วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ความชอบธรรมในการฆ่าประชาชน

 เพราะมีชายชุดดำ จึงชอบธรรม ในการฆ่าประชาชน!!!
(อ้างอิงจากเวบไซท์ประชาไท)

          คุณอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  จบคำพูดในรายการเวที  “ผ่าความจริง”  ที่พรรคประชาธิปัตย์จัดในห้องสวนลุมพินีวันที่ 13 ตุลาคม 2555 ด้วยใบหน้ายิ้มเยาะพร้อมเอ่ยวาจาเย้ยหยัน  ถ้าการชุมนุมของคนเสื้อแดงไม่มีชายชุดดำ  ไม่มีกองกำลังอาวุธ  ก็ไม่มีคนตายจากการปราบปรามโดยเจ้าหน้าที่รัฐ  ผู้เขียนฟังด้วยความสมเพชว่าคุณอภิสิทธิ์รู้หรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา  นี่คงคิดว่าเป็นข้อแก้ตัวที่มีเหตุผลที่สุดในการใช้กำลังทหารจัดการกับประชาชนจนบาดเจ็บเสียชีวิตมากที่สุดนับแต่มีการลุกขึ้นประท้วงในท้องถนนซึ่งเกิดนับจากปี 2516 เป็นต้นมา  นี่คุณอภิสิทธิ์สารภาพออกมาแล้วว่าเหตุผลที่เอามาอ้างในการปราบปรามประชาชนรุนแรงก็ง่าย ๆ แค่นี้เอง  คือ  ก็พวกเอ็งมีกองกำลังอาวุธนี่  แม้หนึ่งคน  ห้าคนก็ตาม

          ทั้งนี้การใช้กระสุนจริงยิงประชาชนมีตั้งแต่ตอนบ่าย  มีคนเสียชีวิต 1 คน ส่งไปที่โรงพยาบาลวชิระ  จากนั้นประชาชนก็ตายและทหารก็ตาย  บาดเจ็บตั้งแต่ช่วงหัวค่ำเพราะมีทั้งการใช้กระสุนจริง  กระสุนยาง  และแก๊สน้ำตา  การเสียชีวิตสิ้นสุดก่อน 20.20 น.  ซึ่งเป็นเวลาที่พบผู้ถืออาวุธไม่ทราบฝ่าย  แต่จากปากคำประจักษ์พยานและวัตถุพยานและผลการสืบสวน สอบสวนในวันที่ 10 เมษายน ไม่มีใครพบ “ชายชุดดำ” ของอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ ณ. บริเวณที่มีการตายเกิดขึ้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ทหารเสียชีวิต  มีกำลังทหารและรถเกราะเต็มไปหมด  เป็นไปไม่ได้ที่จะมีชายชุดดำเข้ามาใช้ M67 ขว้างในรัศมีประมาณ 50 เมตรได้อย่างแม่นยำตรงที่มีผู้บังคับบัญชาระดับสูงอยู่  และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่พรรคประชาธิปัตย์จะอ้างตามคอป.ว่า  มีคนไปอยู่บนบ้านไม้โบราณและขว้างระเบิดลงมา  เพราะทหารเต็มไปหมดแถวยืนอยู่บนรถเกราะสูงระดับตามองเห็นทั่ว   ถ้ามีคนชุดดำ  จริงยิงทหารที่ยืนเด่นอยู่ไม่ง่ายกว่าหรือไร?  นี่ยังไม่ต้องพูดถึงการประดิษฐ์วาทกรรมเรื่องชายชุดดำยิงสู้กับทหารที่วัดปทุมและตั้งข้อสงสัยเรื่องเสื้อกาชาด  วิธีคิดประดิษฐ์เรื่องราวที่มาต่อสู้ประเด็นต่าง ๆ ที่มีการยิงจากรถรางไฟฟ้าที่วัดปทุมนั้นเหนือความคาดหมายอย่างยิ่ง  ประหนึ่งว่าถ้าสร้างภาพชายชุดดำออกมาแล้ว  พวกเขาก็ชอบธรรมที่จะฆ่าประชาชนมือเปล่าได้  แถมยังมีการบีบน้ำตาจากตนตัวดำ  ใจดำ  แบบเดียวกับที่เคยทำที่แยกราชประสงค์เพื่อเรียกคะแนนเสียงก่อนเลือกตั้ง

            พรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นพวกหลงอดีตอยู่กับวิธีการประดิษฐ์วาทกรรม  ใส่ร้ายป้ายสี  พูดเท็จ  เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น  ทั้ง ๆ ที่มีคนรุ่นใหม่เข้ามาอยู่ในพรรคเป็นจำนวนมาก  ตั้งแต่นายกรณ์  จาติกวนิช  ที่ใช้ตรรกะว่า  คนที่สร้างเหตุการณ์ความรุนแรงเป็นผู้ได้ประโยชน์  การได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งนั้นตรงข้ามกับที่พวกคุณคิด  ก็คือประชาชนเขาเชื่อว่าผู้ชุมนุมบริสุทธิ์  ไม่ใช่พวกก่อความรุนแรง  การสร้างความรุนแรงกลับกลายเป็นปัญหาและอุปสรรคในการต่อสู้ทางการเมือง  ดังนั้นอย่ามาใช้ตรรกะว่า  ให้พวกเสื้อแดงใช้ความรุนแรงแล้วพรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณได้ประโยชน์  นี่มันตรรกะที่ผิด  หรือพวกคุณเชื่ออย่างนี้จึงพยายามใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชน  คิดว่าจะทำให้ได้เปรียบทาง การเมือง  ตรงข้าม  ประชาชนกลับเกลียดชัง  คนหนุ่ม ๆ แท้ ๆ หลงยุค  กลายเป็นพวกจารีตนิยม  ป่าเถื่อน  การพยายามออกมาสร้างภาพชายชุดดำโดยขยายผลจากหน่วยงานความมั่นคงและคอป.  แสดงถึงเครือข่ายโยงใยทั้งความคิดและการกระทำในบทบาทต่าง ๆ กัน  ล้วนมีเป้าหมายในการแก้ตัวให้กับข้อหาฆ่าประชาชนโดยหวังจะทำให้สังคมหลงเชื่อ  ไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐานใด ๆ  ใช้การแสดงและวาทกรรมเพื่อครอบงำความคิดคนให้ไปในทิศทางที่ตนต้องการ  แต่ไม่ได้คิดว่าหลักฐาน  พยาน ทั้งคนไทย  คนต่างประเทศ  ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนับพันล้วนชัดเจนว่าการตาย, บาดเจ็บเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ  เพราะสายตาพวกเขาเห็นแต่ชายชุดเขียวและชายนอกเครื่องแบบติดอาวุธที่อยู่กับทหาร


           นายมิเชล  มาส  ผุ้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์โฟลกส์ครานต์และสถานีวิทยุโทรทัศน์เอ็นโอเอสของเนเธอร์แลนด์เป็นหนึ่งในผู้สื่อข่าวที่ได้รับบาดเจ็บมาให้ปากคำกับดีเอสไอในฐานะพยานเหตุการณ์คดีการเสียชีวิตของนักข่าวชาวอิตาเลียน  ฟาบิโอ  โปเลนสกี  และฐานะผู้เสียหายเนื่องจากถูกกระสุนปืนยิงเข้าบริเวณหลังด้านขวา  มีกระสุนปืน M16 เป็นหลักฐานชัดเจน  นี่เป็นเพียงบางตัวอย่างเท่านั้น  แต่คอป.และประชาธิปัตย์เลือกจะไม่พูดถึงการตายกว่า 80 ศพที่ชัดเจนว่าผู้ใช้อาวุธยิงคือทหารจากคำสั่งศอฉ.ของสุเทพ  เทือกสุบรรณภายใต้การตัดสินใจและนโยบายของอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะที่สั่งการให้ใช้กระสุนจริงยิงปราบปรามประชาชน  และใช้กำลังทหารกว่า 60,000 คน  อาวุธ-ยานยนต์เต็มรูปแบบของสงคราม  ในขณะที่คนนับแสนที่มาชุมนุมมือเปล่าปราศจากอาวุธถูกกระชับพื้นที่และล้อมยิงทั้งที่สูงและแนวราบ  “ประดุจนกในกรง”  โดยอ้างว่ามีผู้ใช้กำลังอาวุธ 1 ถึง 5 คน (แต่โฆษณาว่ามี 500 คน) รายละเอียดว่าผู้ชุมนุมสันติวิธีมือเปล่านั้น  สามารถหาข้อมูลได้ทุกวันทุกเวลา  เพราะที่ชุมนุมไม่มี “สถานที่ห้ามเข้า”  ไม่มี  “เวลาห้ามเข้า”  ไม่การการสั่งการและสะสมอาวุธ  มีแต่คืนให้หมด  ส่วนจะไปหายที่ไหนในสถานการณ์แบบนี้หลังการฆ่าประชาชนนั้นเราไม่อาจทราบได้  เพราะในคลังอาวุธของท่านก็หายกันประจำใช่หรือไม่?

