กองพล2จัดเต็ม หนุนบิ๊กตู่ พร้อมเคลื่อนพล | ||
กองพล2จัดเต็ม หนุนบิ๊กตู่ พร้อมเคลื่อนพล ถึงที่หมายภายใน12ชม. "ณัฐวุฒิ"เชื่อปฏิวัติแน่! ปลุกแดงเตรียมต่อต้าน โรเบิร์ตเตือนโลกจับตา บุกยิงนปช.พัทยา-เจ็บ2
"เมธี"รายงานตัวแย่งปืนทหาร เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 เม.ย. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายเมธี อมรวุฒิกุล อดีตแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เข้ารายงานตัวกับนายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เพื่อฟังคำสั่งคดีที่ตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานครอบครองอาวุธปืนที่นายทะเบียน ไม่สามารถออกให้ได้ และพกพาอาวุธปืนไปในที่ชุมชนโดยไม่มีเหตุอันควร ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ กรณีถูกจับกุมพร้อมอาวุธปืนสงครามของทางการที่ยึดไปจากเจ้าหน้าที่ทหารในเหตุการณ์ปะทะกันของทหารกับกลุ่ม นปช. ที่สี่แยกคอกวัว เมื่อคืนวันที่ 10 เมษายน 2553 ที่ผ่านมา สำหรับการรายงานตัวของนายเมธี ในวันเดียวกันนี้ ยังคงมีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ดูแลอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดีเนื่องจากพนักงานอัยการยังพิจารณาสำนวนคดีไม่แล้วเสร็จจึงต้องเลื่อนนัดสั่งคดีออกไปก่อน โดยนัดผู้ต้องหามาฟังคำสั่งคดีอีกครั้งในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. อัยการมึนถอนประกัน9แดง นายเมธีกล่าวว่า ตอนนี้ตนยังคงอยู่ในความดูแลของดีเอสไอตามโครงการคุ้มครองพยานในคดีก่อการร้าย โดยยังต้องรอเบิกความในชั้นศาล ส่วนคดีอาวุธปืนก็ต้องนำพยานเข้าต่อสู้กันไป อย่างไรก็ดีตนคงไม่หวนกลับเข้าวงการบันเทิงอีกแล้ว ส่วนจะเล่นการเมืองเต็มตัวหรือไม่เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้คงต้องสู้กับวิบากกรรมต่อไป โดยเฉพาะกรรมระหว่างตนกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.และส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย คงต้องต่อสู้กันไปอีกนาน นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยื่นเรื่องขอให้อัยการยื่นคำร้องให้ศาลอาญาเพิกถอนการประกันตัวนายตุพร และแกนนำ นปช.รวม 9 คน ในคดีก่อการร้าย ว่าได้มอบหมายให้นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ตรวจดูเอกสารบันทึกถ้อยคำจากการถอดเทปคำปราศรัยของจำเลยเกือบครบทุกคนแล้ว เบื้องต้นพบว่าบางคนไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 แต่บางคนก็ฟังแล้วค่อนข้างชัดเจน ซึ่งอาจพิจารณาขอถอนประกันจำเลยเพียงแค่บางคน กอ.รมน.จับตาแดงอยุธยา วันเดียวกัน พ.อ.เกียรติศักดิ์ ฟักทองพรรณ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จ.พระ นครศรีอยุธยา เปิดเผยกรณีที่กลุ่ม นปช.จะจัดกิจกรรมในวันอาทิตย์ที่ 24 เม.ย. ว่ากอ.รมน. จังหวัด จัดส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเคลื่อนไหวเป็นระยะ เพื่อประเมินดูว่าจะมีมวลชนคนเสื้อแดงเข้าร่วมมากน้อยเพียงใด แต่จากข้อมูลเชิงลึกพบว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ จะมีกลุ่มมวล ชนจากหลายจังหวัดเข้ามาร่วมงาน เพราะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถือว่าเป็นฐานมวลชนของกลุ่มคนเสื้อแดงสำคัญของภาคกลาง กอ.รมน. จังหวัดจะติดตามการทำกิจกรรมของกลุ่ม นปช. ทุกขั้นตอน โดยเฉพาะการเปิดเวทีปราศรัยในช่วงเย็นที่บริเวณภายในสนามกีฬากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพราะเกรงว่าจะพูดพาดพิงหรือจาบจ้วงสถาบัน หากเป็นเช่นนั้นก็จะแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับผู้พูดพาดพิงสถาบันทุกราย เพราะกองทัพภาคที่ 1 กำชับมาเป็นพิเศษ ด้านนางมยุรี เศวตาศัย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงอยุธยา 49 กล่าวว่า การจัดกิจกรรมของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันอาทิตย์ที่ 24 เม.ย. เกิดขึ้นจากความร่วมมือของกลุ่มคนเสื้อแดงในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดใกล้เคียง ที่ต้อง การเห็นความสามัคคีของมวลชนคนเสื้อแดง และกลุ่มนปช. สิ่งสำคัญเชื่อว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้ แกนนำ นปช. จะสามารถควบคุมการชุมนุมให้อยู่ในกรอบของกฎหมายได้ และเชื่อว่าไม่พูดพาดพิงสถาบันในทางที่เสียหาย เพราะกลุ่ม นปช.