ควรให้ความเคารพในมติและทิศทางการเดินของมวลชนส่วนใหญ่
ในสงครามความคิดที่กำลังช่วงชิงมวลชนกันระหว่างประชาธิปไตยและเผด็จการนั้น ในโลกความเป็นจริงแล้วประชาชนส่วนใหญ่เท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสิน เป็นส่วนที่จะเลือกทางเดินของพวกเขาเอง ไม่ว่าใครจะยอมสยบหรือขัดขืนไม่สำเร็จในระบอบเผด็จการหรือใครเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จในการจัดการล้มล้างระบอบเผด็จการลงได้และได้ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง(รวมทั้งประชาชนส่วนที่เป็นฝ่ายชอบเผด็จการด้วย) หนทางของเขาเหล่านั้นมันช่างลำบากยากยิ่งเหลือคณานับ ต้องต่อสู้กับฝ่ายเผด็จการที่มีทั้งอำนาจบารมีสมัครพรรคพวกในฝ่ายถืออาวุธและประชาชนที่นิยมชมชอบบางส่วน และแม้กระทั่งในฝ่ายประชาชนพวกเดียวกันเองแต่หลากหลายความคิดที่ไม่เห็นด้วยในยุทธวิธีและยุทธศาสตร์การเดิน
สิ่งที่มวลชนเห็นด้วยและเดินทางไปนั้นนับว่าเป็นตรรกะในระบอบที่เรียกตัวมันเองว่าประชาธิปไตยเพราะมันได้แสดงตรรกะให้เห็นถึงจำนวนเสียงจำนวนผู้คนที่ได้มีความเห็นพ้องต้องกันและได้แสดงเป็นจำนวนการรวมตัวกันในที่สาธารณะต่อสังคมส่วนใหญ่ให้ฝ่ายเผด็จการและฝ่ายเดียวกันในส่วนที่เห็นต่างได้แลเห็นว่า เขาได้แสดงจำนวนและมติแล้วนะว่าเขา"เห็นด้วย"กับการเคลื่อนไหวในลักษณะแบบนั้นในแนวทางนั้น การจะไปบังคับกะเกณฑ์ความคิดของใครผู้ใดนั้นต้องยอมรับกันว่าไม่สามารถกระทำตามใจใครได้ อันนี้ต้องเคารพความคิดเห็นของการแสดงมติของมวลชนให้จงหนัก
การที่มีผู้มีคุณวุฒิในทางการศึกษามาวิพากษ์วิจารณ์ในแนวทางของตนเองเหมือนจะต้องการให้คนอื่นต้องทำอย่างนั้นซีอย่างนี้ซิถึงจะเรียกได้ว่าชัดเจน ซึ่งการแสดงความคิดเห็นอย่างนั้นๆเป็นอิสระเป็นสิทธิเสรีภาพที่ระบอบประชาธิปไตยนั้นถือเป็นหัวใจและต้องเคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกันและเป็นสิทธิที่กระทำได้ ส่วนความคิดเห็นที่แสดงออกมาจะแสดงในบริบทที่จะต้องการอยากจะให้ผู้ที่ถูกวิพากษ์นั้นจะต้องนำไปปฏิบัติหรือจะต้องเห็นด้วยและต้องกระทำอย่างนั้นอย่างนี้ที่ตนเองต้องการนั้น นับว่าเป็นการบังคับซึ่งไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นเชิงวิพากษ์ที่สร้างสรรนัก
การจัดการทางความคิดให้คนส่วนใหญ่และสังคมได้แลเห็นนั้น นับว่าละเอียดอ่อนเป็นอย่างยิ่ง ถ้าการวิพากษ์และชี้นำจนเกินงามไปเพื่อจะกำหนดให้คนอื่นจำต้องกระทำตามแบบอย่างที่ตนกระทำและต้องการจะให้แสดงนั้นมันก็จะทำให้ตนเองกลายเป็นผู้ที่เกิดความขัดแย้งกับมวลชนในส่วนอื่นๆได้ง่ายๆ หากการกระทำของตนเองที่นับว่ามีความสามารถที่ดีและไม่เหมือนกับคนอื่นนั้นมันเป็นความสามารถที่มาจากการศึกษาสั่งสมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัววิธีการเฉพาะของใครก็ของมันก็ว่ากันไป