วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554

แฉปฏิวัติล้มไม่เป็นท่า



โดย.... “ขอม ดำดิน”
http://pchannel.org/index.php?name=saad&file=readknowledge&id=41



        เหตุการณ์ผิดปกติของทหารเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๔  จักถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์อีกแล้ว  มันเป็นความล้มเหลวในความเพียรพยายามที่จะทำ “การปฏิวัติ” รัฐประหาร แต่ไม่สำเร็จ  ใครรู้ความจริงเข้า ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน





        (ฮา)  ขอมดำดิน  กำลังจะเขียนแฉให้อ่านขอรับ


       ขอเริ่มต้นว่าคนไทยทั้งประเทศ (ยกเว้นพวกพันธมิตร) พากันใจหายใจคว่ำกับการแสดงพลังความพร้อมของทหาร “รักษาพระองค์ (รอ.)” เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๔  ที่มีการนำเอากำลังพล  รถถัง และอาวุธสงครามออกมาแสดง (ภายในค่าย) โดยมีนายพลใหญ่จากกองทัพบก  ยืนตะเบ๊ะ ต้อนรับทหารหาญ ที่ตบเท้าพรึบพลับ  ยังกะจะออกรบ  ใครไปเห็นเข้าถึงกับสงสัยเต็มประดาว่าทหารจะยึดอำนาจอีกแล้วเรอะ ?


       ขณะเดียวกัน  จอทีวี (พวกที่ใช้ดาวเทียม) พากันมืดทั้งประเทศ   ยิ่งทำให้อาการตกใจของประชาชน “หล่นโครมลงบนเตาอังโล่...เฮ้ย...เกิดอะไรขึ้น ?” หลังจากนั้นก็มีแต่ความโกลาหลย่อยๆไปทั่วประเทศ  ทำให้โทรศัพท์บ้านและมือถือขายดิบขายดี ชนิดรับแทบไม่ทัน  เพราะโทรถามกันให้ว่อนแทบสายจะไหม้


       ในสถานการณ์อย่างนี้  วิทยุชุมชนของคนเสื้อแดง ๑๐ สถานี  ทั้ง กทม. และรอบเมืองหลวง  นำโดย สมชาติ นาคบรรจง  “พันธ์ศักดิ์  ซาบุ” คม  ลาดพร้าว และดีเจห้าวอีก ๑๑ คน ก็พากัน “ระดม” มันสมอง ด่วนจี๋  ชนิดทหารที่ว่าเร็วยังไม่เร็วเท่า


          พวก เอฟเอ็มทั้งหมดประชุมด่วนที่ลำลูกกา  ซอย ๖๙ ตรงข้าม คลังน้ำมัน ปตท.พื้นที่จังหวัดปทุมธานี  แต่อยู่ติดวงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร พวกเขาประกาศเป็นเสียงเดียวกัน...เตรียมพร้อมพี่น้อง...เตรียมตัวลุย !


        ขอมดำดิน  ร่วมประชุมด้วย  จึงเสนอด่วนจี๋ ...เดี๋ยวก่อน ขอเข้าไปเช็คข่าวในค่ายก่อน...ไม่เกินชั่วโมง  จะรายงานให้ทราบ   ว่าแล้ว...ก็เผ่นเข้าค่าย-ไปด้อมๆมองๆ หาข่าวกับเครือข่ายทหารที่เป็น “ทหารแตงโม” หรือทหารแนวแดงนั้นแลขอรับ  เข้าไปถึงปุ๊บก็ได้ข่าวปั๊บโดยออกมายืนคุยกันในสวนป่า ตั้งอยู่ภายในบริเวณค่ายทหารที่ “จัดสวน” ขายพันธุ์ไม้นานาพันธุ์ คล้าย “ดงไม้จตุจักร”กลางเมืองหลวง ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น สวยงาม และเงียบสงบ


         ต่อไปนี้เป็นรายงาน “พิเศษ” ที่แสนจะพิลึกและน่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง  ที่พีเพิ่ลแชนเนิ่ล ขอมอบให้แก่ “ผู้อยากรู้” ทั้งภายในและนอกประเทศ-ทั่วโลก   สายข่าวบอกจุดเริ่มต้นก่อนว่า  ทหารมีอยู่ ๒ สาย
        สายที่หนึ่ง เรียกขานว่า “บูรพาพยัคฆ์”
        อีกสายหนึ่ง เรียกขานว่า “วงศ์เทวัญ”