และคนเสื้อแดงก็รักในหลวงเช่นกัน สำหรับการจัดกิจกรรมของกลุ่ม นปช.และคนเสื้อแดงที่ จ.พระนครศรีอยุธยานั้นได้มีการแจกใบปลิวไปทั่วจังหวัด เพื่อเชิญชวนให้กลุ่มคนเสื้อแดง มาร่วมกิจกรรมถวายอาหารเพลอุทิศส่วนกุศลให้นายปรีดี พนมยงค์ เวลา 09.00 น. มีกิจกรรมผูกผ้าแดงบนสะพานปรีดีธำรง เวลา 11.00 น. ทำบุญเลี้ยงพระสงฆ์จำนวน 9 รูป เวลา 12.00 น. รับประทานอาหารร่วมกัน เวลา 17.00 น. จะเปิดเวทีปราศรัยของแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ภายในสนามกีฬาจังหวัด เทือกซัดอดีตผู้นำทำแตกแยก เวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงความเหมาะสมในการออกมาแสดงพลังของทหารหลายเหล่าทัพในการปกป้องสถาบันว่า ชัด เจนอยู่แล้วว่าแต่ละฝ่ายต้องทำหน้าที่ของตัวเอง เมื่อมีคนทำให้บ้านเมืองได้รับผลกระทบ ทั้งต่อความมั่นคงและความรู้สึกของประชาชน คนที่มีหน้าที่ก็ต้องทำหน้าที่ ตนพูดได้เท่านี้ และตนไม่ประสงค์ให้ขยายความเรื่องนี้ออกไปเกินจากความเป็นจริง เมื่อถามว่าภาพที่ออกมาเหมือนเป็นการประหัตประหารกัน ทั้งที่จะเริ่มเข้าสู่โหมดเลือกตั้งแล้ว นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเพียงการแสดงออกของผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อชาติบ้านเมือง ตนคิดว่าเขาได้แสดงออกในขอบเขตที่เหมาะสมแล้ว "มันไม่เคยมีขบวนการที่ทำกันอย่างเป็นระบบ แบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความแตกแยก กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ มันเพิ่งมีในยุคนี้ ในช่วง 2-3 ปีนี้ ซึ่งประชาชนทั้งประเทศก็มองเห็นกันอยู่ แต่เขาก็อดทน เรื่องนี้เกิดจากคนที่เป็นอดีตผู้นำประเทศที่ไม่ผ่อนลง ผมเตือนแล้วเตือนอีก พูดทั้งในและนอกสภาว่าการต่อสู้ทางการเมือง ตามวิธีทางประชาธิปไตย เขาใช้เฉพาะพรรคการเมืองต่อ สู้กัน ไม่ต้องไปสร้างกลุ่มที่สอง ที่สาม" นาย สุเทพ กล่าวและว่า ส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ระบุเป็นการแสดงออกในฐานะประชาชนที่ปกป้องสถาบันนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ตอบคำถามนี้ ขอให้พอแล้วเรื่องสถาบัน ฉุนคำถามทหารเริ่มโอเวอร์ เมื่อถามว่าวันนี้การแสดงออกของทหารเริ่มลุกลามไปในหลายเหล่าทัพมากขึ้น เกรงหรือไม่ว่าภาพจะดูไม่ดี นายสุเทพ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า ตนไม่ค่อยชอบใจที่จะตอบคำถามนี้ เพราะตนพยายามประคับประคองไม่ให้เป็นปัญหา ก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร แต่ละคนก็ทำหน้าที่ของตัวเอง เมื่อถามว่ามันทำให้บรรยากาศเลือกตั้งเลือกตั้งเสีย นายสุเทพ กล่าวว่า ตนพูดในภาพรวมแล้วว่าทุกฝ่ายต้องเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดี แต่เวลาที่อีกฝ่ายทำอะไรไม่ดีก็ไม่เห็นสื่อจะห้าม ส่วนรัฐบาลยืนยันได้ว่าพยายามดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศอยู่ตลอดเวลา พาบ้านเมืองมาได้ในช่วง 2 ปีกว่าแบบยากเย็น เลือดตาแทบกระเด็น เมื่อถามว่าหากเรื่องเหล่านี้ยังไม่จบ คิดว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยืนยันว่ามีเลือกตั้งแน่นอน อยากให้ทุกคนมองโลกในแง่ดี เมื่อเห็นเป้าหมายรออยู่ข้างหน้าคือการเลือกตั้ง ก็เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงปฏิกิริยาของกองทัพในปัจจุบัน ว่า ประชุมกับพล.อ.ประยุทธ์ เกือบทุกวัน ไม่มีอะไร กรณีก้าวล่วงสถาบันมีคนไม่พอใจจำนวนมาก ประชาชนที่จงรักภักดีเวลาเห็นสถาบันถูกพาดพิงในทางเสียหาย ย่อมไม่มีใครพอใจ ขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่ากฎหมายมีการดำเนินการกันอยู่ สำหรับผบ.ทบ. พยายามทำในขอบเขตที่เหมาะสม แสดงท่าทีที่ชัดเจน ซึ่งบอกกับตนเช่นนั้น "จิ้น"ปัดใช้สถาบันมาหาเสียง ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงประชาชนหลายจังหวัดออกมารวมกลุ่มที่หน้าศาลากลางจังหวัดเพื่อแสดงพลังปกป้องสถาบันว่า คงไม่มีอะไร เป็นเรื่องของประชาชน เป็นการเคลื่อน ไหวของภาคเอกชน ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยมีนโยบายปกป้องสถาบันอยู่แล้ว โดยเดินสายไปตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามถึงทหารออกมาพูดและเคลื่อน ไหวปกป้องสถาบัน จะส่งผลกระทบต่อบรรยา กาศการเลือกตั้งหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกัน การเลือกตั้ง แต่ละพรรคมีกลยุทธ์หาเสียง ส่วนพรรคภูมิใจไทยมีนโยบายปกป้องสถาบันจึงอาจมีปัญหาในการหาเสียง นายชวรัตน์ กล่าวว่า ไม่น่ามีปัญหาและน่าจะเป็นกองเชียร์มากกว่า เพราะประชาชนทั้งประเทศให้ความสำคัญต่อสถาบัน เมื่อถามว่าผบ.