มวลชนทั้งหลายก็คอยจับตาดูอยู่ว่าแนวคิดและยุทธวิธีใดที่มีความเหมาะสมและควรที่จะให้กำลังใจและก็จะเห็นด้วยเดินตาม มวลชนเป็นปัจเจก มีความเฉพาะตัว มีความหลากหลายทั้งความรู้และความคิด แต่พลังที่แสดงออกมาก็แสดงให้เห็นกันแล้วว่ามวลชนนั้นได้สังเคราะห์แล้วตรงกันโดยไม่ได้นัดหมายในความคิดเห็น เมื่อมีความคิดเห็นดีด้วยในแนวทางการเคลื่อนไหวแบบไหน? มวลชนนั้นก็จะไปแสดงพลังความคิดเห็นให้สาธารณะได้รับรู้ด้วยการรวมตัวกันในทางนั้นโดยพร้องเพรียงกัน
ความเหมาะสมของสถานการณ์มันค่อยๆหล่อหลอมให้มวลชนในสังคมได้เข้าใจการเมืองการปกครองได้เองในตัว มันจะแสดงผ่านเหตุการณ์สำคัญๆต่างๆไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ร้ายๆหรือเหตุการณ์ดีๆและมันก็จะตราตรึงในหัวใจของมวลชนอย่างแน่นหนาอย่างไร้ข้อสงสัย ขบวนการเรียนรู้ของมวลชนในสังคม มันอาจจะไม่ทันอกทันใจใครก็ตามที่อยากหรือมีความต้องการที่จะให้มันรวดเร็วทันอกทันใจและน่าจะเป็นอย่างนั้นน่าจะเป็นอย่างนี้ ถึงอกถึงใจ ถูกอกถูกใจ ตรงกับแนวคิดแนวทางของตนเอง มันก็คงจะเป็นไปได้ยากแต่ก็ไม่ใช่ว่ามวลชนเหล่านั้นเขาจะไม่เข้าใจสภาพและสถานการณ์อย่างแท้จริง หนำซ้ำที่มีคนชอบพูดกันว่ามวลชนเขาล้ำหน้าไปแล้วนะ จะพูดไปทำไมเพื่อให้ตนเองดูดีกว่าแนวคิดของคนอื่นเล่า เมื่อมวลชนล้ำหน้าไปแล้วนั่นน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วเพราะเมื่อจะมีการเคลื่อนไหวแบบใด จะได้ไม่ต้องกลัวว่ามวลชนเหล่านั้นจะไม่เข้าใจยังไงเล่า ส่วนมวลชนเหล่านั้นเขาจะเห็นด้วยเขาก็จะแสดงออกมาด้วยการแสดงพลังร่วมกันเอง ตรงกันข้ามถ้าหากมวลชนเหล่านั้นเขาไม่เห็นด้วยเขาก็จะแสดงพลังด้วยการที่จะไม่ออกไปอย่างพร้อมเพรียงกันยังไงเล่า เรื่องแบบนี้ผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจจิตวิทยามวลชนในทางการเมืองการปกครองต้องทราบและต้องตระหนักได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นการอยากหรือไม่อยากให้ใครต้องเห็นด้วยต้องแสดง ต้องทำอย่างไรนั้น เป็นสิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ได้ไม่เป็นปัญหาในการนำเสนอแต่อย่างใด? แต่จะให้ผู้ใดหรือมวลชนนั้นเห็นด้วยหรือไม่? นับว่าต้องให้ความเคารพในความคิดกันอย่างหนักและอิสระมากยิ่งกว่าที่จะมาปรามาสกันในหลากหลายลักษณะในการวิพากษ์ ด้วยความเคารพในความคิดของปัจเจกชนและผู้ที่ทำการวิพากษ์และนำเสนอแนวคิดให้สาธารณะได้รับทราบ
