"ฮุน เซน" มั่นใจพึ่งไทยน้อย ร่วมมือชาติอื่นมากขึ้น
http://www.internetfreedom.us/thread-13205.html
รอยเตอร์เสนอบทวิเคราะห์ ระบุนายกฯฮุน เซน ไม่ยี่หระปัญหาพิพาทพรมแดนกับไทย
เพราะมั่นใจตัวเองได้เปรียบไม่กระทบเศรษฐกิจภายใน
เนื่องด้วยมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับยักษ์ใหญ่เอเชีย อาทิ จีน เกาหลีใต้ และเวียดนาม มากขึ้น...
สำนักข่าวรอยเตอร์นำเสนอบทวิเคราะห์เพิ่มเติมว่าการที่สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
กล้าแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อปัญหาพิพาทพรมแดนกับไทย
พยายามทำให้เป็นปัญหาระหว่างประเทศ เป็นเพราะมั่นใจว่าตัวเองได้เปรียบ
ทั้งไม่กระทบเศรษฐกิจภายในและยังเรียกคะแนนนิยมได้อีกด้วย
จากการที่มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับชาติยักษ์ใหญ่แห่งเอเชีย
อย่าง จีน เกาหลีใต้ และ เวียดนาม มากขึ้น
ตรงข้ามกับการค้าขายกับไทยเริ่มลดลง “ฮุน เซน รู้ว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งไทยมาก
อีกทั้งความสัมพันธ์ที่ดีและมั่นคงกับจีนและกลุ่มนักลงทุนจากเอเชียตะวันออก รวมทั้งสิงคโปร์
ทำให้เขาอยู่ในสถานะที่แตกต่างจากในอดีต”
ไมเคิล มอนเตซาโน นักวิชาการจากสถาบันอาเซียนศึกษาที่สิงคโปร์ เผยว่า
นับแต่ปี 2551 บทบาททางการเมืองของฮุน เซน เริ่มคงเส้นคงวา ควบคุมสถานการณ์ได้มากขึ้น
เหตุยิงปะทะที่พรมแดนแต่ละครั้ง จึงทำให้เขามีแต่ได้เครดิตทางการเมือง
ตรงข้ามกับในไทย มีแต่ความวุ่นวาย
ส่วนนายปีเตอร์ บริมเบิล นักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) ระบุว่า
เหตุยิงปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา กระทบการค้าชายแดนของทั้งสองฝ่าย
แต่กัมพูชาจะได้รับผลกระทบมากกว่าด้านการท่องเที่ยว
เพราะนักท่องเที่ยวจำนวนมากข้ามมาจากฝั่งไทย
ทั้งนี้ ข่าวระบุด้วยว่า การข้องเกี่ยวด้านเศรษฐกิจของไทยในกัมพูชาลดลงตามลำดับ
เมื่อเทียบกับจีน เวียดนาม และเกาหลีใต้ นับแต่เกิดจลาจลต่อต้านไทยปี 2546
เมื่อม็อบชาวกัมพูชา บุกเผาสถานทูตและทำลายธุรกิจห้างร้านของไทยเสียหายหลายแห่ง.
http://www.thairath.co.th/content/oversea/148665
http://www.internetfreedom.us/thread-13205.html
รอยเตอร์เสนอบทวิเคราะห์ ระบุนายกฯฮุน เซน ไม่ยี่หระปัญหาพิพาทพรมแดนกับไทย
เพราะมั่นใจตัวเองได้เปรียบไม่กระทบเศรษฐกิจภายใน
เนื่องด้วยมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับยักษ์ใหญ่เอเชีย อาทิ จีน เกาหลีใต้ และเวียดนาม มากขึ้น...
สำนักข่าวรอยเตอร์นำเสนอบทวิเคราะห์เพิ่มเติมว่าการที่สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
กล้าแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อปัญหาพิพาทพรมแดนกับไทย
พยายามทำให้เป็นปัญหาระหว่างประเทศ เป็นเพราะมั่นใจว่าตัวเองได้เปรียบ
ทั้งไม่กระทบเศรษฐกิจภายในและยังเรียกคะแนนนิยมได้อีกด้วย
จากการที่มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับชาติยักษ์ใหญ่แห่งเอเชีย
อย่าง จีน เกาหลีใต้ และ เวียดนาม มากขึ้น
ตรงข้ามกับการค้าขายกับไทยเริ่มลดลง “ฮุน เซน รู้ว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งไทยมาก
อีกทั้งความสัมพันธ์ที่ดีและมั่นคงกับจีนและกลุ่มนักลงทุนจากเอเชียตะวันออก รวมทั้งสิงคโปร์
ทำให้เขาอยู่ในสถานะที่แตกต่างจากในอดีต”
ไมเคิล มอนเตซาโน นักวิชาการจากสถาบันอาเซียนศึกษาที่สิงคโปร์ เผยว่า
นับแต่ปี 2551 บทบาททางการเมืองของฮุน เซน เริ่มคงเส้นคงวา ควบคุมสถานการณ์ได้มากขึ้น
เหตุยิงปะทะที่พรมแดนแต่ละครั้ง จึงทำให้เขามีแต่ได้เครดิตทางการเมือง
ตรงข้ามกับในไทย มีแต่ความวุ่นวาย
ส่วนนายปีเตอร์ บริมเบิล นักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) ระบุว่า
เหตุยิงปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา กระทบการค้าชายแดนของทั้งสองฝ่าย
แต่กัมพูชาจะได้รับผลกระทบมากกว่าด้านการท่องเที่ยว
เพราะนักท่องเที่ยวจำนวนมากข้ามมาจากฝั่งไทย
ทั้งนี้ ข่าวระบุด้วยว่า การข้องเกี่ยวด้านเศรษฐกิจของไทยในกัมพูชาลดลงตามลำดับ
เมื่อเทียบกับจีน เวียดนาม และเกาหลีใต้ นับแต่เกิดจลาจลต่อต้านไทยปี 2546
เมื่อม็อบชาวกัมพูชา บุกเผาสถานทูตและทำลายธุรกิจห้างร้านของไทยเสียหายหลายแห่ง.
http://www.thairath.co.th/content/oversea/148665
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น