วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554


การเมืองไทยไม่เคยปรกติ!


ถนนคนเดิน
         จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
         ปีที่ 12 ฉบับที่ 3034 ประจำวัน จันทร์ ที่ 18 เมษายน 2011
         โดย กฤตภาส
                   
http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=51527

          โหรนิด หรือนายกิจจา ทวีกุลกิจ ทำนายว่า ในปี 2554-2555 คนไทยคงต้องอมทุกข์ต่อไป เพราะประเทศไทยยังไม่พ้นวิกฤต และมีโอกาสที่จะเห็นความหายนะของประเทศชาติบ้านเมือง เพราะต่างฝ่ายต่างชิงอำนาจเพื่อเป็นใหญ่ในบ้านเมือง

แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กลับเชื่อว่า การเมืองไทยหลังการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้จะเริ่มดีขึ้น

ขณะที่ล่าสุดการสรรหาสมาชิกวุมิสภา (ส.ว.) จำนวน 73 คน ซึ่งปรากฏว่ามีอดีต ส.ว.สรรหา และอดีตคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ได้รับแต่งตั้งจำนวนมาก จนมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงกลุ่มอำนาจเดิมที่ต่อต้านระบอบทักษิณหรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังมีอำนาจทางการเมืองอย่างชัดเจน และยังชี้ให้เห็นว่า โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาลนั้นเป็นไปได้ยาก หรืออย่างน้อยก็มีฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามพรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่งแล้ว

อย่างที่อดีตนายทหาร คมช. ผู้หนึ่งที่ได้รับการสรรหาเป็น ส.ว. ประกาศชัดเจนว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองปรกติสุข และเอาความสามัคคีกลับคืนมา แต่ก็ประกาศว่าจะทำทุกอย่างไม่ให้คนเลวมีโอกาสบริหารประเทศ ซึ่งต้องถามว่า “คนเลว” ในความหมายของอดีต คมช. หรือ ส.ว.สรรหานั้นเป็นใครหรือนักการเมืองพรรคใด กลุ่มใด

เพราะแม้แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษยกย่อง วันนี้ยังถูกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เคยให้การสนับสนุนเช่นกัน ประณามว่าเป็นผู้นำที่โกหกและไม่ดีสารพัด รวมทั้งการเคลื่อนไหวที่จะไม่ให้มีการเลือกตั้งและโหวตโน เพื่อให้เป็นเหมือนประชามติของประชาชนว่าไม่ต้องการปฏิรูปการเมือง โดยต้องล้างนักการเมืองขณะนี้ทั้งระบบออกไป

ขณะที่การเคลื่อนไหวทางการเมืองก็เห็นชัดเจนว่านักการเมืองที่เตรียมลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องของจุดยืนด้านนโยบายที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่กลับสะท้อนให้เห็นพฤติกรรมน้ำเน่าเดิมๆ โดยเฉพาะการขายตัวขายวิญญาณ ซึ่งในที่สุดก็หนีไม่พ้นเรื่องการซื้อสิทธิขายเสียง

การรวมตัวของนักการเมืองหรือพรรคการเมืองจึงไม่ได้เป็นเพราะอุดมการณ์ แต่เป็นเพราะผลประโยชน์ โดยเฉพาะพรรคการเมืองขนาดเล็กและขนาดกลางที่ต้องดิ้นรนสู้กับพรรคการเมืองขนาดใหญ่

ที่สำคัญวันนี้ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ากองทัพและกลุ่มผู้มีบารมีนอกระบบยังมีอำนาจอย่างมากในการเมืองไทย และไม่มีความคิดที่จะปล่อยมือออกจากการเมืองเลย
ความหวังที่จะเห็นความสามัคคีหลังการเลือกตั้งจึงเป็นไปได้ยาก

อย่างรายงานของ International Crisis Group (ICG) ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ในหัวข้อ “ประเทศไทย : ความสงบก่อนพายุอีกลูกจะมาเยือน?” ที่กล่าวถึงการต่อสู้ที่ยืดเยื้อระหว่างกลุ่มชนชั้นนำและผู้สนับสนุน คือ สถาบัน กองทัพ และศาล กับกลุ่มที่เป็นแนวร่วมของอดีตนายกฯทักษิณ จนถึงการออกมาของกลุ่มพันธมิตรฯที่ต่อต้านนายอภิสิทธิ์นั้น ก็ไม่ต่างกับการเรียกร้องให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารกลับมาอีกครั้งนั่นเอง

การเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองหรือภาคประชาชนกลุ่มใดก็ตาม จึงเหมือนการตอกย้ำความไม่ปรกติของการเมืองไทย และไม่มีใครเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งจะแก้ปัญหาวิกฤตบ้านเมืองได้

เพราะไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ก็ถูกมองว่าเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดทั้งสิ้น

การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลจึงจะยังมีต่อไป โดยที่กองทัพและกลุ่มอำนาจเดิมก็พร้อมจะทำปฏิวัติรัฐประหารได้ตลอดเวลา

ความไม่ปรกติทางการเมืองจึงไม่ใช่แค่คนไทยที่รู้ดี แต่ในสายตาของนานาชาติก็มองไม่แตกต่างกัน

ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงมองว่าหลังเลือกตั้งการเมืองไทยก็ยังมืดมน ไม่สามารถยุติความแตกแยกทางการเมืองได้

ปัญหาคือหลังการเลือกตั้งจะเกิดความรุนแรงทางการเมืองมากน้อยแค่ไหนเท่านั้น ไม่ใช่เพราะบ้านเมืองไม่มีกฎกติกา แต่เป็นเพราะบ้านเมืองยังมีผู้มีอำนาจอยู่เหนือกฎกติกาของบ้านเมืองนั่นเอง

************************************
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น