สิ่งที่จะละเลยมิได้ก็คือฝ่ายเผด็จการก็ชอบที่จะได้แลเห็นขบวนการในฝ่ายตรงกันข้ามเกิดวิวาทะวิพากษ์วิจารณ์กันในเชิงดูถูกดูแคลนกัน ต้องการเห็นการตอบโต้กันในฝ่ายตรงข้ามที่มีความรุนแรงในทางความคิดเพราะฝ่ายเผด็จการได้ติดตามและจะประเมินสถานการณ์การเคลื่อนไหวในทางความคิดของมวลชนในฝากฝั่งตรงกันข้ามอยู่ตลอดเวลา และพวกนั้นมันก็เข้ามาสอดแทรกแสดงความคิดเห็นให้เกิดการตอบโต้ทางความคิดอย่างแยบยลด้วย เพื่อล่อให้เกิดสภาพการณ์ขัดแย้งและนำมาซึ่งการสลายพลังมวลชนไปในที่สุด อย่าหลงไปโดยไม่รู้ตัวจากการติดยึดในความคิดใดความคิดหนึ่งโดยไร้ความอิสระอย่างมีเหตุมีผลด้วยสติและปัญญา
สิ่งที่มวลชนเห็นด้วยและเดินทางไปนั้นนับว่าเป็นตรรกะในระบอบที่เรียกตัวมันเองว่าประชาธิปไตยเพราะมันได้แสดงตรรกะให้เห็นถึงจำนวนเสียงจำนวนผู้คนที่ได้มีความเห็นพ้องต้องกันและได้แสดงเป็นจำนวนการรวมตัวกันในที่สาธารณะต่อสังคมส่วนใหญ่ให้ฝ่ายเผด็จการและฝ่ายเดียวกันในส่วนที่เห็นต่างได้แลเห็นว่า เขาได้แสดงจำนวนและมติแล้วนะว่าเขา"เห็นด้วย"กับการเคลื่อนไหวในลักษณะแบบนั้นในแนวทางนั้น การจะไปบังคับกะเกณฑ์ความคิดของใครผู้ใดนั้นต้องยอมรับกันว่าไม่สามารถกระทำตามใจใครได้ อันนี้ต้องเคารพความคิดเห็นของการแสดงมติของมวลชนให้จงหนัก
การที่มีผู้มีคุณวุฒิในทางการศึกษามาวิพากษ์วิจารณ์ในแนวทางของตนเองเหมือนจะต้องการให้คนอื่นต้องทำอย่างนั้นซีอย่างนี้ซิถึงจะเรียกได้ว่าชัดเจน ซึ่งการแสดงความคิดเห็นอย่างนั้นๆเป็นอิสระเป็นสิทธิเสรีภาพที่ระบอบประชาธิปไตยนั้นถือเป็นหัวใจและต้องเคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกันและเป็นสิทธิที่กระทำได้ ส่วนความคิดเห็นที่แสดงออกมาจะแสดงในบริบทที่จะต้องการอยากจะให้ผู้ที่ถูกวิพากษ์นั้นจะต้องนำไปปฏิบัติหรือจะต้องเห็นด้วยและต้องกระทำอย่างนั้นอย่างนี้ที่ตนเองต้องการนั้น นับว่าเป็นการบังคับซึ่งไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นเชิงวิพากษ์ที่สร้างสรรนัก
การจัดการทางความคิดให้คนส่วนใหญ่และสังคมได้แลเห็นนั้น นับว่าละเอียดอ่อนเป็นอย่างยิ่ง ถ้าการวิพากษ์และชี้นำจนเกินงามไปเพื่อจะกำหนดให้คนอื่นจำต้องกระทำตามแบบอย่างที่ตนกระทำและต้องการจะให้แสดงนั้นมันก็จะทำให้ตนเองกลายเป็นผู้ที่เกิดความขัดแย้งกับมวลชนในส่วนอื่นๆได้ง่ายๆ หากการกระทำของตนเองที่นับว่ามีความสามารถที่ดีและไม่เหมือนกับคนอื่นนั้นมันเป็นความสามารถที่มาจากการศึกษาสั่งสมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัววิธีการเฉพาะของใครก็ของมันก็ว่ากันไป มวลชนทั้งหลายก็คอยจับตาดูอยู่ว่าแนวคิดและยุทธวิธีใดที่มีความเหมาะสมและควรที่จะให้กำลังใจและก็จะเห็นด้วยเดินตาม มวลชนเป็นปัจเจก มีความเฉพาะตัว มีความหลากหลายทั้งความรู้และความคิด แต่พลังที่แสดงออกมาก็แสดงให้เห็นกันแล้วว่ามวลชนนั้นได้สังเคราะห์แล้วตรงกันโดยไม่ได้นัดหมายในความคิดเห็น เมื่อมีความคิดเห็นดีด้วยในแนวทางการเคลื่อนไหวแบบไหน? มวลชนนั้นก็จะไปแสดงพลังความคิดเห็นให้สาธารณะได้รับรู้ด้วยการรวมตัวกันในทางนั้นโดยพร้องเพรียงกัน