ทบ. ออกมาปรามไม่ให้นำเรื่องสถาบันมาหาเสียง นายชวรัตน์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ใจเราปกป้องสถาบันอยู่แล้ว ไม่ได้นำพระบรมฉายาลักษณ์มาไว้ข้างๆ ผู้สมัครเพื่อหาเสียง แดงเตือนอย่าท้าทายประชาชน เวลา 13.00 น. ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน นำโดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ น.พ.เหวง โตจิราการ นายวรชัย เหมะ ร่วมกันแถลงข่าว นายณัฐวุฒิ แถลงว่า กรณีมีการเคลื่อนไหวของหน่วยงานความมั่นคง โดยเฉพาะทหารหลายหน่วยออกมาตบเท้าแสดงพลังนั้น เรื่อง เกี่ยวกับสถาบันนั้นนปช.แสดงออกด้วยความจริงใจและแสดงออกโดยละเอียดรอบคอบ ไม่ให้กระทบต่อสถาบัน ตรงกันข้ามกลับถูกกองทัพ กล่าวหาว่าจาบจ้วงสถาบัน และเรื่องนี้เข้าสู่กระ บวนการยุติธรรมแล้ว กองทัพน่าจะปล่อยให้เรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ดำเนินตามกฎ หมาย เท่านี้ก็เพียงพอที่กองทัพจะยุติการเคลื่อน ไหว ตรงนี้กองทัพกลับไม่หยุด จะเห็นว่ามีการตบเท้าของหน่วยทหารตลอดเวลา "การตบเท้าของหน่วยทหารที่เห็นอยู่ในขณะนี้ ผมได้รับการยืนยันจากนายพลที่อยู่ในราชการว่า เป็นการเช็กแถวเตรียมพร้อมต่อการทำรัฐประหาร และเตรียมการใหญ่โต บ้างก็บอกพร้อมในเวลา 1 นาทีบ้าง 1 ชั่วโมงบ้าง ที่ออกมาเช็กแถว ก็เพื่อให้ผู้นำเหล่าทัพมั่นใจว่ามีความพร้อม มีแผนล้มการเลือกตั้ง คือ ถอน ยุบ ยึด คือ ถอนประกันแกนนำนปช. และหลังการยุบสภาก็จะมีการรัฐประหาร" นายณัฐวุฒิ กล่าวและว่า ตนไม่ได้ท้าทายที่ออกมาพูด แต่นำความจริงมาบอกประชาชนว่ากองทัพอย่าท้าทายประชาชน เพราะประชาชนเขาจะไม่ยอมไม่ให้ทำรัฐประหารอีกต่อไป ธิดาถกอัมสเตอร์ดัมต้านปฏิวัติ นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ตนต้องขอพูดแทนประชาชน และต้องการส่งเสียงไปยังผู้นำกองทัพ และมือที่มองไม่เห็น และขอให้พี่น้องประชาชน ต่อต้านการล้มการเลือกตั้งทุกกรณี ถ้าหากเป็นไปตามแผน ถอนยุบยึด ที่จะเริ่มแผนการในสัปดาห์หน้านั้น จะถือเป็นการยึดอำนาจที่ประหลาดที่สุดในโลก เพราะมีการบุกจับประชาชนก่อน โดยเฉพาะแกนนำนปช. ก่อนการบุกจับรัฐบาล ซึ่งถือเป็นความอัปยศที่คณะรัฐประหารจับประชาชนก่อนรัฐบาล ขอร้องไปยังผู้คิดอ่านที่จะทำว่าอย่าทำเลย เพราะถ้าทำเราจะสู้เต็มที่ และในวันนี้นางธิดา โตจิราการ รักษาการประธานนปช.และนายสมหวัง อัสราษี ได้เดินทางไปมาเลเซีย เพื่อพบกับนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความนปช.เพื่อหารือถึงแนว ทางวัตถุประสงค์ ในการผลักดันคดีสังหารหมู่ประชาชนในกทม. เข้าสู่ศาลอาญาระหว่างประ เทศ และขณะนี้อยู่ระหว่างหาข้อมูลพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้มีน้ำหนักในชั้นอัยการ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า นอกจากนี้นางธิดาจะหารือกับนายอัมสเตอร์ดัม เกี่ยวกับกระบวนการต้านรัฐประหาร ที่ทำควบคู่กันไปกับคดีสังหารหมู่ประชาชนด้วย ซึ่งเรามีมติให้นายอัมสเตอร์ ดัม เป็นตัวแทนการเคลื่อนไหว ทั้ง 2 เรื่องนี้ในเวทีนานาชาติ พูดง่ายๆ ถ้าล้อรถถังหมุน ล้อของนายอัมสเตอร์ดัมก็จะหมุนไปในระดับนานาชาติ รวมทั้งประสานไปยังคนเสื้อแดงทั่วโลก ถ้ามีการทำรัฐประหาร เราจะขยับสถานการณ์การต่อสู้ในไทยเข้าสู่เวทีโลกทันที ส่วนวิธีการจะเป็นอย่าง ไร ตนยังไม่บอกวันนี้ ที่พูด ไม่ได้ท้าทาย แต่ไม่ต้องการให้การปฏิวัติเกิดขึ้น และขอเชิญชวนคนเสื้อแดง และคนทั่วทั้งประเทศไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไร ให้ร่วมกันต่อต้านการปฏิวัติ และส่งเสียงดังๆ ว่า ต้องการเลือกตั้ง ไม่ต้องการล้อของรถถังอีกต่อไป โต้บิ๊กตู่-ย้ำกดดันให้จับเปรม นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.พูดว่า "อย่ากดดันจนเจ้าหน้าที่ต้องจับอาวุธขึ้นมาอีก" ขอเรียนว่า เราไม่ประสงค์ที่จะเผชิญหน้า อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ เข้าใจว่าสถานการณ์นี้ไม่มีใครกลัวใคร และไม่เห็นว่าการเรียกร้องของเราต้องให้จับปืนตรงไหน "ผมกดดันให้ท่านจับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ไม่ใช่มาจับปืน พล.อ. เปรมและคณะพูดจาจาบจ้วงสถาบันอย่างร้ายแรงที่สุด ตรงกันข้าม ท่านยังไปรดน้ำ ดำหัวขอพรพล.