วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

อนาคตประเทศไทย ที่สุดของสงครามประชาชนจะจบตรงไหน อย่างไร?
ศัตรูของเผด็จการที่น่ากลัวที่สุดมีอยู่สองอย่าง ที่เผด็จการทุกประเทศทั่วโลกกลัวที่สุดและต้องพบกับคำว่าพ่ายแพ้มาแล้วทั้งนั้น แต่อาจจะใช้แค่เวลาในการต่อสู้ต่างกัน ประเทศไหนใช้เวลาสั้น ประเทศไหนต้องใช้เวลานานแค่นั้นแต่ที่สุดทุกประเทศที่ปกครองด้วยระบอบเผด็จการก็ต้อง​พ่ายแพ้ทั้งสิ้น นี่คือสัจธรรม
สิ่งที่เผด็จการพ่ายแพ้ทุกแห่งก็คือ

1. ความจริง

ที่ปิดบังประชาชนมานาน ในความจริงนั้นเมื่อถูกนำมาเปิดโปงจะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในนั้น ทำให้ประชาชนตาสว่างขึ้นและในความจริงนั้นจะปรากฏเรื่องราวเหล่านี้เสมอ
1.1 การเอาเปรียบประชาชนด้วยการเอาผลประโยชน์ของส่วนรวมมาเป็นของตัวเองอย่างเดียวแล้วปล​่อยให้ประชาชนอดอยากทนทุกข์ทรมาน หรือเก็บภาษีจากประขาชนไปอย่างมากมายแต่ภาษีที่เก็บไปนั้นไม่ได้นำมาบำรุงพัฒนาประเท​ศหรือชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นเลย กลับนำเอาภาษีนั้นไปเป็นของส่วนตัวและพรรคพวกทั้งหมด
1.2 ความยุติธรรมที่ไม่ยุติธรรม ไม่มีมาตรฐานในการตัดสินคดีความ ไม่มีความปรานีให้กับคนชั้นต่ำแต่กลับมีความเอื้ออาทรให้กับคนชั้นสูง สิ่งที่ผิดกลายเป็นถูก สิ่งที่ถูกโดนยัดเยียดให้ผิด คล้ายกับว่าทั้งชีวิตที่เกิดมามันมีค่าของความเป็น “ฅน” ไม่เท่ากัน
1.3 สื่อสารที่ล้วนมากด้วยคำโกหกเหมือนพยายามหลอกคนทั้งประเทศให้มองว่าตนเองเป็นคนดีเป็​นคนวิเศษเป็นการโฆษณาชวนเชื่อเป็นการสร้างภาพด้วยลมปาก สิ่งนี้มันมักจะตรงข้ามกับความจริงเสมอ และในไม่ช้าคำพูดเหล่านั้นก็จะเลือนหายไปเหมือนได้ดมยาหอมชั่วครู่ชั่วขณะ สุดท้ายสื่อเหล่านี้จะอยู่ไม่ได้และจะกลายเป็นหลักฐานชั้นดีมัดตัวผู้ปกครองนั้นๆในภ​ายหลัง
1.4 อาชญากรที่ไร้ร่องรอย นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดในระบบการปกครองแบบเผด็จการ เมื่อต้องการกำจัดศัตรูที่คิดว่าจะเป็นคู่แข่งหรืออันตรายกับตนในอนาคต วิธีการนี้จะถูกนำเอามาใช้ทุกครั้ง
ทั้งนี้ ก็เพราะเป็นวิธีการที่ง่ายดีและไม่ต้องไปแสวงหาข้อเท็จจริงที่ไหนมาปรักปรำอีกด้วย ฆ่าทิ้งแบบดื้อๆแล้วโกหกแบบด้านๆ “กูไม่ได้ทำ” ทั้งที่คนทั้งบ้านทั้งเมืองรู้อยู่แก่ใจว่าคนๆนั้นตายเพราะอะไร