ความเหมาะสมของสถานการณ์มันค่อยๆหล่อหลอมให้มวลชนในสังคมได้เข้าใจการเมืองการปกครองได้เองในตัว มันจะแสดงผ่านเหตุการณ์สำคัญๆต่างๆไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ร้ายๆหรือเหตุการณ์ดีๆและมันก็จะตราตรึงในหัวใจของมวลชนอย่างแน่นหนาอย่างไร้ข้อสงสัย ขบวนการเรียนรู้ของมวลชนในสังคม มันอาจจะไม่ทันอกทันใจใครก็ตามที่อยากหรือมีความต้องการที่จะให้มันรวดเร็วทันอกทันใจและน่าจะเป็นอย่างนั้นน่าจะเป็นอย่างนี้ ถึงอกถึงใจ ถูกอกถูกใจ ตรงกับแนวคิดแนวทางของตนเอง มันก็คงจะเป็นไปได้ยากแต่ก็ไม่ใช่ว่ามวลชนเหล่านั้นเขาจะไม่เข้าใจสภาพและสถานการณ์อย่างแท้จริง หนำซ้ำที่มีคนชอบพูดกันว่ามวลชนเขาล้ำหน้าไปแล้วนะ จะพูดไปทำไมเพื่อให้ตนเองดูดีกว่าแนวคิดของคนอื่นเล่า เมื่อมวลชนล้ำหน้าไปแล้วนั่นน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วเพราะเมื่อจะมีการเคลื่อนไหวแบบใด จะได้ไม่ต้องกลัวว่ามวลชนเหล่านั้นจะไม่เข้าใจยังไงเล่า ส่วนมวลชนเหล่านั้นเขาจะเห็นด้วยเขาก็จะแสดงออกมาด้วยการแสดงพลังร่วมกันเอง ตรงกันข้ามถ้าหากมวลชนเหล่านั้นเขาไม่เห็นด้วยเขาก็จะแสดงพลังด้วยการที่จะไม่ออกไปอย่างพร้อมเพรียงกันยังไงเล่า เรื่องแบบนี้ผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจจิตวิทยามวลชนในทางการเมืองการปกครองต้องทราบและต้องตระหนักได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นการอยากหรือไม่อยากให้ใครต้องเห็นด้วยต้องแสดง ต้องทำอย่างไรนั้น เป็นสิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ได้ไม่เป็นปัญหาในการนำเสนอแต่อย่างใด? แต่จะให้ผู้ใดหรือมวลชนนั้นเห็นด้วยหรือไม่? นับว่าต้องให้ความเคารพในความคิดกันอย่างหนักและอิสระมากยิ่งกว่าที่จะมาปรามาสกันในหลากหลายลักษณะในการวิพากษ์ ด้วยความเคารพในความคิดของปัจเจกชนและผู้ที่ทำการวิพากษ์และนำเสนอแนวคิดให้สาธารณะได้รับทราบ
สิ่งที่จะละเลยมิได้ก็คือฝ่ายเผด็จการก็ชอบที่จะได้แลเห็นขบวนการในฝ่ายตรงกันข้ามเกิดวิวาทะวิพากษ์วิจารณ์กันในเชิงดูถูกดูแคลนกัน ต้องการเห็นการตอบโต้กันในฝ่ายตรงข้ามที่มีความรุนแรงในทางความคิดเพราะฝ่ายเผด็จการได้ติดตามและจะประเมินสถานการณ์การเคลื่อนไหวในทางความคิดของมวลชนในฝากฝั่งตรงกันข้ามอยู่ตลอดเวลา และพวกนั้นมันก็เข้ามาสอดแทรกแสดงความคิดเห็นให้เกิดการตอบโต้ทางความคิดอย่างแยบยลด้วย เพื่อล่อให้เกิดสภาพการณ์ขัดแย้งและนำมาซึ่งการสลายพลังมวลชนไปในที่สุด อย่าหลงไปโดยไม่รู้ตัวจากการติดยึดในความคิดใดความคิดหนึ่งโดยไร้ความอิสระอย่างมีเหตุมีผลด้วยสติและปัญญา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น