วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

แฉจอมบงการล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์

“ณัฐวุฒิ”แฉ“ประสงค์-บรรณวิทย์”บงการล้มรัฐบาล



 

       
               “ณัฐวุฒิ” แฉการเคลื่อนไหว 3 ประเด็นเพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่ดำเนินการในขณะนี้แม้ดูเหมือนว่ากลุ่มที่ เคลื่อนไหวไม่เกี่ยวข้องกัน แต่มีคนอยู่เบื้องหลังเหมือนกันคือ “ประสงค์-บรรณวิทย์” ที่อยู่ตรงข้ามพรรคเพื่อไทยมาตลอด ท้าแน่จริงให้ออกมาอยู่ข้างหน้า อย่าทำตัวเป็นอีแอบ แฉเลขาธิการ ภตช. ไปฮ่องกงเที่ยว 2 วัน สัมมนาวันเดียว มี “บรรณวิทย์” เป็นผู้บรรยายก่อนกลับมาพูดเรื่องไซฟ่อนเงิน “ธาริต” แจงรางวัล 1 ล้านบาท ไม่ใช่ตามจับชายชุดดำ แต่เป็นรางวัลนำจับคนร้าย 7 คดีที่เกี่ยวกับการสลายการชุมนุม ส.ว.สรรหาไล่ให้ไปขยายผลจากชายชุดดำที่จับดำเนินคดีเพื่อหาตัวคนสั่งการ
                                       +++++++++++++++

             นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า การเคลื่อนไหวล้มรัฐบาล 3 เรื่องคือ พรรคประชาธิปัตย์เปิดเวทีปราศรัยกรณีชายชุดดำ ส.ว. เข้าชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณากรณีขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) และคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ (ภตช.) เปิดประเด็นเรื่องไซฟ่อนเงิน 16,000 ล้านบาทที่ฮ่องกง เหมือนเป็นการดำเนินการคนละส่วน แต่แท้จริงแล้วมีผู้อยู่เบื้องหลังคนเดียวกันคือ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ และ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน

            “2 คนนี้อยู่ตรงข้ามพรรคเพื่อไทยมาตลอด ขอท้าว่าให้เปิดตัวออกมา อย่าเป็นอีแอบอยู่เบื้องหลัง”


          ที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการภตช. อ้างว่าเดินทางไปดูงานปราบปรามการทุจริตที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช.ฮ่องกง ทำให้ได้ข้อมูลมานั้น ตรวจสอบแล้วเป็นการไปเที่ยว 2 วัน มีสัมมนาวันเดียว คนที่บรรยายคือ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กับ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และมีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็น ป.ป.ช.ฮ่องกงอีกคนหนึ่งเท่านั้น

           “อยากท้าว่าถ้ามีข้อมูลจริงให้ดำเนินการเลย อย่าพูดตีกินไปวันๆ”

          สำหรับเรื่องการรับจำนำข้าว นายณัฐวุฒิกล่าวว่า หากศาลรัฐธรรมนูญรับตีความสัญญาซื้อขายจีทูจีขัดมาตรา 190 จะมีคนยื่นให้ตรวจสอบสัญญาซื้อขายข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมา ส่วนเรื่องชายชุดดำยืนยันพร้อมดีเบตกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เท่านั้น ที่นายอภิสิทธิ์บอกว่าต้องการดีเบตกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการเลี่ยงบาลีเพื่อยื้อเวลา

         นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่า รางวัลผู้ให้เบาะแสจับคนร้าย 7 คดีเกี่ยวข้องกับเหตุชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 ไม่ใช่รางวัลนำจับชายชุดดำ เป็นรางวัลสำหรับผู้ให้เบาะแสคนร้ายจนนำไปสู่การจับตัวได้ และที่ต้องตั้งรางวัลก็เพราะ 7 คดีนี้อยู่ในความสนใจของสังคม และกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

        นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ระบุว่า ดีเอสไอควรขยายผลจากชายชุดดำที่จับมาดำเนินคดี เพื่อสาวให้ถึงคนสั่งการมากกว่าประกาศให้รางวัลนำจับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น