ทั้งสี่ข้อนี้คือความจริงที่เผด็จการพ่ายแพ้มาแล้วทุกประเทศในโลก เมื่อต้องถูกประชาชนออกมาลุกฮือขับไล่อย่างถวายชีวิต ด้วยความไม่กลัวตาย ฆ่าร้อยเพิ่มเป็นแสน ฆ่าพันเพิ่มเป็นล้าน
ในเขมรฆ่าเป็นล้านยังไมสำเร็จสุดท้ายก็ปกครองกันไม่ได้ ถูกยึดอำนาจกันไปอีกทอดหนึ่งที่สุดก็ต้องมีการเลือกตั้งจากประชาชน


2. การศึกษา

เมื่อโลกเจริญขึ้นการศึกษาไม่จำเป็นต้องมาจากโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาที่ไหนอีกแล​้ว ทุกคนเรียนรู้ได้หมดมองเห็นโลกด้วยจอสี่เหลี่ยมเล็กๆที่เรียกกันว่าอินเตอร์เน็ต ปัจจุบันนี้ไม่ว่าที่แห่งไหนในประเทศ ไม่ว่าพื้นฐานเดิมมีความรู้มากน้อยแค่ไหน ทุกคนสามารถเข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้ที่ไม่เคยได้รับรู้มาก่อนได้ทั้งหมด
แค่หูไม่หนวก ตาไม่บอดทุกคนเรียนรู้ได้ทั้งหมดแล้ว แม้บางท่านอ่านหนังสือไทยไม่สันทัดก็ยังสามารถได้ชมภาพละเสียงจากผู้ทรงคุณวุฒิได้อี​กทางด้วย
ไม่มีเวลาเข้ามาฟังใช่ไหม? มีบริการทำลิงค์ย้อนหลังให้รับฟังอีก
การศึกษาแขนงนี้น่ากลัวมากกับการปกครองในระบบปิดหูปิดตาประชาชน หลายประเทศที่เป็นเผด็จการจะปิดกั้นการศึกษาแขนงนี้มากที่สุด เหตุเพราะกลัวประชาชนฉลาดแล้วตนเองหลอกอีกต่อไปไม่ได้


ผมไม่ทราบว่าประเทศไหนสั่งปิดเว็บไซด์มากที่สุดในโลก แต่เท่าที่ผมทราบประเทศนี้บ้านเมืองนี้เปิดโอกาสให้โชว์ลามกเข้ามาครอบงำอินเตอร์เน็​ตได้ แต่ถ้าเผยแพร่ความรู้ความจริงของบ้านเมืองทำไม่ได้ จะโดนปิดโดนสกัดกั้นทันที กว่าสี่หมื่นเว็บไซด์โดนปิดไปแล้วอย่างเหลือเชื่อ ทั้งนี้สิ่งไหนที่มอมเมาประชาชนให้โง่เขลาพวกเขาจะให้ดำเนินการได้ แต่ถ้าให้คนไทยได้ฉลาดขึ้นพวกเขาจะปิดกั้นทันที
ส่วนในสถาบันการศึกษาก็ล้วนฝึกเด็กให้ท่องจำในตำรามากกว่าใช้ความคิด คณาจารย์ต่างๆรับใช้เผด็จการทั้งสิ้น ส่วนที่แตกแถวเห็นความถูกต้องก็พอมีแต่น้อยมาก
ดังนั้นรัฐบาลที่เป็นเผด็จการจะกลัวการศึกษามากที่สุดอีกเช่นกัน

สองหัวข้อที่ยกมาให้ดู
ประเทศไทยโดยการปกครองแบบ”ตัวกูของกู” บังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และก็เป็นไปอย่างที่กล่าวไว้ในสองหัวข้อใหญ่ คือทั้งปิดกั้นความจริงและปิดกั้นการศึกษา
ระบบเผด็จกาครองเมืองก็สั่นสะท้านไปหมด สถาบันต่างๆทีเคยเป็นที่เชื่อถือ เสียรางวัดไปอย่างมากมายมหาศาลต่อสายตาชาวโลกในทั้งสองหัวข้อที่ยกมาให้ดูนี้