อ.เปรมในวันสงกรานค์ แต่กับคนเสื้อแดง ท่านเล่นจะเป็นจะตายอยู่ทุกวัน ขอย้ำว่า เราไม่ได้กดดันให้ท่านจับปืน แต่ขอให้จับเปรม" นายณัฐวุฒิกล่าวและว่า ขอร้องพล.อ.ประยุทธ์ ว่าอย่าทำอย่างนี้เลย บ้านเมืองต้องการการเริ่มต้น และบ้านเมืองจะเริ่มต้นได้คือการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม แผนที่ท่านเตรียมไว้ ถ้าไม่ทำประชาชนเขาจะให้อภัย แต่ถ้าทำประชาชนเขาจะไม่ให้อภัยและจะต่อสู้จนถึงที่สุด ตู่แฉดาว์พงษ์เรียกตัว3ผบ.พล. นายจตุพร กล่าวว่า กำลังหน่วยทหารที่ออกมาแสดงพลัง ถ้าฟังข้อมูลที่ตนอภิปรายในรัฐสภา จะสอดคล้องกับผังการทำหน้าที่ของทหารที่มี 21 จุด 89 ความตาย ตามสำนวนในกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เมื่อครั้งสลายการชุมนุม และอยากถามไปยัง พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก เมื่อคืนที่บ้านพักของท่าน ได้เรียกผบ.กองพลที่ 1 กองพลที่ 2 และกองพลที่ 9 ที่ประกอบด้วยทหารจาก กทม. ปราจีนบุรี และกาญจนบุรี เรียกมาสั่งการอะไรกัน และการ เตรียมการของหน่วยทหาร ที่บอกเตรียมความพร้อมในครึ่งชั่วโมง หรือตบเท้าแสดงพลัง ก็ขอให้ทำกันทุกวัน ขอให้ประสบความสำเร็จ ที่ผ่านมาทหารถืออาวุธยืนผิดที่ผิดทาง แทนที่จะถือตามชายแดน กลับถืออยู่บนตึก ในรางรถไฟฟ้า กทม. จากนี้อย่าคิดว่า ไล่ต้อน หรือบีบบังคับกันง่ายๆ ตนและพี่น้องประชาชนพร้อมสู้ตาย ลืมนักเลือกตั้งสร้างนักปชต. นายจตุพร กล่าวต่อว่า เรื่องพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ลาออกจากประธานพรรคเพื่อไทย ขอร้องไปยังคนเสื้อแดงว่า เราต้องหยุดการวิพากษ์วิจารณ์ การตัดสินใจของท่านก็ทำโดยความยากลำบาก ท่านมาดี และท่านก็ไปดีขอให้คิดแค่นั้น เรามองอย่างให้เกียรติ ไม่มีข้อหมองใจกัน อย่ามองว่า ท่านถูกกดดัน ขอให้มองข้ามพล.อ.ชวลิตว่า ท่านไม่ใช่ศัตรู ศัตรูคือคนที่ลั่นกระสุนสั่งฆ่าประชาชน นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวว่าตนจะลาออกจากส.ส.พรรคเพื่อไทย เรื่องนี้มีความพยา ยามที่จะแยกคนเสื้อแดงออกจากพรรคเพื่อไทย หรือยุทธการแยกปลาออกจากน้ำ การยุบพรรคเพื่อไทยเขายุบได้ แต่ถ้าให้ยุบคนเสื้อแดงเขายุบไม่ได้ นอกจากยุบไม่ได้แล้ว คนเสื้อแดงยังลุกขึ้นสู้ด้วย ยืนยันว่าตนไม่ยึดติดลาภยศ อย่างที่ประกาศ ถ้าตนผิดพูดจาบจ้วงสถาบันจริง ตนไม่อยู่เป็นภาระแน่นอน นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้เรากำลังเผชิญหน้ากับการรัฐประหาร ที่ผ่านมานอกจากมีการปล้นเพื่อมาเป็นรัฐบาลแล้ว ขณะนี้ยังมีการขู่เรื่องยุบสภาอีก จากนี้เราอย่าไปเสียดายนักเลือกตั้ง เราต้องสร้างนักประชาธิปไตย ถ้ามัวเสียดายนักเลือกตั้ง สุดท้ายมันก็มาทรยศเราอีก จากนี้ขอให้คนเสื้อแดงเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่จะถึง อย่าหวั่นไหวกับสิ่งใด วันนี้เราไม่มีอะไรจะเสีย ขอให้เตรียมความพร้อม เพื่อให้คนทั้งโลกจดจำ บี้ตร.จับกุมแก๊งยิงการ์ดนปช. นายวรชัย กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าเวลา 06.15 น. ที่บริเวณเขาตาโล พัทยา ซึ่งเป็นสถานที่เตรียมงาน ตั้งเวทีในวันที่ 23 เม.ย. ได้มีคนร้าย ขับมอเตอร์ไซค์ซ้อนท้ายมา 1 คน และมีรถปิกอัพ สีขาวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนตามมา 1 คัน 1 ใน 2 คนร้ายเดินลงมาหาการ์ด แล้วชักปืน .38 จ่อยิงการ์ดทั้ง 5 คนไม่ยั้ง ส่งผลให้นายสมชาย มีสวัสดิ์ การ์ดนปช.โดนยิงท้องทะลุหลัง นายประจวบ สุขกระโทก การ์ดนปช.อีกคน โดนยิงที่ขา 2 นัด การ์ดที่เหลือหนีกระเจิดกระเจิง โชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิต เรื่องนี้จะเป็นข้อพิสูจน์กระบวนการยุติธรรมว่า เจ้าหน้าที่จะหาคนร้ายที่กระทำผิดได้หรือไม่ เพราะในที่เกิดเหตุมีกล้อง วงจรปิดอยู่ 4 ตัว ที่ผ่านมามีการฆ่าคนเสื้อแดงมาหลายศพแล้ว แต่จับไม่ได้สักคดีเดียว ครั้งนี้จะอ้างว่า กล้องวงจรปิดเสียอีกไม่ได้ "อ๋อย"แนะบิ๊กตู่ระวังคำพูด วันเดียวกัน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงหลายฝ่ายวิตกอาจจะไม่มีการเลือกตั้งว่า ขอเสนอให้ทุกฝ่ายช่วยกันสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งและช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง หลีกเลี่ยงการกระทำที่ผิดกฎหมายและหากเห็นว่ามีใครทำผิดกฎหมายก็ใช้กฎหมายเข้าจัดการ ไม่ใช่ใช้กำลังอาวุธ นายอภิสิทธิ์ ควรไปหารือกับพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ให้ไปพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์เพื่อทำความเข้าใจกับผู้ใต้บังคับบัญชา ว่าให้ยึดหลักของกฎหมายเหมือนผบ.