วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554


เวรกรรม! Coming Soon ใกล้จุดจบ‘ผู้นำหลงตัวเอง’


ไม่มีทางเลือก...อยากชนะต้องกำจัดศัตรู!
เพียงแต่ศัตรูในความหมายของ “มูฮัมมาร์ กัดดาฟี” ผู้นำลิเบีย ที่กำลังพูดถึงนั้น...ไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็น “กองกำลังประชาชน” ที่ออกมาต่อต้านระบบการปกครองซึ่งไร้ความเป็นธรรม
นาทีนี้ “ลิเบีย” เป็นประเทศที่ขาดความปลอดภัยมากที่สุดในโลก เพราะผู้นำกำลังสติแตกถึงขั้นสั่ง ให้ “ฝูงเครื่องบินรบ” ขึ้นบินและเล็งเป้าหมายลงมาที่ประชาชนซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้าน
พร้อมกับมีคำสั่งให้ทหารติดอาวุธครบมือบนภาคพื้นดิน เพื่อปฏิบัติการ “กำจัด” ประชากรที่เห็นต่าง...
ลองนึกภาพดูว่า...การชุมนุมประท้วงที่ลิเบียกับการต่อสู้ของทหารสองฝ่ายในสนามรบ...มันเป็นภาพความรุนแรงซึ่งไม่แตกต่างกันเลย
โดยจากการสัมภาษณ์ของนักข่าว CNN กับพยานที่เป็นพลเรือนในกรุง Tripoli บอกว่า...ประชาชนกลัวกัดดาฟี่มาก
เพราะขนาดอยู่โรงพยาบาลยังอุ้มไปฆ่า และไม่ทราบตัวเลขยอดผู้เสียชีวิต เพราะทางการปกปิด...ส่วนประชาชนทั่วไปดีใจมากที่ประเทศต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือ
เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้นำลิเบีย ได้กล่าวผ่านสื่อโทรทัศน์ว่า...
You have proven to the world that you are not civilized, that you are terrorists - animals attacking a safe nation that did nothing against you
“พวกแกได้พิสูจน์ตนต่อชาวโลกแล้วว่า...ไม่ใช่ผู้ที่มีความเจริญ (ไร้อารยะ) , พวกแก คือ ผู้ก่อการร้าย – เยี่ยงฝูงสัตว์ป่า ที่ทำลายล้างชนชาติ ซึ่งไม่เคยสร้างความเดือดร้อนอะไรให้พวกแกเลย”
นี่คือความเป็นจริงที่ “กัดดาฟี” พูดออกมาในยาม “สติขาดผึง” เพราะตนเองรู้ว่า...ประชาชนชาวลิเบียไม่ได้รักและพร้อมที่จะตายเพื่อปกป้องเขา...แต่เขาก็เป็นบุคคลหนึ่งที่ไม่ยอมรับความจริง
ซึ่งการหลงตัวเองของ “กัดดาฟี” มีแต่จะทำให้สถานการณ์ต่างๆ เลวร้ายขึ้น
ชาวลิเบียออกมาชุมนุมในหลายเมืองทั่วประเทศเพื่อเรียกร้องให้ประธานาธิบดี “กัดดาฟี่” ลงจากตำแหน่ง
แม้จะมีหลักฐานทั้งภาพวิดีโอ ภาพนิ่ง จากช่างภาพชาวลิเบียและชาวต่างประเทศมากมายที่แสดงชัดเจนว่า...ทางการลิเบียใช้อาวุธ (หนัก) ปะทะกับประชาชน นับตั้งแต่ประชาชนออกมาเรียกร้องให้ประธานาธิบดีลิเบียลาออก
โดยเฉพาะภาพเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งแจกจ่ายอาวุธให้พลเรือนที่ทางการจัดตั้ง (ฝ่ายรัฐบาล) ยิงไปยังฝูงชนที่ชุมนุมเดินขบวน
แม้ข้อมูลจะชี้ชัดไม่ได้ว่า ใครผิด หรือ ใครถูก...แต่เสียงส่วนใหญ่สรุปว่า สิ่งที่ไม่ได้ออกจากปากประธานาธิบดีน่าเชื่อถือได้มากกว่า
นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์กันว่า...กัดดาฟีอาจโดนลูกชายและลูกน้องหลอกชนิดที่ยังไม่รู้ตัวว่ากำลังจะถูกโค่นอำนาจในเวลาไม่นาน เพราะนอกจากเจอการประท้วงจากคนลิเบียแล้ว ยังเจอแรงกดดันจากนานาชาติอีกด้วย
โดยเฉพาะประธานาธิบดี “บารัค โอบามา” ได้ออกมาทุ่มเต็มตัวในเรื่องนี้ โดยเปิดเผยจุดยืนชัดเจนว่า...จะยืนเคียงข้างประชาชนเพื่อโค่นล้มกัดดาฟี
ด้าน “นายบัน คี มูน” เลขาธิการสหประชาชาติ ระบุว่า...กัดดาฟีหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว...ทันทีที่เขาประกาศสงครามกับประชาชนของตนเอง
ทั้งนี้กัดดาฟียังเชื่อว่า...กำลังทหารที่มีอยู่ยังจงรักภักดีต่อเขา และสามารถปราบปรามผู้ประท้วงได้อย่างเด็ดขาด
และมองว่า...ประชาชนในกรุง Tripoli ไม่กล้าออกมาชุมนุมประท้วง เพราะทหารรวมทั้งกองกำลังที่กัดดาฟีตั้งขึ้น มีอาวุธทำการออกไล่ยิงผู้ชุมนุมจนคนไม่กล้าออกมานอกบ้าน
