วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2554


*‘สมยศ’คิดฆ่าตัวตายในเรือนจำ


       เรื่องจากปก
         จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
         ปีที่ 12 ฉบับที่ 3054 ประจำวัน จันทร์ ที่ 16 พฤษภาคม 2011
           http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=10673
         “สมยศ” เผยผ่านทนายความเคยคิดฆ่าตัวตายในเรือนจำช่วงที่เข้ามาอยู่ใหม่ๆ เพราะทำใจไม่ได้ที่ตกเป็นเหยื่อของการทำลายล้างทางการเมืองโดยใช้ข้ออ้างผิดมาตรา 112 แต่ได้รับการปลอบใจจากผู้คุมและกำลังใจจากเพื่อนที่ไปเยี่ยม ทำให้ต้องรักษาชีวิตเพื่อรออิสรภาพ ระบุการที่ศาลไม่ให้ประกันตัวด้วยเหตุผลคดีมีอัตราโทษสูงเกรงว่าจะหลบหนีเท่ากับเป็นการตัดสินความผิดไว้ล่วงหน้า เชื่อถูกจับเพราะเป็นหัวขบวนล่า 10,000 รายชื่อเพื่อยื่นสภาแก้ไขมาตรา 112 หวังจะมีผู้สานต่อจนประสบความสำเร็จ

นายสุวิทย์ ทองนวล ทนายความนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ถ่ายทอดความในใจของนายสมยศที่เปิดเผยผ่านกรงขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยระบุถึงที่มาของการถูกดำเนินคดีว่า ผมเป็นบรรณาธิการบริหารนิตยสาร Voice of Taksin ซึ่งเป็นสื่อกลางทางด้านความคิด การแสดงความคิดเห็น เป็นปากเสียงสำหรับผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรมในสังคมทุกชนชั้น เป็นสื่ออิสระที่เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่


ถูกตีความผิดมาตรา 112


มีนักเขียนใช้นามแฝงว่า “จิตร พลจันทร์” ได้เขียนบทความส่งมาให้ประจำทุกเดือน ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจึงมีการตีพิมพ์อย่างต่อเนื่องทุกฉบับ ไม่ปรากฏว่ามีปัญหาแง่มุมทางกฎหมายจึงปล่อยให้มีการนำตีพิมพ์อย่างต่อเนื่องเป็นปรกติ จนกระทั่งถึงเดือน ก.พ. และ มี.ค. 2553 บทความของ “จิตร พลจันทร์” บางท่อนถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำมาตีความว่าเข้าข่ายมีความผิดตามมาตรา 112


ข่ายความผิดมาตรา 112 เกินขอบเขต


“ผมนึกไม่ถึงเลยว่ามาตรา 112 จะมีการนำมาตีความ ขยายความจนเกินขอบเขต ผมเคยวิพากษ์วิจารณ์มาตรา 112 อย่างเปิดเผยมาแล้วว่า เป็นกฎหมายที่กลายเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งและทำลายล้างทางการเมือง บัดนี้มาตรา 112 ได้กลายเป็นอาวุธฆ่าผมในฐานะเหยื่อ แต่คงไม่ใช่รายสุดท้าย มาตรา 112 ชี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นเครื่องมือในการลิดรอนสิทธิ เสรีภาพ การแสดงความคิดเห็น การวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมือง ทำให้สังคมไทยตกอยู่ในสภาพมืดมน เงียบงัน และหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น สื่อมวลชนทั้งหมดจึงหลีกเลี่ยงจะนำเสนอข่าวหรือความคิดเห็นในประเด็นที่เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์”


ยันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ “ทักษิณ”


นายสมยศระบุว่า การทำหน้าที่สื่อมวลชนด้วยความกล้าหาญของ Voice of Taksin ทำให้ชนชั้นปกครองเกลียดชังและใช้วิธีสารพัดในการทำลาย Voice of Taksin ให้หมดไป ขอยืนยันว่า Voice of Taksin ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอดีตนายยกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เลย เป็นเพียงชื่อทางการตลาด เพราะชื่อนี้ขายได้ มีคนหลายหมื่นคนติดตามอ่าน มียอดขายดีมากโดยพิมพ์ครั้งละไม่ต่ำกว่า 25,000-30,000 เล่ม


ทำสื่อเสนอความจริงอีกแง่มุม


“สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณผมถือว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการเมือง เราจึงควรนำเสนอความจริงในอีกมุมมองหนึ่งที่แตกต่างไปจากสื่อกระแสหลักทั่วไป อันที่จริงรัฐบาลสั่งปิดนิตยสาร Voice of Taksin ไปแล้วเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2553 ตำรวจบุกเข้ามาจับตัวผมพร้อมยึดรูปภาพเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อวันที่ 10 เม.ย. กับ 19 พ.ค. 2553 และเอาตัวผมไปขังไว้ที่ค่ายทหารม้าแล้ว ผมเลิกผลิต Voice of Taksin ไปแล้ว คราวนั้นเสียหายถึง 600,000 บาท พอผมหลุดพ้นจากค่ายทหารม้ามาทำนิตยสาร Red Power ทำได้ 5 เล่มก็ถูกสั่งปิดโรงพิมพ์ เจ้าของโรงพิมพ์ต้องเสียหายร่วม 10 ล้านบาท ผมเองก็ไม่สบายใจที่เป็นเหตุทำให้เขาต้องเสียหาย ผมพยายามทำเล่ม 6 ต่อเพื่อที่จะชดเชยช่วยเจ้าของโรงพิมพ์ด้วยสามัญสำนึกและคุณธรรมที่จะต้องช่วยเหลือเขาบ้าง แต่ต่อมาก็ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นข้อหาร้ายแรงที่สุดถึงขนาดไม่ให้ประกันตัว จึงช่วยอะไรเขาไม่ได้”