ทบ.เคยพูดไว้ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ส่วนคำพูดของผบ. ทบ.ที่ระบุอย่าบังคับให้ทหารต้องจับปืนอีกนั้น ตนมองในแง่ดีคงไม่ได้เจตนาจะหมายความอย่างนั้นจริงๆ และหวังว่าจากนี้ไปผบ.ทบ.จะระวังคำพูดในทำนองนี้ ขณะที่พรรคเพื่อไทยและแกนนำนปช.ต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้เกิดการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม และเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง โจทย์คือพรรคเพื่อไทยและนปช.จะกำหนดบทบาทอย่างไร เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยให้มากที่สุด แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยกับคนเสื้อแดงยังผูกขาดเข้าด้วยกัน อาจทำให้ประเด็นทางการเมืองมากลบเรื่องนโยบาย ซึ่งเป็นจุดแข็งของพรรคเพื่อไทยไป เรียกร้องพท.-แดงรีบเคลียร์ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ปัญหาระหว่างพรรคเพื่อไทยกับแกนนำคนเสื้อแดง ทำให้เกิดความเห็นที่แตกต่างในพรรค ถ้าจัดการไม่ดีอาจทำให้พรรคเพื่อไทยอ่อนแอลง จึงต้องรีบหาทางแก้ปัญหาโดยเร็ว ที่สำคัญ พรรคควรรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เห็นต่างที่ออกมาแสดงความเห็นด้วยความเป็นห่วง ต้องแสดงความขอบคุณและไม่ควรขับไล่ โดยหาทางผนึกกำลังกันให้ได้มากที่สุด หากทำไม่ได้อาจพ่ายแพ้แก่พรรคประชาธิปัตย์ที่ล้มเหลวในการบริหารและมีปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ด้านนปช.ควรจะหารือกันว่าเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว ก็ควรเสนอประเด็นที่อะไรต่อสังคมกันแน่ และนปช.มีอิสระจากพรรคการ เมืองมากน้อยเพียงใด ที่รัฐสภา นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกองทัพออกมาปกป้องสถาบันว่า ในที่ประชุมสัมมนาตำรวจ ตนจะพูดเรื่องเทิดทูนพระมหากษัตริย์ทุกครั้ง ตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน ตนเพิ่งเห็นมีการตื่นตัวในขณะนี้ หากมีใครจาบจ้วงสถาบันเราต้องดำเนินการต่อสู้ทุกวิถีทาง เราป้องกันเรื่องจาบจ้วงสถาบัน "มันผู้ใดจาบจ้วงเราจะต้องขจัดปัดเป่ามันไปให้พ้นจากแผ่นดินไทย หากผมพูดผิด เอาผมไปตัดคอ ไม่ต้องพิพากษา" ลายจุดชี้ทหารแค่กลบ 92 ศพ วันเดียวกัน นายสมบัติ บุญงามอนงค์ บ.ก. ลายจุด แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง กล่าวถึงกรณีคนร้ายสวมชุดดำซิ่งจักรยานยนต์ชักปืนกราดยิงแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมืองพัทยา และถูกคนสนิทนายอริสมันต์บาดเจ็บสาหัส ว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจมาก เจ้าหน้าที่ควรที่จะเร่งจับกุมคนร้ายมาให้ได้ และอยากจะฝากเตือนไปยังคนเสื้อแดงทุกคนทุกกลุ่มที่มีการชุมนุมตามจังหวัดต่างๆ ขอให้เพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้น อย่าประมาท ส่วนตนนั้นก็คงจะเดินหน้าจัดกิจกรรมทางการเมือง เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยต่อไป และก็ใช้ชีวิตตามปกติ แต่จะเพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่สามารถทำให้กลุ่มวันอาทิตย์สีแดงหยุดเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยได้ ซึ่งนัดหมายชุมนุมกัน ที่สวนลุมพินี ในวันอาทิตย์ 24 เม.ย.เวลา 16.00 น.และก็จะจัดชุมนุมทุกๆวันอาทิตย์หลังจากนี้ ตามสวนสาธารณะที่ต่างๆ จนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง นายสมบัติ กล่าวว่า หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปตรวจแถวทหารและมีการนำอาวุธออกมาโชว์ ต่อสื่อมวลชนและยังได้ประกาศว่าทหารไม่อยากที่จะจับอาวุธอีก ในความคิดเห็นส่วนตัวมองว่าการที่กองทัพออกมาลักษณะนี้ เพียงแค่ออกมาสร้างกระแสผ่านสื่อ เพื่อกลบเสียงปืนที่ยิงไป เมื่อวันที่ 10 เม.ย.และวันที่ 19 พ.ค.53 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ขออย่าได้เต้นตามกระแสนี้ "อยากฝากถามไปยังกองทัพว่าอยากเห็นบ้านเมืองต้องอยู่กันแบบนี้หรือ เกิดอะไรก็ขู่จับปืนฟังดูมันน่าเกลียด ควรที่จะใช้กฎหมายมาบังคับดีกว่า หากพบใครกระทำผิดกฎหมายก็แจ้งความดำเนินคดีไปจะเหมาะสมกว่ามาจับปืน และควรจะขนอาวุธปืนเหล่านี้ออกไปปกป้องอธิปไตยตามแนวชายแดน ไม่ให้ศัตรูรุกรานเข้ามาจะ ดีกว่า และเมื่อกองทัพลุกขึ้นมาจับอาวุธ จับปืนหมดสุดท้ายสถานการณ์ก็จะไม่ต่างจา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้" บ.