        ทหารทั้ง ๒ สายดังกล่าว รวมกันไม่ติด  ไม่สามารถ “สั่งการ” ทำให้งานปฏิวัติที่วางแผนเอาไว้ “ม้วนเดียว” จบ  ถึงกับล้มครืนกลางแจ้ง  สายข่าวเล่าให้ฟัง  แล้วขยายความนต่อไปว่า “ขนาดปิดระบบดาวเทียมเอาไว้รอเรียบร้อยแล้ว  ก็ยังทำปฏิวัติไม่ได้” ขอมดำดิน ได้ยินถึงกับมีอาการขนพองสยองเกล้า
 สายข่ายเล่าเรื่องราวให้ฟังต่อ อธิบายชัดแจ้งแดงแจ๋ว่า ทหารแต่ละสาย เป็นทหาร รอ. ด้วยกันทั้งนั้น  และอยู่ในค่ายเดียวกัน  ทำงานอยู่ในห้องเดียวกัน...บัญชีเงินเดือนแผ่นเดียวกัน แต่ในหัวใจไม่เหมือนกัน เพราะมันเกิดจากความไม่เป็นธรรม


        กล่าวกันให้ชัด มีสายตรงของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และสายที่เข้าไม่ถึงเปรม ทั้งสองสายดังกล่าว  มีทหารแตงโมเกี่ยวข้องอยู่ครบ แต่เป็นทหารแตงโมในแบบทหาร ไม่ได้ขึ้นกับคนเสื้อแดงแต่ประการใดจุดยืนของทหารแตงโมได้แก่จิตใจที่รักความเป็นธรรม  มีความเห็นใจ “พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร”  เพราะตระหนักแก่ใจดีว่าท่าน ทักษิณได้รับเคราะห์กรรมอันเกิดจากความคิดชั่วๆของพวกอำมาตย์ ทักษิณตกเป็นเหยื่อ ถูกเอาไปทำปูยี่ปูยำ เพื่อจะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและหลักการต่างๆในรัฐธรรมนูญ   ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการรักษาอำนาจและผลประโยชน์ของพวกอำมาตย์ (ทั้งๆที่อยู่รอดอยู่แล้ว  แต่ความไม่รู้จักพอ จึงทำบ้าๆลงไป) ?!


       ทหารแตงโมส่วนใหญ่อยู่ในระดับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา (ตั้งแต่พลตรีลงมา) มีจำนวนมากโข  แต่ไม่กล้าแสดงออก ทหารแตงโมเหล่านี้  จะได้รับข่าวสารข้อมูลและได้รับรู้ปัญหาของชาติว่าเกิดมาจากอะไร เมื่อรู้ความจริง  จิต-เกิดความรังเกียจและชิงชังผู้บังคับบัญชา


       กรณีเมื่อวันที่ ๒๑  เมษายน ๒๕๕๔  ที่ขอมดำดิน สามารถรายงานข่าวให้ท่านผู้อ่านได้เป็นอย่างดีก็เพราะ “ทหารแตงโม” ให้ความช่วยเหลือขอรับ สายเล่าว่า  พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา  ผบ. ทบ. (สายบูรพาพยัคฆ์) ถูกเฉ่งปี๋ว่าปล่อยให้เด็กอมมือ “จตุพร พรหมพันฅธุ์ กับ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” พูดจาถากถางไม่เกรงใจ  เหตุเกิดเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๔ ที่อนุสาวรีย์ชัย ปล่อยให้มันพูดเลยเถิดเล่นงานอำมาตย์  ซึ่งเขาอ่านว่าเป็นการ “พูดหมิ่น” เบื้องสูงด้วย และหมิ่นอย่างร้ายแรง แล้วมีคำถามจากอำมาตย์ว่าทนฟังอยู่ได้อย่างไร  จะต้องจัดการให้เฉียบขาด อย่าปล่อยให้มันเหิมเกริม


       เขาใช้คำว่า “อย่าปล่อยให้มันเหิมเกริม” ???! สายข่าวเผย


       ด้วยเหตุนี้  ทหารจึงเป็นเจ้าภาพไปแจ้งจับ “จตุพร พรหมพันธ์” กับพวกแกนนำอีกหลายคน   กะจะเอาให้ติดคุกหัวโต ๑๐ ถึง ๑๘ ปี เหมือนดาตอร์ปิโด  จะได้หายซ่ากันเสียที   เท่านั้นยังไม่พอ  ยังได้แสดง “จุดยืน” ของฝ่ายทหารว่าจะปกป้องสถาบันด้วยเลือดและชีวิต  จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายสถาบันได้