ตั้งคำถามทำไมไม่จับกุมก่อนหน้านี้


นายสมยศกล่าวว่า หลังศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้เปิดเผยเรื่องผังล้มเจ้าในช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดง ดีเอสไอไปสอบสวนทีมงาน Voice of Taksin หลายคน จนกระทั่งขออนุมัติหมายจับเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2554 ส่วนตัวไม่ทราบเรื่องหมายจับและใช้ชีวิตปรกติ ทำนิตยสาร Red Power ออกมาหลายฉบับ ยังมีการจัดแถลงข่าวในนามกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ไปขึ้นเวทีปราศรัยหลายแห่งแต่ไม่ถูกจับกุม กระทั่งวันที่พาคณะท่องเที่ยวชาวไทยไปเที่ยวนครวัด ประเทศกัมพูชา ในวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมาจึงถูกจับ
จับที่ชายแดนเพื่อไม่ให้ประกันตัว


“ผมไม่ได้คิดจะหนี เพราะถ้าหนีคงไม่ไปยื่นหนังสือเดินทางกับเจ้าหน้าที่ตรวจหนังสือเดินทางที่ด่านอรัญประเทศ ผมทำธุรกิจท่องเที่ยว พาคนไปนครวัดเป็นประจำทุกเดือน มีการโฆษณาในนิตยสาร Red Power ชัดเจน แต่ดีเอสไอใช้ข้ออ้างว่าจับกุมได้ขณะเดินทางไปต่างประเทศ กำลังจะหลบหนี เป็นเรื่องของการกลั่นแกล้งเพื่อใช้เป็นเหตุผลไม่ให้ประกันตัว”


นายสมยศกล่าวอีกว่า ที่ศาลไม่ให้ประกันตัวด้วยเหตุผลเหมือนกับผู้ต้องหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพรายอื่นคือ คดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี ถือว่าเป็นการตัดสินความผิดไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะต่อสู้ให้ได้รับอิสรภาพอันพึงมีพึงได้ต่อไป


ทำใจก่อนแล้วสักวันต้องสิ้นอิสรภาพ


นายสมยศกล่าวถึงสภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำว่า การสูญเสียอิสรภาพเป็นความทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ ผมเป็นเพียงเหยื่อของระบบการเมือง การปกครองที่เลวร้าย เป็นเผด็จการ แม้ก่อนหน้านี่จะทำใจไว้แล้วว่ามีโอกาสต้องเข้ามาอยู่ในเรือนจำเพราะถูกกล่าวหาหลายคดีจากการต่อสู้ทางการเมือง เพื่อให้ได้สังคมที่ดีกว่าเดิม สังคมที่มีความเสมอภาคเท่าเทียม สังคมที่มีสิทธิเสรีภาพและเป็นประชาธิปไตย การถูกคุมขังทำให้เสียโอกาสในการทำมาหากินและต่อสู้เพื่อส่วนรวม


เคยคิดฆ่าตัวตายในเรือนจำ


“2-3 วันแรกในเรือนจำผมเศร้าหมอง กลางคืนนอนร้องไห้ กลางวันผมกินข้าวพร้อมน้ำตาอยู่หลายมื้อ ผมคิดจะฆ่าตัวตายในคุก เจ้าหน้าที่ในคุกคอยปลอบใจให้ข้อคิดหลายอย่าง กว่าจะสงบสติอารมณ์ได้ก็หลายวันในการปรับตัว และต้องทำจิตใจให้สงบหนักแน่นเพื่อรักษาชีวิตให้ยืนยาวต่อไป ผมมีโอกาสเจอคุณสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 เหมือนกัน ได้ช่วยเตือนสติให้รักษาชีวิตและรักษาลมหายใจไว้เพื่อรอคอยวันที่จะได้รับอิสรภาพ” นายสมยศกล่าวและว่า ทุกวันนี้ใช้ชีวิตเพื่อรอคอยวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เพราะมีโอกาสได้พบญาติ ซึ่งทั้งหมดคือคนที่ร่วมต่อสู้อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ในการต่อต้านรัฐประหารและต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคม แม้ว่าได้พบหน้ากันผ่านกระจกหนาทึบ ได้คุยกันไม่กี่คำด้วยเวลาเพียง 20 นาที (11.00-11.20 น.) ก็ตาม แต่ทำให้มีชีวิตอยู่ได้เพื่อรอคอยอิสรภาพ หากไม่มี 20 นาทีพบญาติมิตรคงเหี่ยวเฉาหมดหวังในชีวิต และอาจฆ่าตัวตายได้


หวังมีคนสานต่อล่าหมื่นชื่อแก้ ม.112


นายสมยศแสดงความหวังว่า การสูญเสียอิสรภาพของผมและอีกหลายคนในข้อหาต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จะเป็นประกายไฟของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง และเพื่อความเป็นธรรมในสังคม หวังว่าประชาชนจะเข้าชื่อให้ได้ 10,000 ชื่อขึ้นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 163 เพื่อขอให้รัฐสภาแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 นี้คือการต่อสู้อย่างสันติวิธีที่ดีที่สุดในขณะนี้


“ผมเชื่อว่าผู้ที่สั่งจับกุมคงโกรธแค้นและไม่พอใจที่ผมเป็นหัวขบวนนำล่ารายชื่อให้แก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา112”


************************
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น