ก.ลายจุด กล่าว บ.ก.ลายจุด กล่าวต่อว่า ตนขอฝากเตือนไปยังน.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ที่พยายามสร้างกระแสชาตินิยม โดยนำประเด็นสถาบันออกมาเคลื่อนไหว มีการขนมวลชนออกมาเผชิญหน้ากัน อย่างเหตุการณ์ที่ สน.สำราญราษฎร์ ก็มีการขนมวลชนออกมา จึงขอเรียกร้องให้หยุดการกระทำดังกล่าวที่ทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันของประชาชนได้ อัมสเตอร์ดัมดักคอปฏิวัติ ด้านนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ให้สัมภาษณ์ว่า จากข่าวลือเรื่องการปฏิวัติที่สะพัดไปทั่วนั้น ตนภาวนาว่าจะไม่เกิดขึ้นกับประเทศไทย และต้องการจะบอกกับผู้ที่คิดจะทำเรื่องนี้ว่าอย่าได้คิดว่าการรัฐประหารจะทำให้เกิดการนิรโทษกรรมใดๆ ได้ เพราะมีแต่จะกระตุ้นให้เกิดอาชญากรรมบานปลายออกไปอีก เศรษฐกิจของประเทศจะเสียหายใหญ่หลวง และขอย้ำว่า "โลกกำลังจับตามองอยู่" จึงขอเรียกร้องให้ผู้นำทหารหยุดพูดในเรื่องที่ข่มเหงประชาชน คอป.สรุปตาย92-เจ็บ1,885ราย เมื่อวันที่ 21 เม.ย. คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) เปิดเผยรายงานความคืบหน้า ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 17 ก.ค.2553 - 16 ม.ค.2554 สาระสำคัญระบุว่า 6 เดือนที่ผ่านมา คอป.ได้จัดทำข้อเสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรี 2 ครั้ง และได้รับการติดต่อแสดงความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนจากองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่ง อาทิ ยูเอ็นโอดีซี ยูเอ็นดีพี และไอซีทีเจ ข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบว่า มีผู้เสียชีวิต 92 ราย ในพื้นที่กทม. 89 ราย จ.อุดรธานี 2 ราย จ.ขอนแก่น 1 ราย บาดเจ็บ 1,885 ราย เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 542 ราย พลเรือน 1,343 ราย และดำเนินคดีต่อกลุ่มผู้ชุมนุมโดยแบ่งเป็น 4 กลุ่มคดี คือ การก่อการร้าย 145 คดี การขู่บังคับให้รัฐบาลกระทำการใดๆ 21 คดี การทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ 86 คดี และการกระทำต่ออาวุธยุทธภัณฑ์ของทางราชการ 20 คดี กิจกรรมช่วยเหลือและฟื้นฟูเหยื่อที่สำคัญ เช่น การพบผู้บริหารของกรมสุขภาพจิต ผู้นำชุมชน การจัดเวทีสาธารณะสำหรับเหยื่อ การส่งเสริมการใช้แนวทางและมาตรการเชิงสมานฉันท์และเก็บข้อมูลใน จ.เชียงใหม่ จ.อุดรธานี จ.ขอนแก่น และ จ.ลำพูน โครงการเยี่ยมเยียนทหาร ตำรวจที่ร่วมปฏิบัติการ จัดตั้งศูนย์ประสานงานเยียวยา และฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรง รายงานระบุอีกว่า ปัญหาในการดำเนินงาน คือ 1.คอป.ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย 2.ขาดการคุ้มครองความปลอดภัยของบุคคลหรือองค์กรที่ให้ข้อมูล และ 3.ข้อจำกัดจากสถานภาพและที่มาของ คอป. และมีข้อเสนอแนะดังนี้ 1.วิกฤตการณ์ความขัดแย้งรุนแรงเมื่อ เม.ย.-พ.ค. 2553 มีรากเหง้าจากโครงสร้างทางสังคมและโครงสร้างการเมืองของประเทศ โดยเฉพาะปัญหาความชอบธรรมของกลไกต่างๆ ของรัฐ หลังการรัฐประหารวันที่ 19 ก.ย. 2549 การแสวงหาทางออกควรอยู่บนพื้นฐานของการค้นหาความจริง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความขัดแย้ง การรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย และการเปิดใจกว้างที่จะร่วมกันแสวงหาทางออกให้ประเทศ 2.ทุกฝ่ายควรทำให้การเลือกตั้งปราศจากความรุนแรง และเป็นกลาง และขอให้ทุกพรรคการเมืองประกาศจุดยืนที่ชัดเจนถึงแนวทางที่เป็นรูปธรรมที่จะนำบ้านเมืองข้ามปัญหาความขัดแย้งภายหลังการเลือกตั้ง 3.การนิรโทษกรรมผู้เกี่ยวข้องในสถานการณ์ความรุนแรง และการดำเนินการกับผู้ชุมนุมโดยใช้กระบวนการทางกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมทางอาญาอย่างเคร่งครัด โดยไม่คำนึงถึงความขัดแย้งทางการเมืองที่นำมาสู่ปัญหาการชุมนุม มิใช่แนวทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืน แนวทางที่ดีที่สุดคือ การที่สังคมทราบความจริงถึงสภาพปัญหาและแสวงหาทางออกร่วมกัน 4.รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องในการกำกับควบคุมการใช้อำนาจรัฐทุกฝ่ายพึงใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมอย่างระมัดระวัง ไม่ตั้งข้อหากับผู้ที่เกี่ยวข้องในการชุมนุมรุนแรงเกินสมควร คุ้มครองสิทธิพื้นฐานของทุกฝ่าย ให้โอกาสในการต่อสู้คดี และลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ต้องหา ส่งเสริมให้กระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะศาลยุติธรรมได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นกลาง ที่สำคัญคือ ต้องสร้างความเชื่อมั่นว่า หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะในสังกัดของฝ่ายบริหารสามารถทำหน้าที่อย่างอิสระ เป็นกลาง และไม่ถูกแทรกแซง คอป.เสนอแนะอีกว่า 5.หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมต้องแสดงให้เห็นว่าวางตนเป็นกลาง ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง 6.ทุกฝ่ายควรแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะยกย่องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เป็นสถาบันที่อยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง ผู้เกี่ยวข้องในการกำกับการใช้อำนาจรัฐ และหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมพึงระวังการนำเอากฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาใช้ ควรวางแนวทางการบังคับใช้ที่เหมาะสมเพื่อลดทอนเงื่อนไขที่แต่ละฝ่ายจะนำไปกล่าวอ้าง 7.สื่อทุกแขนงต้องระมัดระวัง และรับผิดชอบในการเสนอข้อมูลที่ถูกต้องต่อสาธารณชน และ 8.รัฐบาลควรให้การสนับสนุน และส่งเสริมการเยียวยา และฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง และครอบคลุมทั้งการรักษาทางด้านร่างกาย จิตใจ การประกอบการอาชีพ บูรพาพยัคฆ์โชว์พาว-ป้องสถาบัน เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 เม.ย. ที่ลานอเนกประสงค์ หน้ากองบัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร2.รอ.)ค่ายพรหมโยธี ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี พล.ต.พิสิทธิ์ สิทธิสาร ผบ.พล.ร.2 รอ.เป็นประธานในพิธีการตรวจความพร้อมรบของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในหน่วยขึ้นตรงและหน่วยขึ้นต่อพล.ร.2 รอ. เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก มีกำลังหน่วยขึ้นตรง รวม 12 กองพัน (1,600 นาย) และ 4 ชุดปฏิบัติการพิเศษ (24 นาย) สำหรับหน่วยขึ้นตรงประกอบด้วยหน่วยรบและหน่วยสนับสนุนการรบครบทุกเหล่า โดยเฉพาะการแสดงแสนยานุภาพ กำลังรถรบถังยานเกราะ ปืนกลเบา อาวุธประจำกาย ปืนใหญ่ รวมถึงรถถังเขี้ยวเล็บ รุ่นล่าสุดจากยูเครน ตลอดจนระเบียบวินัย ความกล้าหาญทหารหาญ ความเป็นเอกแห่ง"บูรพาพยัคฆ์"โดยได้ขึ้นแท่นรับการเคารพและให้โอวาทกำลังพลก่อนเดินพบปะตรวจสภาพความพร้อมกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ พลตรีพิสิทธิ์ กล่าวให้โอวาทว่าเรามีกำลังเตรียมพร้อม ต้องพร้อมภายใน 48 ช.ม.และเคลื่อนย้ายเข้าพื้นที่ได้ภายใน 12 ช.ม. ผู้บังคับบัญชาอยากพบปะตรวจเยี่ยมทหาร"สำคัญที่สุดและนโยบายข้อแรกที่ให้คือการถวายความปลอดภัยและถวายความจงรักภักดีในองค์พระเจ้าอยู่หัวด้วยชีวิต พวกเรานอกจากเป็นทหารและยังเป็นทหารรักษาพระองค์ติดพระปรมาภิไธยย่อด้านขวาทุกคนเพราะฉะนั้นกำลังพลพล.ร.2 รอ. ต้องยึดมั่นเชิดชูสถาบันด้วยชีวิตเป็นภารกิจสำคัญที่สุดในชีวิต" จากนั้นพล.ต.พิสิทธิ์ ได้ลงจากแท่นรับการเคารพตรวจแถว-ตรวจความพร้อมและให้สัมภาษณ์ว่า"การที่มีการล่วงเกินสถาบัน อันนี้เป็นอาชีพของเรา ถ้าเป็นคนไทยสถาบันกษัตริย์อยู่ในสายเลือด ผมได้ให้โอวาทกำลังพลไปว่า เราคิดเหมือน ผบ.ทบ.ต้องปกป้องเชิดชูสถาบัน ทุกคนถ้าเป็นคนไทย" ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อถึงเรื่องปฏิวัติ ผบ.พล.ร.2 รอ. กล่าวว่าคำถามนี้ขออนุญาตไม่ตอบ ที่มณฑลทหารราบที่ 14 จังหวัดชลบุรี พล.ต.วินัย สร้างสุขดี ผบ.มทบ.ร. 14 นำทหาร จากมณฑลทหารราบที่ 14 และกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ฯ กล่าวคำปฏิญาณตนปกป้องสถาบัน พร้อมร่วมกันปฏิญาณว่า จะยอมตายเพื่อรักษาไว้ ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า จะจงรักภักดีและถวายความปลอดภัยต่อองค์พระมหากษัตริย์จนชีวิตหาไม่ จะเทิดทูน และรักษาไว้ ซึ่งความสงบแห่งประเทศชาติ จะเชื่อถือ และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยเคร่งครัด ซึ่งพิธีดังกล่าวได้มีกำลังพลเข้าร่วมจำนวนทั้งสิ้นจำนวน 1,200 นาย บุกยิงแดงชลฯเจ็บ2-ซี้อริสมันต์ เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 21 เม.