ปราบอย่างไรให้ได้ผล

ปราบอย่างไรให้ได้ผล http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hNekk1TURNMU5BPT0= &sectionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1 TMHdNeTB5T1E9PQ== ทิ้งหมัดเข้ามุม .......จ่าบ้าน จากถ้อยแถลงของ นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ที่ว่า ตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการ 5 รั้วป้องกัน ระยะที่ 3 เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2553 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2554 พบผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดแล้ว 24,000 คน คาดว่าเมื่อสิ้นสุดระยะเร่งรัดจะพบในชุมชนไม่น้อยกว่า 35,000 คน ตัวเลขที่ว่าไม่ทราบว่าเป็นตัวเลขรวมเฉพาะชุมชนในกรุงเทพฯ เท่านั้นหรือไม่ ส่วนเรื่องของการปราบปราม รองเลขาธิการท่านว่ามุ่งตัดวงจรการค้าโดยเฉพาะผู้ค้ารายย่อยที่ฝังตัวอยู่ตามชุมชนเป็นกลุ่มอิทธิพลทำตัวเหนือกฎหมายซึ่งตำรวจได้ระดมกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่แพร่ระบาดทั่วประเทศ สามารถจับกุมนักค้ายาเสพติดรายย่อยในพื้นที่ได้จำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เสพมาก่อน ขณะที่ยังมีหลงเหลืออยู่อีกมาก ซึ่งต้องมีมาตรการบำบัดควบคู่กัน เรื่องของยาเสพติดให้โทษทุกชนิด เป็นเรื่องโลกแตก คือปราบกันไม่หมดไปสักที ในประเทศไทยนับแต่ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ประกาศเลิกโรงยาฝิ่น เผายาฝิ่นและอุปกรณ์การสูบกลางสนามหลวง และให้การสูบฝิ่นเป็นเรื่องผิดกฎหมาย หลังจากนั้น เฮโรอีนก็แพร่ระบาดเข้ามาอย่างรวดเร็ว นับเป็นยาเสพติดร้ายแรงยิ่งกว่าการสูบฝิ่น ทั้งยังบ่อนทำลายสุขภาพของผู้ที่ติดเฮโรอีนยากต่อการบำบัดรักษา จากเฮโรอีน กลายพันธุ์มาเป็นการเสพยาเมทแอมเฟตามีน หรือยาม้าในสมัยหนึ่ง แล้วเปลี่ยนชื่อเรียกเป็นยาบ้า ยาประเภทนี้กลับแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นตามชุมชน ในโรงเรียนมัธยม ยาบ้าเป็นยาที่แสวงหาได้โดยง่าย ราคาการผลิตถูก แต่ราคาจำหน่ายปลายทางสูงถึงเม็ดละ 250 บาท ประการสำคัญ หลังจากวัยรุ่นเสพจนเกือบติดหรือติดแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือเป็นผู้รับฝาก รับจำหน่าย โดยเฉพาะวัยรุ่นที่อายุยังไม่เกิน 18 ปีบริบูรณ์ ซึ่งเมื่อกระทำความผิดและถูกจับได้ จะถูกส่งตัวขึ้นศาลเยาวชนฯ ในที่สุด หากเป็นความผิดครั้งแรก และจำนวนยาไม่มากนัก โทษที่ได้รับจะมีเพียงฝึกอบรม รายงานตัวฯ เท่านั้น ปัญหาวันนี้ คือป้องปรามยาเสพติดอย่างไรจึงจะได้ผล คงมิใช่จับกุมรายย่อยเท่านั้น ต้องดำเนินการจนจับถึงต้นตอและรายใหญ่ให้สม่ำเสมอ ทั้งต้องมีการลงโทษเฉียบพลันกับไม่มีการลดหย่อนโทษเด็ดขาด ได้ไหม