       ปฏิบัติการ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๔  จึงเป็นการแสดงออกว่าจะทำการปกป้อง แต่ด้วยเหตุว่า  กองพลที่ ๓ ไม่ยอมเคลื่อนทัพ รวมทั้งลพบุรี และกาญจนบุรีก็ไม่ยอมขยับโดยอ้างว่า  “เดือนเมษา...เป็นเดือนโลกาวินาศ”  ต้องรอเดือนพฤษภาคม จึงจะเหมาะ ด้วยเหตุนี้ การปฏิวัติจึงล้มกลางแจ้ง คนที่จัด ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน ?


       ขอมดำดินได้รับฟังแล้ว ถึงกับโล่งอก  หลังจากนั้นจึงขอรับฟังความเห็นจากสายข่าว  ว่าทหารมีความเห็นเกี่ยวกับ นปช. อย่างไร  สายข่าวเล่าว่า ฝ่ายทหารถือว่า  นปช. และคนเสื้อแดงทั้งหมด  ซึ่งมี พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้า  รวมทั้ง พรรคเพื่อไทย  เป็นฝ่ายตรงข้ามกับสถาบัน  จะต้องจัดการให้เข็ดหลาบ  จะไม่ปล่อยให้คนพวกนี้ได้อำนาจบริหารประเทศ ไม่ว่ากรณีใดๆ การแสดงพลังโชว์ความพร้อมของทหารราบที่ ๒ รักษาพระองค์ [พล.ร.๒ รอ.] นำโดย พล.ต. พิสิทธ์ สิทธิสาร ผบ.พล. ร. ๒ รอ. ที่ทำเอาประชาชนทั้งประเทศตื่นเต้นว่าทหารจะทำการยึดอำนาจอีกนั้น  ไม่ใช่เรื่องเตรียมพร้อมเฉยๆ-เขาจะทำจริงตะหาก  แต่เขาทำไม่สำเร็จ  มันล้มไม่เป็นท่า  ความวิบัติจึงยังไม่เกิดขึ้น


        มีเกล็ดเล่าเสริมว่า การยึดอำนาจทั้งหมด (ในยุคใหม่) ทหารถือเคล็ด จะไม่ยอมทำปฏิวัติต้นเดือน กล่าวคือจะไม่กระทำการในวันที่ ๑ ถึง ๑๐ ของเดือนเมษายนนี้ เพราะฤกษ์ยามไม่ให้  แต่อาจจะทำได้ในปลายเดือน แต่ถ้าเป็นเดือน พฤษภาคม ถือว่าเป็นเดือนถูกโฉลก ตลอดทั้งเดือน  เพราะเคยได้รับ “ความสำเร็จ” มาแล้วหลายครั้ง  สายข่าวจากทหารแตงโม  รายงานเรื่องน่ารู้อีกว่า “ทหารเชื่อว่า นปช. เป็นพวกล้มเจ้า ดังนั้น จึงตั้งเด็ดเดี่ยวจะแยก นปช. ออกจากพรรคเพื่อไทย และจะต้องหาทางแยกพรรคเพื่อไทยออกจาก นปช.  ถ้าแยกสำเร็จ  ก็จะปกป้องสถาบันได้  



ทหารเข้าใจอย่างนั้น ผิดหรือถูก  คนเสื้อแดงจะเข้าใจได้ดีกว่าวิธีการของทหารก็คือ จะต้องสร้างเงื่อนไขให้ทหารสามารถถือเป็นประเด็นเข้าไปยึดอำนาจ แล้วขัดขวางทุกรูปแบบไม่ให้พรรคเพื่อไทยได้บริหารประเทศ   ยุทธวิธีของทหาร ได้แก่การล้มกระดานเลือกตั้ง  หาหนทางตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เอานายกพระราชทานมาใช้งาน  รวมไปถึงการ “ปฏิวัติเงียบ”  ไม่มีการยุบสภา  ไม่มีการเลือกตั้งอย่างน้อย ๔ ปี  โดยจะใช้กระบวนการ “ปิดประเทศ” จัดระเบียบประเทศเสียใหม่ หรือว่าถ้าจะมีการเลือกตั้ง  ก็จะต้องช่วยเหลือพรรคฝ่ายทหารให้ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชน จะได้มากแน่ๆ เพราะมีหลายพรรค  แล้วให้พรรคเหล่านั้นรวมตัวกันจัดตั้งรัฐบาล