ย. พ.ต.อ.สมนึก จันทร์เกตุ ผกก.สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจาก ร.พ.พัทยาเมโมเรียลว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกอาวุธปืนยิงมารักษาตัวจำนวน 2 ราย เหตุเกิดบริเวณเต็นท์ของกลุ่ม นปช.พัทยา ตั้งอยู่ปากซอยเขาตาโล ริมถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้าสัตหีบ พัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.จักรกรินทร์ ทั่วสุภาพ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.นิตย์ วิธินันทกิตต์ สว.สส. นำกำลังชุดสืบสวนเดินทางไปตรวจสอบ ภายในห้องฉุกเฉินพบแพทย์กำลังช่วยปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อต่อมาคือนายประจวบ สุดกระโทก อายุ 49 ปี ชาว จ.นครราชสีมา คนสนิทนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง สภาพถูกอาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงเข้าที่บริเวณต้นขาขวา 1 นัด แต่เนื่องจากกระสุนไม่เข้าจุดสำคัญ ภายหลังแพทย์จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วนอีกคนชื่อนายสมชาย ดีสวัสดิ์ หรือ ส.ดอกจิก อายุ 45 ปี ชาว จ.ฉะเชิงเทรา ถูกยิงเข้าที่บริเวณท้องทะลุออกหลัง และขาซ้าย รวม 2 นัด อาการสาหัส แพทย์จึงนำเข้าห้องไอซียูเพื่อผ่าตัดกระสุนออกอย่างเร่งด่วน ต่อมาตำรวจเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบมีคราบเลือดนองพื้น ที่ถังน้ำดื่ม หรือคูเลอร์สเตนเลส มีร่องรอยถูกกระสุนปืนเจาะจนเป็นรูโหว่ ในถังพบหัวกระสุนจำนวน 1 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน สอบปากคำนายสงกรานต์ สิงห์ธี อายุ 36 ปี ชาว จ.สุรินทร์ หนึ่งในกลุ่ม นปช.พัทยา และผู้อยู่ในเหตุการณ์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุมีคนอยู่ในเต็นท์ดังกล่าวรวม 5 คน จู่ๆ มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน อายุประมาณ 20-30 ปี สวมเสื้อคลุมสีดำทั้งคู่ ขับรถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีทึบ ไม่ทราบทะเบียน มาจอดที่ริมฟุตปาธหน้าเต็นท์ จากนั้นคนซ้อนท้ายได้ชักอาวุธปืนลูกโม่ ออกมากราดยิงส่รวม 5 นัด จนกระสุนถูกนายประจวบ กับนายสมชาย ได้รับบาดเจ็บ หลังก่อเหตุคนร้ายจึงได้ซิ่ง จยย.หลบหนีไปทางสัตหีบอย่างรวดเร็ว พวกตนจึงพากันหอบหิ้วคนเจ็บนำส่งร.พ. ก่อนแจ้งให้ตำรวจทราบ นายสงกรานต์ ยังให้การอีกว่า สำหรับประวัตินายประจวบ เป็นคนสนิทของนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศได้ประมาณ 2 เดือนเศษ ส่วนนายสมชาย หรือ ส.ดอกจิก เป็นเจ้าของรถแห่โฆษณาของกลุ่ม นปช.ที่เดินทางจากฉะเชิงเทรา เพื่อมาช่วยงานรวมพลคนเสื้อแดงภาคตะวันออกที่จะจัดขึ้นในวันที่ 23 เม.ย.นี้ ซึ่งในงานจะมีพิธีมอบธงประจำจังหวัด และไฮไลต์อยู่ที่การโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เวลา 12.30 น. พล.ต.ต.นิวัฒน์ รัตนาธรรมวัฒน์ รอง ผบช.ภ.2 ได้เดินทางมาที่ สภ.บางละมุง พร้อมเรียก พ.ต.ท.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส รอง ผกก.ปป. พ.ต.ท.นิตย์ วิธินันทกิตต์ สว.สส. และ ร.ต.ท.ศุภวัฒน์ ลัทธปรีชา ร้อยเวรสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาร่วมประชุมวางแผนคลี่คลายคดี พร้อมกับเชิญนายประจวบมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ พล.ต.ต.นิวัฒน์ เปิดเผยว่า จากการสอบถามนายประจวบให้การยืนยันว่าโดยส่วนตัวไม่เคยมีเรื่องอะไรกับใคร จึงไม่ทราบสาเหตุว่าถูกคนร้ายบุกยิงด้วยเรื่องอะไร เพราะคนร้ายไม่ได้เจาะจงจะยิงใคร เบื้องต้นจึงได้ตั้งประเด็นหลักไว้ 2 ประเด็น คือเรื่องการเมือง ซึ่งอาจจะถูกฝ่ายตรงข้ามบุกมายิงเพื่อข่มขวัญ เพื่อไม่ให้จัดการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 23 เม.ย. หรือน่าจะมาจากเรื่องวัยรุ่นคึกคะนอง ขณะที่เรื่องความแค้นส่วนตัวก็ไม่ได้ตัดทิ้ง อย่างไรก็ตาม ได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดี ให้เร่งสืบสวนสอบสวนเพื่อหามือปืนรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป | ||
http://redusala.blogspot.com |
ดาวน์โหลดคลิ๊ปคนเสื้อแดง
วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น