ส่วนทหารในต่างจังหวัดที่แปรพักตร์เข้าข้างประชาชน...ประธานาธิบดีลิเบียได้ส่งเครื่องบินรบไปทิ้งระเบิดถล่มค่ายทหาร โดยเฉพาะที่ “เมืองเบงกาซี” ซึ่งเป็นที่มั่นของกลุ่มต่อต้าน
อย่างไรก็ตาม ข่าวสารที่แพร่หลายยังสร้างความสับสน เพราะผู้นำลิเบียได้ปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอดและยืนยันว่าไม่มีการทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์
ส่วนข่าวจากฝ่ายต่อต้านที่เผยแพร่ออกมาจากสื่อต่างประเทศ เช่น CNN หรือ BBC ก็ยังไม่มีเหตุการณ์ยืนยันได้ชัดเจน เพราะข้อมูลส่วนใหญ่มาจากการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากผู้เห็นเหตุการณ์แทน
แต่สิ่งที่เห็นแน่นอน คือ ภายในประเทสลิเบียเกิดความวุ่นวาย กลายเป็นบ้านเมืองที่ไร้ขื่อแป ไม่มีกฎหมาย เกิดการปล้มสดมภ์ทั่วไป...จนคนลิเบียและชาวต่างชาติทยอยอพยพออกไปยังอียิปต์และตูนิเซียซึ่งมีพรมแดนติดกัน
ขณะนี้กัดดาฟีกำลังต่อสู้เพื่อ “ความอยู่รอด” ของตนเองเฮือกสุดท้าย...เหมือนเช่นอีกหลายประเทศเผด็จการที่กำลังดิ้นรนและวางแนวทางเพื่อความอยู่รอดอย่างสุดความสามารถบน “ห้วงเวลาที่แคบลงทุกขณะ”
กัดดาฟีเชื่อว่า...กำลังทหารของเขาจะบดขยี้ประชาชนที่ออกมาชุมนุม หรือกดให้อยู่ภายในที่พักได้
แต่หากประชาชนมีจำนวนมากขึ้น ไต่ระดับตัวเลข และยุทธวิธีการเรียกร้อง...เชื่อว่าการปราบปรามคงเป็นไปได้ยาก
ยิ่งผู้นำเลือกใช้วิธีสังหาร...ยิ่งกลายเป็นชนวนกระตุ้นให้กระแสไม่เอารัฐบาลรุนแรงขึ้น
เพราะแม้จะใช้วิธีสังหารปราบปรามประชาชนให้อยู่ในความสงบได้...แต่คงไม่มีผู้นำประเทศคนใดสามารถที่จะยืนยืดอกอยู่ร่วมกับสังคมโลกได้
ขณะนี้ ทั้งสหประชาชาติและประเทศใหญ่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ รัสเซีย และโลกตะวันตก ต่างร่วมมือกันแซงชั่นลิเบียตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
นอกจากนี้ ศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศกำลังเตรียมการที่จะดำเนินคดีกับกัดดาฟีในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุด้วย
ซึ่งวัตถุประสงค์ของการหยิบยกลิเบียขึ้นมากล่าวอ้างทั้งหมด เพราะต้องการสะท้อนให้เห็นว่า ...ผู้นำที่ฝืนความต้องการของสังคม ฝืนความต้องการของประชาชน เท่ากับยื้อเวลาขุดหลุมฝังตัวเอง
ทางวิทยาศาสตร์กล่าวไว้ว่า ทุกรอบ 10-15 ปี ความคิดของคนจะเปลี่ยนไปเป็นรุ่น ๆ จะเกิด “เจเนอเรชั่น เอ็กซ์-วาย” ความคิดจะเปลี่ยนแปลงตามระบบสื่อสารไร้พรมแดน
ยิ่งผู้นำบริหารประเทศอย่างมีปัญหา โดยเฉพาะรัฐบาลมีข้อครหาคอรัปชั่น ประชาชนมีปัญหาเรื่องปาก-ท้อง หรือปัญหาที่เกิดขึ้นในลิเบียเช่นอัตราการว่างงานที่ค่อนข้างสูงและสูงมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อประชาชนไม่เอารัฐบาล ผู้นำควรเลือกว่า...จะลงจากตำแหน่งแบบนุ่มนวลหรือลงแบบหัวทิ่ม...เพราะส่วนใหญ่รัฐบาลจะสู้จนนาทีสุดท้าย...แต่สุดท้ายก็หัวทิ่มทุกรายไป
โดยเฉพาะเรื่องเวรเรื่องกรรมสมัยนี้มันเดินทางเร็วยิ่งกว่าจรวด...ขนาด“โทมาฮอร์ค” ยังสามารถยิงมาถึงเป้าหมายเป็นระยะทางนับพันกิโลด้วยเวลาเพียงไม่กี่นาที...ซึ่งบ่งบอกถึงความเจริญด้านวิทยาการเทคโนโลยีที่สามารถจับต้องได้
แต่สิ่งที่มองไม่เห็นอย่างเช่นเรื่อง “บุญกรรม” ก็พัฒนาตามโลกนี้ไปด้วยเช่นเดียวกัน...ซึ่งคงเหลือเวลาอีกไม่นานสำหรับ “ผู้ปกครองเผด็จการ” ที่ต้องก้มหน้ารับกรรมกับความผิดบาปของตัวเองที่ได้ทำลงไป
ที่พูดไม่ได้หมายถึงแค่ “กัดดาฟี” แต่หมายถึงผู้ปกครองเผด็จการทั่วโลกที่ลงมือสังหารประชาชนได้อย่างเลือดเย็น...
ไม่ต้องมองไปไหนไกล...เพราะประเทศไทยเองก็มี!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น