       รัฐบาลสมัยหน้า  นายอภิสิทธิ์  ไม่ได้เป็นนายยกอย่างแน่นอน


       ขอมดำดินถามสายข่าวจากทหารแตงโมว่า  “พอจะรู้ไหมว่าทหารจะปราบคนเสื้อแดงหรือไม่” ก็ได้รับคำตอบอันน่ากลัวว่า ปราบแน่  โหดร้ายและทารุณเหมือนเดิม แต่ไม่มีการฆ่าใหญ่ ดังที่เคยฆ่า ๑๐ เมษาและ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓


       แต่จะมีการ “ฆ่าย่อย” ฆ่าเป็นรายหัว  ไล่เก็บทีละคนสองคน ซึ่งได้ทำมาแล้วหลายครั้ง รวมทั้งการบุกกระหน่ำการ์ด นปช. ที่เขาตาโร  จังหวัดชลบุรี เมื่อตอนเช้าวันที่ ๒๐ เมษายน  ๒๕๕๔  โชคดี การ์ด นปช. รอดตายทั้ง ๒ คน !


       ขอมดำดิน ได้ยินข่าวแบบนี้ด้วยความรู้สึกเดือดร้อน มันทำให้เกิดความวิตก และกังวลกับปัญหาประชาธิปไตยในประเทศไทย  ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหากันได้อย่างไร  ในเมื่อทหารไทยเอาแต่ฆ่าเพื่อจะปกป้องสถาบัน สงสัยว่าทำไมทหารจึงไม่รู้ว่าประชาชนรักพระเจ้าแผ่นดินทั้งประเทศตั้งแต่ไรมา จู่ๆก็มีคนทำให้ “เจ้ากับพสกนิกร” ยืนอยู่คนละฝั่ง


       ใครทำให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นมา...อยากรู้...ทหารคนไหนทำการผิดพลาด สิ่งที่ทหารทำผิดพลาด ได้แก่ปัญหาฆ่าใหญ่ ๑๐ เมษายนคราวนั้น  ถ้าทหารนำคู่กรณี “เข้าเฝ้า” ให้พระองค์ได้ทรงโปรดให้หยุดฆ่า  ประชาชนก็จะแซ่ซ้องสรรเสริญ เช่นเดียวกับกรณี พลเอกสุจินดา คราประยูร กับ พลตรีจำลอง ศรีเมือง คราวนั้น อย่าว่าแต่พสกนิกรไทยเลยครับท่าน  ชาวโลกก็พากันสรรเสริญ


        แต่วันนี้...เมื่อทหารไม่ดำเนินการ ดับไฟกลางนคร โดยคนเสื้อแดงเขาลงความเห็นว่า  พลเอกเปรม ติณสูลานนท์  เป็นตัวการ “ขวาง” อยู่ตรงกลาง สุดท้าย  พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา และพรรคประชาธิปัตย์ ก็พากันเล่นบทตามพลเอกเปรม  ติณสูลานนท์ ไปด้วย เลยกลายเป็นการปิดโอกาสมิให้เจ้าได้ทรงแก้ปัญหา ทหารทำแบบนี้เป็นการเอาคนเสื้อแดงขึ้นไปรบกับพระราชาของตนเอง


        อนิจจา  พสกนิกรไทยกับพระราชา...เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร ?


        ขอมดำดิน  ถามเยอะแยะ  ได้รับคำคอบมามาก  แต่ไม่สามารถนำเอาเขียนรายงานได้หมด  เพราะจะทำให้ “เนื้อข่าว”  มีความยาวจนน่ารำคาญ  แต่ก็มีข่าวหนึ่งที่จะจดจำไม่มี่วันลืม  ก็คือ ทหารจะปฏิวัติจริง-จริง แต่มันไม่ครบองค์  เลยต้องล้มกลางแจ้งนั้นแล ระวังเอาไว้...เขายังไม่เข็ด...ยังคิดจะทำอีก  “สายข่าว” กระซิบบอก



      จบการรายงานข่าว
       “ขอม   ดำดิน”
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น