โดยเฉพาะสำนวนนี้... ..... ”.มึงรู้ไหมมึงกำลังสู้กับใคร?”
กลายเป็นสำนวนเด็ดที่แทบจะไม่ต้องตีความกันเลยประชาชนสู้กับใคร ชาวโลกได้รับรู้โดยไม่มีข้อกังขา


“ประเทศนี้มีอะไรที่มันยิ่งกว่าประชาธิปไตยซ้อนอยู่” กระบวนการยุติธรรมควบคุมได้สั่งได้ ทหารกินเงินเดือนจากประชาชนแต่ไม่ฟังประชาชนซ้ำยังโกงกินได้อีกด้วย องค์กรอิสระต่างๆล้วนอิสระจากประชาชนแต่ไปผูกติดกับอำนาจนอกระบบ มาเฟียในเครื่องแบบฆ่าประชาชนแบบถูกกฎหมายเย้ยสายต่อชาวโลก การคอรัปชั่นที่สุดของที่สุดแม้แต่พวกเดียวกันเองยังออกมายอมรับ

สงครามประชาชนกับผู้ปกครองต่อสู้กันมาแบบถนอมน้ำใจ
คล้ายกับว่ายังไม่อยากแตกหักเพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน อะไรที่พอจะยอมกันได้ก็จะยอม เกือบ๕ปีที่ต่อสู้กันมามีแต่ฟากประชาชนเท่านั้นที่ถูกกระทำ วี่แววที่คล้ายว่าประชาชนจะชนะยังไม่ปรากฏ

มีคำถามนี้ออกมาจากท่านผู้ร่วมอุดมการณ์ท่านหนึ่งตั้งคำถามที่ผม...
.”.สุดท้ายเราจะจบกันอย่างไรและเมื่อไร”

วันนี้ผมจะขอตอบแบบ ไม่ ถนอมน้ำใครอีกแล้ว
๑. เราไม่มีวันชนะแน่ถ้าแม้เราไม่กล้าบอกความจริงทั้งหมดกับประชาชนว่าใครอยู่เบื้องหลั​งการครอบครองประเทศนี้
ในคำตอบมันก็ต้องมีคำถามซ้อนขึ้นมาอีกจนได้..แล้วจะบอกกับประชาชนอย่างไร ประชาชนจึงจะเชื่อและเข้าใจ?
ทั้งหมดนี้คือโจทย์ที่มีทั้งคำตอบและคำถามไปในตัว ที่เราๆทุกท่านที่ไม่ใช่แกนนำจะต้องตอบโจทย์ให้แตก และเมื่อไรก็เมื่อนั้น ถ้าโจทย์ข้อนี้ตีให้แตก ผมรับประกันประชาชนชนะได้แน่นอนครับ
ส่วนว่าเมื่อไรนั้นผมเชื่อว่าไม่เกินปีพ.ศ.๒๕๕๖เพราะผมเชื่อว่า ณ เวลานั้น บางสิ่งบางอย่างในประเทศนี้อ่อนลงไปมากหรืออาจจะดับไปเลยก็ได้เป็นเวลาที่เหมาะสมอย่​างยิ่งที่ประชาชนคนไทยมีโอกาสได้รับรู้ความจริงมากขึ้นและหันมาสว่างมากขึ้น ลังเลใจน้อยลง การต่อสู้จะเข้มข้นขึ้น ณ ตอนนั้น


