|
โดย ลูกชาวนาไทย ที่มา ประชาทอล์ค 12 พฤษภาคม 2556
ม็อบสนามหลวง ของไอ้ตาโปนล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะ นกแสกดันจามขึ้นมา
เพื่อประเมินสถานการณ์ของ "ม็อบดื้อรั้นที่สนามหลวง" เพื่อนๆ ผมอุตส่าห์ปลอมตัวเป็นสลิ่มเพื่อไปสืบสถานการณ์ม็อบที่สนามหลวงมา ก็ได้ Fact มาพอสมควรทีเดียว ซึ่งจาก fact เราก็สามารถ ประมวลผลและวิเคราะห์เพื่อให้เป็น ข้อมูลและสังเคราะห์ให้เป็น Knowledge ต่อได้
จากรายงาน "สลิ่มเทียม" บอกว่า ม็อบมีประมาณไม่ถึง 500 คน ค่อนข้างหงอยเหงา เพราะไม่มีประเด็นกระตุ้น ส่วนใหญ่ดูเหมือนว่าจะเป็นชาวบ้านแถวอีสาน "สลิ่มเทียม" บอว่า รถกระบะที่จอดอยู่ส่วนใหญ่เป็นทะเบียน กาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม โคราช และมหาสารคาม
ก็ไม่อ้อมค้อมจากการหาข้อมูลม็อบกลุ่มนี้ "ไอ้ตาโปน" จัดมา โดยผ่าน Agency คือ พวก พคท.เก่า ที่เราเรียกว่า "ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย รอ. หรือย่อว่า ผรท.รอ. นั่นเอง ก็วิเคราะห์ไม่ยากว่าไอ้ตาโปนมีเครือข่ายอยู่กับลูกน้องเก่าของพ่อเท่านั้น ไม่มีเครือข่ายที่จะลงไปถึงประชาชนผ่านคนอื่นๆ
ม็อบนี้ตั้งใจคนมางานอาทิตย์ที่แล้ว มีการเตรียมการเพื่อร่วมกับพวก "ผีกองกอย" สันติอโศก มีการแถลงการณ์บางอย่างล่วงหน้า ทำให้คนรอดูมากมาย สุดท้าย "หุ่นไล่กา" ก็ไม่มีการฉายซ้ำ เพราะสภาพไม่พร้อม ม็อบก็เลย "หมดเป้าหมายทางยุทธการที่จะไปต่อ" ยังเคลียร์ไม่ได้เลยยังไม่กลับ แต่หมดประเด็นปลุกเร้าเพื่อสร้างกระแส
สรุปคือ "นักแสกมันดันไอแค๊กๆ หรือจามขึ้นมาก่อน" แม้มันยังไม่ร้อง แค่ไอ หรือจาม ก็ทำให้แผนล่มได้
จากสภาพข้อเท็จจริงที่เห็น ทำให้ผมสามารถประเมินจุดอ่อนของพวกนี้ได้มากมาย 1. ไอ้ตาโปนไม่มีเครือข่ายมวลชนขนาดใหญ่ และไม่มี ฝ่ายปฎิบัติการ ต้องลงมือเอง จากระดับแม่ทัพ ต้องมาทำงานเกณฑ์คนในระดับจ่ากองร้อยเขาทำ แสดงให้เห็นถึงบารมีไอ้ตาโปนนั้นไม่ได้มีอยู่แต่อย่างใด ไม่สามารถใช้คนอื่นๆ ได้
2. สภาพที่ไอ้ตาโปนต้องลงมาทำงานเองหลายครั้งและล้มเหลว แสดงว่าในกองทัพจริงๆ หรือ กอ.รมน.นั้น พวกนี้ไม่มีเครือข่ายที่เชื่อมถึงแล้ว หรือไม่อย่างนั้นก็โดนบล็อกโดนฝ่ายรัฐบาลจนกองทัพทำอะไรไม่ได้ในเรื่องใต้ดินไปแล้ว หรือไม่มีคนทำอีกแล้ว ไอ้ตาโปนจึงต้องลงมือเอง
