วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554

พี่น้องท่านใดไม่ไปเลือกตั้งโปรดฟังผมสักนิดนะครับ...

http://www.internetfreedom.us/thread-18419-post-190217.html#pid190217

นับจากอดีตมาถึงปัจจุบัน บ้านเมืองไทยปกครองด้วยระบบสมบูรณาญาสิทธิราชมาตลอด จนสมัยยรัชกาลที่ 5 มีการนำแนวคิดในระบอบประชาธิปไตยเข้ามาในรูปแบบของ "สภา" ซึ่งในระยะเวลาดังกล่าวคนไทยก็ยังคงไม่สามารถปลดปล่อยความเป็นทาสของตัวเองได้ รวมถึงการที่ทางฝ่ายอำมาตย์เองก็ไม่นิยมยินยอมสูญเสียอำนาจนั้น

แต่กระแสของประชาธิปไตยได้แผ่ขยายมาเรื่อยๆ จนเกิดคนไทยกลุ่มหนึ่งได้ใช้กำลังทหารบีบให้เปลี่ยนระบอบการปกครองทำให้ฝ่ายอำมาตย์จ​ำนวนมากโดนยึดทรัพย์ โดนบีบให้ลดบทบาท ฯลฯ และนำเอาระบบ "สภา" เข้ามาในการจัดการปกครองประเทศ รูปแบบการบริหารประเทศจึงเป็นไปในรูปแบบสภา และมีการกำหนดรัฐธรรมนูญขึ้นมาเป็นกฏหมายสูงสุด

นี่เป็นข้อเท็จจริงจากอดีตที่ทุกท่านทราบดี

ต่อไปนี้เป็นความเห็นของผม ผิดถูกท้วงติง ชี้แนะได้นะครับ

หลังจากที่อำมาตย์สูญเสียอำนาจอย่างมากแล้ว อำนาจทั้งหลายเหมือนกับว่าจะมาตกอยู่มือประชาชน แต่กลับไม่ใช่ ประชาชนในขณะนั้นยังไม่รู้จักประชาธิปไตยกันสักเท่าไร (ถึงขนาดต้องเอารัฐธรรมนูญมาแสดงในงานวัด) ในเมื่อดูเหมือนประชาชนยังไม่รู้จักอำนาจของตัวเอง อำนาจในขณะนั้นจึงตกอยู่กับคณะปฏิวัติ ทหาร และบางครั้งก็ตำรวจ เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังคงใช้รูปแบบของสภาเป็นการจัดการบริหารอำนาจการปกครอง

และนี่คือจุดอ่อนในครั้งนั้น ฝ่ายอำมาตย์ที่ยังไม่ยินยอม(ใครมันจะไปยอมล่ะ) จึงได้ค่อยๆรวบรวมกลุ่มคน "อำนาจเดิม" กลับมาอีกครั้งและรู้ว่าการจะดึงอำนาจให้กลับมาเป็นของตัวเองแบบสมัยสมบูรณฯนั้นไม่ส​ามารถทำได้เพราะเกิดการเปลี่ยนผ่านไปแล้ว มีสภาแล้ว มีตัวแทนของประชาชนแล้ว สิ่งที่อำมาตย์ต้องทำและถือเป็นยุทธศาสตร์หลักๆเลยคือ "ทำให้ระบบสภาสิ้นความศักดิ์สิทธิ์และความชอบธรรม" เมื่อสภาสิ้นความเชื่อมั่นจากประชาชนแล้ว อำนาจจะคืนกลับมาสู่มือพวกเขาอีกครั้ง

จากปรากฏการณ์ต่างๆจะเห็นได้ว่า "สภาผู้แทนราษฎร" ของเราถูกกระทำให้เห็นในแง่ลบตลอดเวลา เป็นสภาที่ไม่น่าเชื่อถือ รวมพวกเหี้ย เสือสิงห์ที่เอาแต่ผลประโยชน์ ฯลฯในขณะเดียวกันอำมาตย์ก็สร้างภาพตัวเองว่า เป็นบุคคลที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง น่าเคารพ เสียสละ ดุจเทพเจ้าฯ กระแสศรัทธาประชาชนจึงได้เทไปยังฝั่งอำมาตย์เกือบทั้งหมด ทั้งๆที่อำนาจของตัวประชาชนเองอยู่ในสภาแท้ๆ แต่กับไม่เห็นความสำคัญ และด้วยเหตุนี้ประเทศไทยเราจึงล้มลุกคลุกคลานมาตลอด ไม่ว่าเราจะได้คนดีมีอุดมการณ์เข้ามาทำงานสักเท่าไร พวกเขาเหล่านั้นก็จะโดนเล่นงานจนไม่สามารถที่จะทำงานเพื่อชาติได้

เราจะสู้ทั้งสองแนวทาง และฝากไปยังตัวแทนของเราท่านต้องสู้อยู่กับเราในสภาด้วย

และโปรดอย่าลืมว่าตัวแทนของเรานั้น "หากมันเลวมันชั่วเราก็ด่ามันได้ ลดบทบาทมันได้ ตรวจสอบมันได้ แต่สำหรับอำมาตย์แล้วเราทำเช่นนั้นไม่ได้เลย

วันนี้การก้าวเดินเข้าสู่การเลือกตั้ง เอาอำนาจของเราเข้าสู่สภา และปกป้องอำนาจของเราในสภาจึงเป็นการต่อสู้ที่สำคัญไม่แพ้การต่อสู้นอกสภาครับ

วันนี้เท่ากับอำมาตย์กำลังรับศึกทั้งสองด้าน ทั้งในและนอกสภา จงทุ่มพลังเข้าสู้ไปด้วยกันเถิดครับ
ด้วยความเคารพในหัวใจนักสู้ทุกท่านครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น