วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ฟีฟ่ายกเลิกใช้สนามหนองจอก

กทม.โกหก! "ชุมพล" แฉ "ฟีฟ่ายกเลิกใช้สนามหนองจอกแล้ว!!!"

เมื่อเวลา 16.45 น. วันนี้ (18 ต.ค.) นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ออกโรงสับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ กรุงเทพมหานคร ที่เป็นฝ่ายดูแลการจัดการสนามแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก ที่ประเทศไทย รับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน แต่ไม่ทีท่าว่าจะสร้างสนามที่หนองจอกเสร็จสิ้นแต่อย่างใด จนฟีฟ่าอดทนไม่ไหว ใช้อินดอร์สเตเดียมหัวหมาก เป็นสนามพิธีเปิดและปิดการแข่งขันแทน
      
       เมื่อเวลา 10.00 น.ประชุมคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา เรื่องพิจารณาการเตรียมความพร้อมการจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 (ครั้งที่ 7) ณ สนามบางกอก ฟุตซอล อารีนา เขตหนองจอก อาคารอินดอร์สเตเดียม หัวหมาก อาคารนิมิบุตร และจังหวัดนครราชสีมา ในการเตรียมปรับโปรแกรมการแข่งขัน กรณีที่สนามฟุตซอลที่หนองจอก ซึ่งเดิมกำหนดใช้เป็นสถานที่พิธีเปิดและปิดการแข่งขัน เสร็จสิ้นไม่ทันกำหนดการ โดยมี นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เข้าชี้แจงต่อ นางนฤมล ศิริวัฒน์ ประธานกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา ที่ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ 309 อาคารรัฐสภา 2 เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา
      
       โดยเริ่มประชุม นางนฤมล ปธ.กมธ.ส.ว.กีฬา ได้ทวงถามถึงความคืบหน้าของสนามต่อนายชุมพล ว่า เหตุใดจึงเสร็จไม่ทันกำหนดการที่ทางฟีฟาตั้งไว้ก่อนหน้า ทาง รมต.กีฬา จึงได้กล่าวในที่ประชุม ผมขอชี้แจงดังนี้ ว่า ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ.2553 สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตนดำรงตำหน่ง รมว.กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ได้เสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก และได้เสนอสนามที่จะใช้เป็นสนามหลักในการจัดพิธีเปิดและปิดการแข่งขัน ไว้ 3 แห่ง คือ อินดอร์สเตเดียม, อาคารนิมิบุตร และมักกะสัน ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ก็เห็นด้วยที่จะให้ที่ดินการกีฬาแห่งประเทศไทย บริเวณสนามยิงเป้าบิน ดำเนินสร้างสนามการแข่งขันฟุตซอลโลก แต่ต่อมา ทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ก็เป็นฝ่ายดึงเรื่องนี้ไปจัดการเอง และมอบหมายให้กรุงเทพมหานครเป็นฝ่ายจัดการเรื่องสนาม โดย ก.กีฬา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย และได้เบิกงบประมาณกับรัฐบาลเป็นจำนวนเงิน 1,239 ล้านบาท และได้รับการอนุมัติเมื่อปลายปี 2554 และเริ่มดำเนินการสร้างเมื่อต้นปี 2555 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งไม่มีทีท่าว่าแล้วเสร็จ จนฟีฟ่าออกจดหมายล้มเลิกใช้สนามที่หนองจอกเป็นสถานที่พิธีเปิดและปิดการแข่งขัน
      
       “อย่างไรก็ดี ผมเห็นว่า การจะสร้างสนามฟุตซอล บริเวณที่ดินหนองจอกนั้น เห็นว่า ห่างไกลจากเมืองพอสมควร และการเดินทางจากสนามห่างจากที่พักของนักกีฬาเกินครึ่งชั่วโมงตามที่ฟีฟากำหนด ทางกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา จึงเห็นว่า จะต้องมีปัญหา และคาดการณ์ว่าสนามฟุตซอลที่หนองจอกนั้นเสร็จไม่ทันแน่นอน เพราะในขณะนั้นสนามที่หนองจอกเริ่มดำเนินสร้างเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทาง ก.กีฬา จึงได้ดำเนินการปรับปรุงสนามทั้งอินดอร์สเตเดียม ที่หัวหมาก รวมถึง สนามนิมิบุตร ภายในสนามกีฬาแห่งชาติ เพื่อเป็นที่รองรับอีกทีหนึ่ง ก่อนที่ทางฟีฟ่าจะยกเลิกการส่งมอบสนามบางกอก ฟุตซอล อารีนา ที่หนองจอก ตามข่าวที่ผ่านมา เพื่อจะได้คลายความกังวลหากทางกรรมาธิการการกีฬา เป็นห่วงว่าหาสนามแข่งขันไม่ได้นายชุมพล กล่าวต่อ
      
       ทั้งนี้ รมว.กีฬา ยังได้ออกโรงยื่นมือช่วย กรุงเทพมหานคร ต่ออีกด้วยว่า ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ในขณะนี้ หากมีความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ การจัดการ แต่เราก็ไม่อาจก้าวก่ายไม่ได้เสียทีเดียวในทุกเรื่องเสมอไปเช่นกัน
      
       ด้าน บิ๊กหนุ่มกนกพันธุ์ เผยถึงเรื่องดังกล่าว ว่า การที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยเข้ามารับหน้าที่จัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก และตั้งคณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตซอลขึ้นมาเอง ก็ถือว่าไม่ได้ผิด เพราะการกีฬาแห่งประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด สมาคมจึงมีหน้าที่จัดการไป ส่วนตัวเห็นว่าหากสนามบางกอก ฟุตซอล อารีนา เสร็จสิ้นเมื่อไหร่ก็จะเป็นประโยชน์ในการจัดการแข่งขันกีฬาชนิดอื่นๆ หากมีการเสนอจัดการแข่งขันคราวหน้าก็จะใช้สถานที่แห่งนี้ได้ทันที
      
       ผู้ว่าการการกีฬาฯ ยังเผยงบประมาณในการสร้างสนามอินดอร์สเตเดียม หัวหมาก เราใช้งบประมาณในการปรับปรุงสนาม ไม่ว่าจะเป็นการปรับพื้นสนามจากพื้นยางเป็นปูพื้นบล็อกปาร์เก ตามที่ฟีฟากำหนด รวมถึงติดตั้งสกอร์บอร์ดในสนาม การติดตั้งโต๊ะ เก้าอี้ หรืออุปกรณ์ต่างๆรวมทั้งสิ้นประมาณ 170 ล้านบาท แต่เรายังไม่มีเอกสารรับรองสนามอินดอร์สเตเดียม เป็นสนามพิธีเปิดและปิดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก จากทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า เลย เพิ่งทราบจากสื่อมวลชนเช่นกัน
      
       สุดท้าย เจ๊มลก็ได้แสดงความเห็นใจต่อเรื่อราวทั้งหมด ว่า ทางคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา ก็มีความเห็นใจต่อกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่มีเรื่องขัดแย้งกันในมุมทางการเมือง กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เพราะทาง ส.บอล เป็นคนรับหน้าที่จัดการเองทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น การที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯจะเข้ามาเกี่ยวข้องดูจะเป็นการก้าวล้ำเกินขอบเขตในส่วนนี้ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น