        และนี่เองที่อยากจะบอกอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะว่า
  1. พวกคุณเตรียมข้อมูลรอไปศาลดีกว่า  ไม่ต้องมาตั้งเวที  บีบน้ำตา  เล่นลิ้นหลอกคน  เพราะประชาชนยุคนี้ไม่ใช่ประชาชนที่พวกคุณจะหลอกได้ต่อไป
  2. คุณคิดว่าแค่มีภาพชายชุดดำ 2-3 คน ก็ชอบธรรมที่จะฆ่าประชาชนมือเปล่าหรืออย่างไร?  เพราะในโลกนี้ทางสากลและสิทธิมนุษยชนโลก  เขาไม่อนุญาตให้คุณใช้อาวุธกระสุนจริงยิงประชาชนมือเปล่า  ด้วยเหตุผลนี้หรอกต่อให้มีคนยิงต่อสู้กับคุณเห็นจะจะ  คุณก็กราดปืนยิงประชาชนอื่น ๆ ที่เขาไม่มีอาวุธไม่ได้!!!  ความเหี้ยมโหดเช่นนี้เขาใช้กันในพวกอนารยะชนยุคโบราณที่รบพุ่งแย่งชิงดินแดน  เห็นชีวิตคนเป็นผักปลาไม่มีค่าอะไร  แม้แต่ในสงครามระหว่างประเทศเขาก็ห้ามยิงศัตรูที่ไม่มีอาวุธ  การชุมนุมนับแสนคนที่ถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำอีกทำได้ขนาดนี้โดยยึดหนทางสันติวิธี  นี่ก็น่าชมเชยแล้วนะ......จะบอกให้......นี่ไม่ใช่กองกำลังประจำการสั่งหันซ้ายหันขวาเรียบวุธได้  นี่เป็นประชาชนชาวบ้านชาวนาชาวไร่  แม้แต่การ์ดของเราก็ไม่มีอาวุธ  มีแต่ตรวจจับอาวุธส่งมอบตำรวจทุกวัน  พวกที่ติดอาวุธมาล้วนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ปลอมตัวเข้ามาทั้งสิ้น
  3. ส่วนจะมีภาพบุคคลแต่งตัวเสื้อดำเสื้อแดงก็ไปพิสูจน์ในชั้นศาล ต่อไปว่า  ใครไปทำอะไร  ที่ไหน  ตรงไปตรงมา  ไม่ใช่พยายามเหวี่ยงแห  ตั้งข้อหามั่วว่าก่อการร้ายรวม ๆ กันไปด้วยใจอาฆาต  พยาบาท  ดังที่นายนิพิฏฐ์  อินทรสมบัติ ฝันว่าเห็นรายงาน 9,000 กว่าหน้าและแกนนำทั้งหลายจะถูกตัดสินจำคุกหลายสิบปีและประหารชีวิตด้วย  ถึงกับตั้งคำถามประชาชนที่มาฟังปราศรัยในห้องประชุมว่า  จะให้เอาโทษตายก่อนหรือจำคุกก่อน  ล้วนแสดงออกถึงความต่ำทรามในความคิดที่มุ่งร้าย  เหี้ยมโหด  ไม่สนใจความเป็นจริงในการตั้งข้อหา  การพิสูจน์หลักฐานและประจักษ์พยานทั้งหลายอย่างเที่ยงธรรม
           การกระทำ  กรรมเป็นเครื่องบ่งชี้เจตนา  คำพูดและการกระทำทั้งหลายของแกนนำในพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นบ่วงรัดคอที่บีบเข้ามา  ท่านอย่านึกว่าจะไปแอบข้างหลังทหารและอำมาตย์ทั้งหลาย  และโวยวายให้คนสงสารจะได้ผลในยุคนี้  พ.ศ.นี้  ที่ประชาชนตื่นตัวรับข้อมูลข่าวสารได้มากเกินกว่าการหลอกลวงจะได้ผลเช่นในอดีตที่ผ่านมาอีกแล้ว!!!!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น