การจัด "สไนเปอร์" นั้นไอ้ตาโปนถนัด แต่จัดม็อบนั้นคนละเรื่อง ความชำนาญมันคนละระดับกัน พลาดมาสองครั้งแล้วตั้งแต่ม็อบแช่แข็งประเทศ ที่เอาพวกทหารป่ามาช่วยก็ล้มเหลว งานนี้อีก
3. ในทางยุทธศาสตร์แล้ว พวกนี้ไม่มีอะไรใหม่เลย "เล่นหมากรุกตาเดิม ๆ แค่วางหมากก็รู้แล้วว่าจะเดินหมากไหนต่อ" แผนการรบเหมือนเดิมเด๊ะ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย
เรื่องแผนการรบที่ซ้ำๆ นี่เป็นข้อห้ามทางพิชัยสงครามอย่างยิ่ง เพราะฝ่ายตรงข้ามไม่ได้อยู่นิ่งๆ เขาก็ปรับตัวเหมือนกันคุณเดินแผนนี้มาหากเขาคาดการออก เขาก็หาวิธีรับมือได้ไม่ยาก แค่ขยับหมากแรก คนโง่ๆ ทางการเมืองก็รู้แล้วว่าหมากต่อไปจะเดินยังไง ตาจบของกระดานเป็นยังไง
มีการใช้ "หุุ่น" เหมือนเดิมเด๊ะ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย
นี่คือ "ความอับจนทางยุทธศาสตร์ของฝ่ายอำมาตย์" ที่มี "ไอ้ตาโปนเป็นตัวนำปฎิบัติการ"
หากเป็นสงครามจริงๆ คงถูกล้อมปราบฆ่าทิ้งหมดแล้ว
การระดมทัพที่ล้มเหลวถึงสองครั้งในปีนี้มันทำให้ ผู้ที่จะมาร่วมมือสนับสนุนทั้งหลายขาดความมั่นใจ และไม่มีใครกล้าแทงเต็ง มีแต่แทงกั๊กกันหมด พวกทหารก็ไม่กล้าขยับเพราะมันล้มเหลวมาสองครั้งแล้ว หากแสดงตัวสนับสนุน ก็ได้ตาย หมดอนาคตทางอาชีพเท่านั้น
การจะระดมทัพรอบสาม ในสองสามเดือนข้างหน้านี่ ผมว่าเป็นไปได้ยากมาก
ตอนนี้ จุดเปลี่ยนสำคัญหรือที่ตำราพิชัยสงครามของเคล้าเซวิตท์เรียกว่า center of gravity อยู่ที่ การแก้ไข รธน.ทั้งสามประเด็น เพราะหากมันจบ อำนาจยุบพรรคของ ตลก. รธน. ก็จะหมดไปทันที ทำให้ไม้ตายของพวกนี้ก็จะหมดไป แทบจะทำอะไรไม่ได้ และอีกประเด็นคือ การเพิ่มจำนวน สว.เป็น 200 คนและให้มาจากเลือกตั้ง ทำให้ดุลอำนาจในวุฒิสภา ของพวกนี้หมดไปอย่างสิ้นเชิง
ตัวเดินเกมก็ไม่มี
ส่วนกองทัพนั้น อาจเหลือกลุ่มก้อนอยู่บางพวก แต่เมื่อขาด Conductor และ นายกรัฐมนตรีสามารถย้ายได้โดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องเอาโผไปให้เปรมดูก่อน ความมั่นคงในตำแหน่งราชการของทหารขึ้นกับนายกรัฐมนตรีคนเดียว เพราะเปรมไม่อาจแก้ไขโผได้อีกแล้ว ไม่ใช่ inner ring อีกแล้ว
เราจึงเห็นท่าทีปลงของประยุทธ์ ที่ว่าหากไปเป็น ผบ.สูงสุด ก็ไม่มีปัญหา (ผมคิดว่า รบ.เขาคงไม่ทำ เพราะยังไม่จำเป็นต้องรุกไล่ให้จนตรอกขนาดนั้น)
สรุปคือ นกแสกไอ ทำให้แผนการม็อบทั้งหลายล้มเหลวไม่เป็นท่า
|
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น