพรรคและระบบการเมืองไทยให้กลับมาสู่การเมืองในระบบรัฐสภาอย่างแท้จริง นั่นคือโจทย์ที่ 2 พรรคจะสามารถทำงานร่วมกันได้ และต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่


ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นั้นผมเชื่อว่าการปรับเปลี่ยนของพรรคจำเป็นต้องมีรูปแบบที่ชัดเจน และเป็นการปรับตัวเพื่อไปข้างหน้า ไม่ย่ำอยู่กับที่เหมือนที่ผ่านมา เพราะในฐานะที่ผมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ผมคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องปรับตัวเองจากรูปแบบเดิม ลบคำสบประมาทว่าเป็นพรรคอำมาตย์ พรรคศักดินา พรรคที่เท้าไม่ติดดินให้จงได้ และพรรคประชาธิปัตย์โฉมใหม่จะต้องเป็นองค์กรพรรคการเมืองที่ทันสมัย เป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพ เป็นองค์กรที่เรียนรู้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ต้องเกิดขึ้นภายใน 1 ปี ช้ากว่านั้นไม่ได้


ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 7 ฉบับ 327 
วันที่ 10 - 16 กันยายน 2554  พ.ศ. 2554 หน้า 20 
คอลัมน์ คนการเมือง โดย ศิริพร วาสะศิริ
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น