วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556

“ยิ่งลักษณ์” เข้าเฝ้าฯ พระสันตะปาปา เยือนวาติกันครั้งแรกในรอบ 58 ปี


“ยิ่งลักษณ์” เข้าเฝ้าฯ พระสันตะปาปา เยือนวาติกันครั้งแรกในรอบ 58 ปี


              วันนี้ (12 ก.ย.) ที่นครรัฐวาติกัน เมื่อเวลา 11.10 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ณ พระราชวังสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส (His Holiness Pope Francis) โดยนายกฯ ได้แสดงความยินดีต่อความสัมพันธ์ไทย-วาติกัน ที่มีมาอย่างราบรื่น และเป็นการเยือนนครรัฐวาติกันในรอบ 58 ปีของนายกรัฐมนตรีไทย นับตั้งแต่การเยือนของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งเยือนครั้งแรกเมื่อปี 2498 พร้อมกันนี้ นายกฯ ยังได้กล่าวชื่นชมบทบาทของคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกที่ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและช่วยเหลือผู้ไร้ที่อยู่อาศัย ตลอดจนการแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย ขณะที่ไทยเป็นประเทศที่เคารพและเข้าใจในความหลากหลาย รัฐบาลไทยส่งเสริมให้คนทุกชาติและทุกศาสนา สามารถประกอบศาสนพิธีของตนได้อย่างเสรี และอยู่ร่วมกันในสังคมไทยได้ ชาวไทยที่นับถือนิกายโรมันคาทอลิกมีส่วนสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย ขณะที่สมเด็จพระสันตะปาปา ทรงยินดีต่อการให้เสรีภาพในการนับถือศาสนาของไทย จากนั้นนายกฯและคณะพบหารือกับเลขาธิการนครรัฐวาติกัน






              เมื่อวันที่ 12 ก.ย. เวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ณ พระราชวังสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส (His Holiness Pope Francis) ณ นครรัฐวาติกัน โดย นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความยินดีต่อความสัมพันธ์ไทย-วาติกันที่มีมาอย่างราบรื่น ซึ่งการเยือนนครรัฐวาติกันครั้งนี้ เป็นการเยือนในรอบ 58 ปีของนายกรัฐมนตรีไทย นับตั้งแต่การเยือนของจอมพล ป.พิบูลสงครามในครั้งแรกเมื่อปี 2498

             นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวชื่นชมบทบาทของคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกที่ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและช่วยเหลือผู้ไร้ที่อยู่อาศัย ตลอดจนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วย ขณะที่สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ทรงยินดีต่อการให้เสรีภาพในการนับถือศาสนาของไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศที่เคารพและเข้าใจในความหลากหลาย รัฐบาลไทยส่งเสริมให้คนทุกชาติและทุกศาสนา สามารถประกอบศาสนพิธีของตนได้อย่างเสรีและอยู่ร่วมกันในสังคมไทยได้ ชาวไทยที่นับถือนิกายโรมันคาทอลิกมีส่วนสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย

         นอกจากนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ทรงสนทนากับนายกรัฐมนตรี แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องสถานการณ์ความยากจนทั่วโลก ซึ่งต่างเห็นว่าการแก้ไขความอดอยากและการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น นับเป็นเรื่องสำคัญ นโยบายของไทยและวาติกันต่างสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงการบริการทางด้านสาธารณสุข การรักษาสันติภาพระหว่างทุกศาสนา และการส่งเสริมการเสวนาระหว่างศาสนา ความเชื่อ และวัฒนธรรม เพื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างสันติภาพระหว่างประเทศ ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ทูลเชิญสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น