วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554


‘บรรหาร’ กอด ‘เนวิน’ เกมกอดทางการเมือง!?!



อาจจะไม่ถึงขั้นสึนามิทางการเมือง แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงแรมสยามซิตี้ เมื่อวันก่อน ก็ทำให้แวดวงการเมืองอ้าปากค้างไปตามๆกัน
กับภาพบรรดาแกนนำและ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา ที่มาชื่นมื่นลั้ลลากันเต็มที่
ไม่ว่าจะเป็นนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา รวมถึงรัฐมนตรีและ ส.ส.ของทั้งสองพรรคทั้งหมด
แต่ไฮไลท์สำคัญอยู่แกนนำกลุ่มที่อยู่ในบ้านเลขที่ 111 และ 109 อาทิ นายเนวิน ชิดชอบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสนธยา คุณปลื้ม นายสรอรรถ กลิ่นประทุม นายบรรหาร ศิลปอาชา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล
พาเหรดกันมาเข้าร่วมรับประทานอาหาร ภายใต้ชื่องาน “จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน”
ใช้เวลารับประทานอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่นแกนนำของทั้งสองพรรคได้พูดคุยหยอกล้อกันตลอดเวลา
ซึ่งนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ร่วมกับนายชุมพล ศิลปอาชา ได้ร่วมกันเผยถึงผลการหารือระหว่างรับประทานอาหารกลางวันว่า พรรคภูมิใจไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกัน 3 ข้อ ว่าพรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา หารือกันถึงแนวทางการทำงานการเมืองในโอกาสที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไป
และได้มีข้อตกลงร่วมกัน เป็นสัจจะวาจา ประกอบด้วย
1.พรรคภูมิใจไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา จะมุ่งมั่นทำงานการเมือง เพื่อเป้าหมายสำคัญ 2 ประการ คือปกป้องสถาบันสูงสุดของชาติ และสร้างความปรองดองให้แก่คนในชาติ
2.พรรคภูมิใจไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา ตกลงให้สัจจะวาจานับแต่นี้ไปจะดำเนินการทางการเมืองร่วมกัน มีจุดยืนเดียวกัน
3.หลังการเลือกตั้งทั่วไป ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร พรรคภูมิใจไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา จะตัดสินใจทางการเมืองร่วมกัน
ระหว่างนั้นบรรดาแกนนำตัวจริง ได้นั่งร่วมฟังการแถลงอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา โดยนั่งอยู่แถวหน้าสุด
โดยเฉพาะนายเนวินและนายบรรหาร ซึ่งนั่งอยู่ติดกัน ได้มีการพูดคุยกันเป็นระยะๆอย่างชื่นมื่น
เป็นภาพความสัมพันธ์ที่มีนัยยะทางการเมืองที่เชื่อว่า พรรคการเมืองที่น่าจะสะดุ้งเสียวสันหลังวาบที่สุดก็คือ พรรคประชาธิปัตย์นั่นเอง
ดังนั้นจึงไม่น่าประหลาดใจกับท่าทีของนายเนวินได้กล่าวหยอกล้อกับผู้สื่อข่าว ด้วยคำถามที่ว่า
“ทำไมทุกคนถามแต่พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย จะเป็นพรรคอันดับ 1 เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ทำไมไม่มีใครคิดว่าสองพรรคนี้จะเป็นอันดับ 1 บ้าง และหากเป็นจริงอะไรจะเกิดขึ้น”
เป็นการเกไพ่กันแบบแล่บดอกแล่บสีให้เห็นกันเลย แล้วเอาไปคิดกันเอาเองของ นายเนวิน ซีอีโอตัวจริงเสียงจริงของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยบอกว่าไม่เอาแล้ว...ไม่ขอยุ่งการเมืองแล้ว
จะไม่ขอรับตำแหน่งทางการเมืองใดๆอีกแล้ว แต่จะขอสนุกกับการทำทีมฟุตบอลก็พอ... เชื่อว่าพี่น้องชาวไทยที่ดูรายการวู๊ดดี้เกิดมาคุย คงยังจำกันได้
และไม่ใช่เพียงแค่นั้นการพบปะและการเย้ากับผู้สื่อข่าวยังเท่ากับเป็นการโยนหินถามทางกันล่วงหน้าเลย
ยิ่งประโยคที่ว่า “เห็นไหมที่นี้เขาตั้งรัฐบาลกันเสร็จแล้ว”
ปัญหาคือพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย จะตอบคำถามที่นายเนวินโยนหินมาถามในครั้งนี้หรือไม่???