๒. อาวุธเป็นสิ่งที่ใช้ไม่ได้กับการแสดงออกต่อหน้าสาธารณชน แต่ ก็ขาดไม่ได้เช่นเดียวกันในการต่อสู้
ดังนั้น การต่อสู้จึงจำเป็นที่จะต้องเอื้อกันทั้งสองแนวทาง ในสภาวะอิสระในการสั่งการ
เช่นการปิดล้อมของทหารเมื่อครั้ง๑๙กย.๕๓ ถ้ามีการสั่งการแบบอิสระ หน่วยรบแท้จริงไม่รวมตัวกันเป็นกลุ่มแล้วมาชุมนุมร่วม แอบติดต่อกันในทางลับ ปฏิบัติงานอยู่นอกอาณาเขตุที่โดนปิดล้อม เชื่อว่าทหารคงไม่สามารถฆ่าประชาชนได้สะดวกแบบนั้นได้แน่นอน อย่างน้อยต้องมีหน่วยซุ่มโจมตีระวังหลัง คอยออกมาตีโอบแบบฉาบฉวย คอยกวนป่วนทำลายให้ทำให้ทหารทำงานไม่สะดวกห่วงหน้าพะวงหลัง แผนที่วางมาเพื่อฆ่าประชาชนอย่างนิ่มๆต้องสะดุดผิดเพี้ยน ไม่มากก็น้อย ส่วนคนเสื้อแดงจะตายน้อยหรือตายมากนั้นเดาไม่ออก แต่รู้แน่ๆ ไม่ตายข้างเดียวแล้วถูกใส่ร้ายอย่างหน้าด้านแบบนี้แน่

๓. ครั้งที่จะมาถึงนี้ ต้องรุนแรงและหนักหน่วง กลุ่มแต่ละกลุ่มนำกันเอง ใครโดนก็โดนไปที่เหลือสู้ต่อ ให้ฟังแต่ข่าวฝ่ายเราอย่างเดียว ใครฉวยโอกาสได้ ทำงานใหญ่ไปเลย
แยกย้ายกันทำให้กระจายไปทั่ว ไม่มีการตั้งเวทีโดดเด่นแต่ละคนอีกแล้ว ร่วมกันเดินและให้เดินไปทั่วทุกถนน มีคำขวัญเดียวที่จะพูด 
“กูไม่เอามึง”
มาครั้งนี้เพื่อทวงชีวิตคืนให้กับพี่น้องเสื้อแดงที่ตายไปเท่านั้น
ปิดธนาคารทุกแห่ง
ปิดกรมสรรพกร
ปิดคลังจังหวัดทุกแห่ง
ปิดห้างสรรพสินค้าให้เจ้งกันไปข้างหนึ่งเลย
มันอยากยิงก็สู้กันซักตั้ง ไม่มานั่งรวมกลุ่มให้มันยิงอีกแล้ว ใช้ทุกวิชาที่มีอยู่สู้และโต้ตอบทันทีทันควัน หนีหลบซ่อนแล้วดักซุ่มเผาค่ายทหาร ทำลายสถานที่ราชการ ที่เป็นทางผ่าน

ถ้า..มีคนตายเกินหลักพันเมื่อไร และศพไม่สูญหาย รัฐบาลหรือทหารชนะไม่ได้แน่นอน
ทุกอย่างคือมิคสัญญี ประเทศไม่เป็นประเทศอีกต่อไปแล้ว สูงที่สุดไม่สามารถสั่งการอีกต่อไป เศรษฐกิจล่มสลายโดยเฉพาะธนาคารหยุดกิจการยาวนานไปเลย คนใหญ่คนโตไม่มีที่ซุกหัวนอน
เมื่อรัฐไม่สามารถนำเงินมาจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่รัฐได้ คนของรัฐก็หมดน้ำยา
ประชาชนชนะแน่นอน แต่ต้องถามต่อไปอีกว่าชนะแล้วจะทำอย่างไรต่อแค่นั้น(กัดกันเองต่ออีกหรือไม่)


สามคำตอบที่ให้นี้ อาจไม่ถูกใจคนที่ถาม
แต่ให้ทุกท่านตรองดู
ใช่ไหมแบบนี้ ?


หมายเหตุ...กระทู้นี้ ขอยกเครดิตทั้งหมดให้กับผู้ที่ใช้นามว่า “ยาจก” แห่งห้องไทยว้อยซ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น