อย่างไรก็ตามสิ่งที่สังคมไทยและบรรดาคอการเมือง ที่ยังจำเหตุการณ์ทางการเมืองต่างๆในอดีตได้ดี ล้วนแล้วแต่ค่อนข้างงุนงงว่า ทั้งนายบรรหารและนายเนวิน มาอี๋อ๋อกันขนาดนี้ได้อย่างไร
ขนาดที่ถูกแซวว่า สามีภรรยาคู่นี้อยู่กันนานหรือไม่ นายเนวิน ยังฉวยโอกาสรับมุกว่า อยู่นานแน่
ในขณะที่นายบรรหาร ก็พลอยเล่นไปด้วยว่า แล้วใครเป็นสามี ใครเป็นภรรยา ถ้าเป็นผู้ชายทั้งคู่จะทำอย่างไร
ขนาดถูกผู้สื่อข่าวถามว่า แบบนี้เป็นคู่เกย์ใช่หรือไม่
นายบรรหารยังตอบหน้าตาเฉยว่า “ต้องลองดู”
นั่นเท่ากับเป็นการรับมุกของนายเนวิน ที่เคยฝากคำพูดเตือนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เอาไว้ก่อนแล้วว่า
“ให้ระวังเมียจะมีชู้”
เป็นคำเตือนจากนายเนวิน ที่ทำให้แวดวงการเมืองตีความกันหลายตลบ และมาถึงบางอ้อเอาในวันนายเนวินมาอี๋อ๋อกับนายบรรหาร ในวันที่พรรคภูมิใจไทยมาอี๋อ๋อออกสัญญาใจ 3 ข้อร่วมกับพรรคชาติไทยพัฒนาในครั้งนี้นี่เอง
ว่า ระวังเมียจะมีชู้นั้น ที่แท้หมายถึงอย่างนี้นี่เอง
แต่ที่สร้างความประหลาดใจเหมือนกับเกิดอาๆเตอร์ช็อกติดกันหลายลูกก็คือ นายบรรหารจำไม่ได้จริงๆหรือว่า นายเนวินเคยพูดถึงนายบรรหารไว้อย่างไรบ้างในอดีต
ใครที่บอกว่าจะเตะก้านคอ ใครที่พูดถึงความเตี้ย?
และขณะเดียวกัน นายบรรหารก็จำไม่ได้จริงๆหรือว่า ได้เคยเตือนคนในแวดวงการเมืองเกี่ยวกับนายเนวิน เอาไว้อย่างไรบ้าง
นายบรรหารมิใช่หรือที่เคยเตือน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ระวังในการที่จะสนิทสนมไว้วางใจนายเนวิน!!!
นายบรรหารมิใช่หรือที่ที่เคยเตือน นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีผู้วายชนม์ ให้ระมัดระวังคนชื่อ “เนวิน ชิดชอบ”
แล้ววันนี้นายบรรหารกลับเป็นฝ่ายลืมคำเตือนเสียเองกระนั้นหรือ
หรือว่าจะต้องให้ “น้องแบม” มาช่วยเตือนความทรงจำให้ ว่าเคยพูดอะไรถึงใครเอาไว้บ้าง
แน่นอนว่าเกมนี้ ถือเป็นเกมที่มีนัยยะทางการเมืองในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน
และทั้งนายเนวิน ทั้งนายบรรหาร เชื่อว่าต่างฝ่ายต่างก็เขี้ยวในเรื่องผลประโยชน์ของตนด้วยกันทั้งคู่ เพียงแต่เมื่อสถานการณ์บีบเข้ามาแบบนี้ การเปิดฉากละครโหมโรงให้อลังการ จึงเป้นเกมโยนหินถามทางถามใจที่ได้ผลที่สุด
เพราะนายบรรหารในเวลานี้ หากดูถึงคำพูดที่สะท้อนความรู้สึกหลายช่วงหลายวาระก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นการยอมรับว่าการแก้ไข ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจาก 100 คน มาเป็น 125 คนนั้น
ทางชาติไทยพัฒนาเสียเปรียบ!!!
หรือเรื่องที่คาดหวังว่า ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล อาจจะมาอยู่ด้วย แต่กลับไปเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย
ซึ่งนายบรรหารถึงกับบอกว่า “อ้าว ไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยแล้วหรือ ตอนที่มาเป็นพิธีกรให้กับชาติไทยพัฒนา ผมไปชวนคุณปลื้ม ยังบอกว่าจะมาอยู่”
หรือว่าในวันนี้สถานการณ์ที่ล้อมกรอบ ทำให้นายบรรหารเลือกที่จะจงใจลืมเรื่องในอดีตที่เกี่ยวข้องกับนายเนวินไป เพื่อหวังผลทางการเมือง
หรือที่นายบรรหารพูดไว้เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมาว่า ชาติไทยพัฒนาจะมีดาวมาอยู่ด้วยแน่ แถมไม่ใช่ดาวผู้หญิงเสียด้วย แต่เป็นดาวผู้ชายนั้น
ก็คือ ดาวเนวิน นี่เอง!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น